สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1056 สองสิ่งขัดแย้งกัน
“ตำนานเล่าว่าคนนอกโลกปรภพไม่สามารถเข้าไปได้ มิฉะนั้นจะถูกวิญญาณหยินแห่งปรภพฉีกร่างเป็นชิ้นๆ ทว่าหญ้าเสินเซียนนี้สามารถปกป้องดวงวิญญาณหยางของมนุษย์ไม่ให้ถูกวิญญาณหยินแห่งปรภพเจอได้ ทว่าเรื่องพวกนี้ข้าเพียงได้ยินมา ส่วนรายละเอียด เกรงว่าผู้ที่เข้าไปในดินแดนโลกปรภพเท่านั้นถึงจะรู้” กูสือซานกล่าว
น่าเสียดายที่ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดเคยเข้าไปในดินแดนโลกปรภพ
ดินแดนโลกปรภพ…
หญ้าเสินเซียนนี้เกี่ยวข้องกับดินแดนโลกปรภพจริงหรือ?
แล้วก็ ความลับที่แท้จริงของสุสานจิ่นอีโหวแห่งนี้คืออันใดกัน?
ดูเหมือนว่าไม่ได้มีส่วนเชื่อมโยงกับ ‘การรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง’ อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น
ที่นี่เกี่ยวข้องอันใดกับดินแดนปรภพ?
ทุกคนยังคงไตร่ตรองคำพูดที่กูสือซานพูดอย่างละเอียด ความคิดของเยี่ยโยวเหยาถูกดึงออกมาและให้ความสนใจกับทุกสิ่งรอบด้าน
เขาพบว่านอกจากเครื่องบรรณาการของล้ำค่าเหล่านั้น ยังมีสิ่งของแปลกประหลาดอีกมากมาย
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มีกงล้อโชคชะตาที่เหมือนเครื่องย้อนเวลาวางอยู่ บนกงล้อโชคชะตาแกะสลักเป็นมังกรเก้าตัวดูมีชีวิตชีวาและทรงพลังอย่างมาก
เยี่ยโยวเหยาเห็นแวบแรกก็รู้ทันทีว่าเป็นกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลง หลายร้อยปีก่อน เขากับจิ่วหรงยังตามหาวิญญาณดวงที่สามของซูจิ่นซีผ่านกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงนี้ และจิ่วหรงยังเคยบอกเขาว่าหากต้องการรวมวิญญาณทั้งสามของซูจิ่นซีเข้าด้วยกันจะต้องใช้กงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลง
ทว่าในยามนี้บนกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงมีฝุ่นเกาะหนาเตอะ เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดแตะต้องมันมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
ในเมื่อจิ่วหรงพาซูจิ่นซีมาถึงห้องศิลาแห่งนี้ เหตุใดจึงไม่ใช่กงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงเล่า?
มือของเยี่ยโยวเหยาค่อยๆ ลูบบนอุปกรณ์ที่ผ่านยุคสมัยมาอย่างโชกโชน คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
หลังจากนั้นเยี่ยโยวเหยาก็พบสิ่งของแปลกประหลาดมากมายรอบด้านกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงและบนกำแพงโดยรอบ
สิ่งของเหล่านั้นดูเหมือนว่าไม่ได้นำมาฝังรวมกับเครื่องบรรณาการเหล่านี้ในสุสานจิ่นอีโหว ทว่าถูกคนนำเข้ามาภายหลัง
มีอาวุธวิเศษ เคล็ดวิชา สมุนไพร ภาชนะแปลกประหลาด และยังมีสิ่งของที่เยี่ยโยวเหยามองไม่ออกว่ามันคือสิ่งใด
บนผนังรอบๆ แกะสลักอักษรแปลกประหลาดเต็มไปหมด
แม้จะยังไม่เข้าใจในตอนนี้ ทว่าเยี่ยโยวเหยาค่อนข้างแน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าเม้ยเป็นอย่างมากแน่นอน เนื่องจากซูจิ่นซีมีตัวตนเป็นคนเผ่าเม้ย เยี่ยโยวเหยาเคยให้ความสนใจอย่างมากเกี่ยวกับข้อมูลเผ่าเม้ยโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเผ่าเม้ย เขาจะกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
เช่นนั้นแล้ว ผู้ใดเป็นคนนำสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเผ่าเม้ยมาที่นี่?
ใช่จิ่วหรงหรือไม่?
หากเป็นจิ่วหรงจริงๆ เขาคิดจะใช้ของพวกนี้ทำอันใด?
เยี่ยโยวเหยาพยายามสงบจิตใจตนเองลง เพื่อให้เรื่องราวสับสนวุ่นวายนี้ปะติดปะต่อกันอย่างชัดเจน ทว่ายังคงไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ดูเหมือนว่ามู่หรงฉีและอู๋จุนจะพบบางอย่าง จึงศึกษาสิ่งเหล่านั้นอย่างละเอียด
ทันใดนั้นประตูสุสานก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง คนของแคว้นไหวเจียงจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาภายใต้การนำทางของกูสือซาน พวกเขาขนย้ายเครื่องบรรณาการล้ำค่าที่อยู่บนพื้นออกไปด้านนอกอย่างลนลาน
“พวกนี้ พวกนี้ พวกนี้ แล้วก็พวกนี้ ห่อใส่กล่องไปให้หมด”
“แล้วก็พวกนี้ ขนออกไปให้หมด ระวังด้วย! ”
“อย่ากระแทก บอกให้พวกเจ้าระวังหน่อย ได้ยินหรือไม่! ”
……
สำหรับคนของแคว้นไหวเจียงแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติล้ำค่ามหาศาลอย่างแท้จริง หากเยี่ยโยวเหยา มู่หรงฉี และคนอื่นๆ ไม่พุ่งเป้าเพื่อตามหาซูจิ่นซี บางทีอาจจะสนใจเครื่องบรรณาการล้ำค่าเหล่านั้นแน่ ทว่าตอนนี้พวกเขากำลังตามหาซูจิ่นซีและจิ่วหรงแข่งกับเวลา พวกเขาจึงไม่ได้สนใจ
มู่หรงฉีเหลือบมองพวกคนโลภจากแคว้นไหวเจียงเคลื่อนย้ายเครื่องบรรณาการอย่างบ้าคลั่งก็อดส่ายศีรษะไม่ได้
อย่างไรก็ตาม กลับไม่คาดคิดว่าจู่ๆ จะมีคนพุ่งเข้ามาและเริ่มขนย้ายกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงและสิ่งของรอบๆ เหล่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเผ่าเม้ย
“แล้วก็พวกนี้ พวกนี้ก็ขนออกไปให้หมด” กูสือซานกล่าว
จากนั้น แววตาของเขาก็หยุดอยู่ที่กงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลง เขาถือกระบี่ในมือโดยที่ยังไม่ได้ชักออกจากฝักและใช้กระบี่เคาะลงบนกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงสองครั้งดัง ‘ปึงปึงปึง’
“นี่คือสิ่งใด? ”
จิ้นอี้เฉินเดินเข้ามาและเดินวนรอบๆ กงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงอยู่สองรอบ แววตาค่อยๆ สว่างขึ้นมา “หากข้ามองไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลง”
“กงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงคือสิ่งใด? ”
จิ้นอี้เฉินในเวลาคร้านจะอธิบายให้กูสือซานฟัง “อย่างไรก็ตาม มันเป็นของที่ดีและมีประโยชน์ใหญ่หลวง ย้ายออกไปก่อนค่อยว่ากัน จำไว้ว่าให้คนขนย้ายอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ห้ามทำตกแตกเด็กขาด”
“ได้! ”
กูสือซานตอบรับและเรียกคนเข้ามาย้ายกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลง อย่างไรก็ตาม กลับไม่คิดว่าจู่ๆ ตรงหน้าจะมีเงาดำพาดผ่าน ลมเย็นยะเยือกพัดมา และมีกระบี่แวววับจ่ออยู่ที่ลำคอของกูสือซาน
“วางลง! ” เยี่ยโยวเหยาพูดขึ้น
สายตาของกูสือซานพลันปรากฏความเย็นชา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและค่อยๆ มองเยี่ยโยวเหยาที่กำลังถือกระบี่
“โยวอ๋อง นี่ท่านทำอันใด? ก่อนหน้าพวกเราตกลงกันแล้วว่าเมื่อเจอสุสานจิ่นอีโหว ทุกคนมีส่วนแบ่ง ตอนนี้สมบัติเหล่านี้อยู่ตรงหน้าแล้ว ผู้ใดเร็วผู้นั้นได้ หรือว่าท่านยังคิดสู้กับพวกข้า? ”
เมื่อสิ้นเสียงกูสือซานก็เกิดเสียง ฟึบ ฟึบ ฟึบ ดาบยาวในมืออู๋จุน มู่หรงฉี และถังเสวี่ยกดอยู่ที่หน้าอกของกูสือซาน
“ไม่ใช่แค่โยวอ๋องที่คิดจะสู้กับเจ้า ยังมีพวกข้าอีกด้วย! ” เสียงของถังเสวี่ยดังชัดแจ๋วและเต็มไปด้วยพลัง “กูสือซาน เจ้าให้คนของเจ้าวางของพวกนี้ลง! ”
ด้วยกระบี่มากมายที่พุ่งเข้ามา กูสือซานจึงขลาดกลัวเล็กน้อย ทว่าความโลภปลุกความกล้าในตัว เมื่อนึกถึงทรัพย์สมบัติมากมายที่ขนออกไปล้วนเป็นทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด แต่ที่อาจารย์จิ้นอี้เฉินบอกว่าเป็นกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลง สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ดังนั้นจึงไม่อาจมอบให้คนที่อยู่ตรงหน้าได้
ต่อให้ต้องสู้ เขาก็จะไม่ถอย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่านอาจารย์จิ้นอี้เฉินและประมุขหลานอวี่อยู่ เขากลัวอันใด?
เมื่อครุ่นคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยม
“หากข้าไม่ทำตามคำสั่งเล่า? ”
เยี่ยโยวเหยาไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับกูสือซานมากเกินไป
“สิ่งของเหล่านี้ ข้าต้องการทั้งหมด พวกเจ้าต้องวางลง ไม่อยากวางก็ต้องวาง” พูดพลางกดกระบี่แนบคอกูสือซานโดยไม่ลังเล
กูสือซานแววตาเปลี่ยนไปทันที เขาคาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะลงมือสังหารเขาจริงๆ ทั้งยังคิดว่าตนเองจะไม่รอดแล้ว อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเขาก็ถูกจิ้นอี้เฉินใช้พลังภายในดึงตัวเขาออกมาจากคมกระบี่ของเยี่ยโยวเหยาอย่างหวุดหวิด ทว่าบนลำคอยังหลงเหลือบาดแผลเป็นรอยลึก เลือดสีสดก็ไหลออกมาจากบาดแผล
กูสือซานสัมผัสที่ลำคอ พบว่าฝ่ามือเต็มไปด้วยเลือดจึงรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา
อันตรายเกินไปแล้ว หากอาจารย์จิ้นอี้เฉินลงมือไม่ทันกาล เขาคงตายไปแล้ว กูสือซานรีบหยิบยาสูตรลับเฉพาะของแคว้นไหวเจียงออกมาทันทีและเริ่มห้ามเลือดตนเอง
แม้กูสือซานจะหนีไปแล้ว ทว่าเยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ กลับไม่คิดจะปล่อยคนแคว้นไหวเจียงไป เพราะพวกเขาสนใจกงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงและสิ่งของของเผ่าเม้ยขึ้นมาแล้ว ทิ้งไว้ก็เป็นปัญหาไม่รู้จบในภายหลัง ดังนั้นจึงเคลื่อนที่โจมตีคนแคว้นไหวเจียงทุกคนพร้อมกัน
ไม่ช้าก็ได้ยินเสียง โป้งเป้ง โช้งเช้ง ของอาวุธกระทบกันในห้องศิลาวางศพ และทั้งสองฝ่ายก็เริ่มตะลุมบอนต่อสู้กันอีกครั้ง