สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1064 ศิษย์น้องที่ไม่เจอกันนาน
แม้ซูจิ่นซีจะยืนกรานเช่นนั้น ทว่านอกจากจะย้าย JX กับพวกมาคุ้มครองซูจิ่นซีแล้ว เยี่ยโยวเหยายังส่งยอดฝีมือของวิหารวิญญาณมาช่วยซูจิ่นซีอีกหลายคน
เช้าวันรุ่งขึ้น เทพโอสถและหมอเทวดามาตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซีอีกครั้ง ตั้งแต่ออกมาจากสุสานจิ่วอีโหว ร่างกายของซูจิ่นซีก็ดีวันดีคืน เวลาตรวจชีพจรก็ไม่เห็นความผิดปกติอันใด ทว่าเยี่ยโยวเหยายังขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขายังรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง
ตงหลิงหวงพูดเกลี้ยกล่อมว่า “โยวอ๋องวางใจ แม้วิชาแพทย์ของข้าไม่ดีเท่าจิ่วหรง ทว่าข้าดูออกว่าตอนนี้พระชายาโยวอ๋องไม่เป็นอันใดแล้ว”
ซูจิ่นซีกล่าว “อย่าได้เป็นกังวลถึงเพียงนั้น หมอพิษก็คือหมอเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นวิชาแพทย์ของข้าเองก็ไม่ได้แย่ ข้ารู้ร่างกายตนเองดี ตอนนี้ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก”
เยี่ยโยวเหยาจึงคลายความกังวลลงมาบ้าง
หมอเทวดามองหาโอกาสเหมาะสม จากนั้นจึงเอ่ยปากถามซูจิ่นซี “เจ้าสำนัก เรื่องกลับสำนัก… พวกเราควรออกเดินทางเมื่อใด? ” อย่างไรเสีย ในสำนักก็ขาดซูจิ่นซีไม่ได้จริงๆ
ซูจิ่นซีกล่าว “ท่านไปเตรียมตัว พวกเราจะออกเดินทางพรุ่งนี้! ”
หมอเทวดาและเทพโอสถต่างดีใจและตอบรับพร้อมกัน ทั้งสองขอตัวออกไปเตรียมตัวอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาที่เพิ่งผ่อนคลายอึมครึมลงทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากแยกจากซูจิ่นซี
ตงหลิงหวงมองสถานการณ์ออก “ในราชสำนักยังมีเรื่อง ข้าก็ต้องรีบกลับไปจัดการ และจะออกเดินทางพร้อมพระชายาโยวอ๋องพรุ่งนี้” พูดจบก็รีบเดินออกนอกประตูไป มู่หรงฉีจึงรีบตามออกไป
อู๋จุนนั่งดื่มชาอย่างสบายใจบนเก้าอี้โดยไม่ขยับ ถังเสวี่ยจึงลากอู๋จุนออกไป “ไป ออกไปกับข้า”
“ข้ายังดื่มชาไม่เสร็จเลย! ไปที่ใด? ข้าไม่ไปที่ใดทั้งนั้น! ”
“ดื่มอันใดอีก? ออกไปดื่มข้างนอก! ”
……
ไม่นานทั้งสองก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในห้องจึงเหลือซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเพียงสองคน
“เยี่ย… ”
ซูจิ่นซีกำลังคิดจะพูดบางอย่าง เยี่ยโยวเหยากลับลุกขึ้นและกอดซูจิ่นซีไว้ในอ้อมแขนตนเอง
“อย่าพูด! ”
ซูจิ่นซีตัวแข็งทื่อ คำพูดติดอยู่ในลำคอ นางรู้สึกเพียงว่าเยี่ยโยวเหยากอดนางแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะหายใจไม่ออก
เส้นทางที่ผ่านมา พวกเขาผ่านลมผ่านฝนนับไม่ถ้วน และไม่รู้ว่าเหลือระยะทางอีกเท่าไร เยี่ยโยวเหยาต้องปกป้องซูจิ่นซีไว้ข้างกายตนเองอย่างแนบแน่นเท่านั้นถึงจะวางใจ ทว่ายังมีนับครั้งไม่ถ้วนที่พวกเขาต้องแยกจากกัน
เขาไม่เต็มใจและไม่กล้า!
“เยี่ยโยวเหยา ข้ารับปากท่านแล้ว เมื่อเรื่องสำนักแพทย์เทียนอีคลี่คลาย ข้าจะกลับไปหาท่านอ๋องที่แคว้นจงหนิงทันที! ”
“…”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านวางใจ ข้าจะไม่ปล่อยให้ตนเองมีเรื่องเด็ดขาด! ”
“…”
ซูจิ่นซีอยากจะหัวเราะ อยู่มาสองชาติภพ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นบุรุษผู้หนึ่งเกาะติดนางเช่นนี้
“เยี่ยโยวเหยา… ”
ซูจิ่นซีแค่เรียกชื่อเยี่ยโยวเหยา จู่ๆ เยี่ยโยวเหยาก็รุกไล่บรรจงจูบลงบนริมฝีปาก
ใจของนางพลันเต้นแรง อยากรีบผลักเยี่ยโยวเหยาออกไป ทว่าร่างกายกลับถูกเยี่ยโยวเหยายึดไว้แน่น
“เยี่ยโยวเหยา ท่าน… ท่านจะทำอันใด? ” ทั้งสองคนยังอยู่ในห้องโถง นอกจากนี้ยังเป็นกลางวันแสกๆ “ท่านบ้าไปแล้วหรือ? เดี๋ยวผู้อื่นเห็น”
ซูจิ่นซีนึกถึงตงหลิงหวงและคนอื่นๆ ที่เพิ่งออกไปและไม่รู้จะย้อนกลับมาหรือไม่ หากพวกเขากลับมาแล้วเห็นเข้าจะทำอย่างไร? ซูจิ่นซีร้อนรนไปทั้งร่าง
“เช่นนั้นก็กลับไปที่ห้อง! ” เยี่ยโยวเหยาพูดพลางอุ้มซูจิ่นซีขึ้นมาแนบอก และเดินกลับไปที่ห้องของพวกเขา
ซูจิ่นซีตกใจทันที ทว่าคิดจะต่อต้านก็สายเกินไปเสียแล้ว เยี่ยโยวเหยาอุ้มนางเดินออกประตูไป องครักษ์ด้านนอกล้วนเป็นทหารของวิหารวิญญาณทั้งหมด ดังนั้นนางจึงซุกศีรษะลึกในอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยาอย่างเงียบงัน นางจะได้มองไม่เห็นผู้อื่น และผู้อื่นจะได้มองไม่เห็นนาง
“ก่อนหน้านี้ ร่างกายของชายาที่รักไม่สู้ดีนัก ข้าเห็นแก่เจ้าจึงไม่เข้าใกล้เจ้า ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ที่เจ้าไม่ได้ปรนนิบัติข้า พระชายาก็ไม่คุ้นเคยแล้วหรือ? ”
ซูจิ่นซีแก้มแดงก่ำราวกับไฟเผา “เยี่ยโยวเหยา แล้ว… แล้วทารกในครรภ์เล่า! ”
“ข้าถามหมอเทวดาสำนักแพทย์เทียนอีแล้ว ช่วงเดือนเพียงพอแล้ว”
เรื่องเช่นนี้ เขาไปถามหมอเทวดาเพื่อ…?
ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาถามอย่างไร นึกถึงเรื่องเช่นนี้ได้เขายังจะไปถามผู้อื่น แก้มของนางจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีพลางกัดฟันอย่างรุนแรง “เยี่ยโยวเหยา ท่าน… ท่านมันสัตว์ร้าย ท่าน… ท่านมันหน้าไม่อาย”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาบรรจงจูบลงบนหน้าผากของซูจิ่นซี ก่อนจะค่อยๆ ปลดผ้าคาดเอวของซูจิ่นซีออก “อยู่ต่อหน้าพระชายาที่รัก ข้าก็หน้าไม่อายเช่นนี้มาตลอด ชายาที่รัก หรือว่าวันนี้เจ้าเพิ่งจะรู้จักข้า? ”
ระหว่างที่พูด ร่างกายซูจิ่นซีพลันรู้สึกเย็นวาบและหนาวสั่นเล็กน้อย นางอยากผลักเยี่ยโยวเหยาออก ทว่าสองมือกลับถูกเยี่ยโยวเหยากดไว้ จากนั้นเขาก็บรรจงจุมพิตนางอย่างอ่อนโยน
ร่างกายของซูจิ่นซีสั่นสะท้านราวกับถูกไฟฟ้าดูด นางอดจับไหล่เยี่ยโยวเหยาไว้แน่นไม่ได้
หลังจากไม่ได้สัมผัสกันและกันเป็นเวลานาน ร่างกายของซูจิ่นซีจึงไวต่อความรู้สึกเป็นพิเศษ เยี่ยโยวเหยาดูเหมือนจะมีความสุขมากกับปฏิกิริยาตอบสนองของซูจิ่นซี รอยยิ้มที่มุมปากของเขาลึกขึ้นเล็กน้อย การเคลื่อนไหวยิ่งอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ
……
เช้าวันรุ่งขึ้น หมอเทวดาและเทพโอสถได้ตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพียงรอให้ซูจิ่นซีออกเดินทางพร้อมกัน
เยี่ยโยวเหยาเกาะหนึบซูจิ่นซีอยู่นานกว่าจะยอมปล่อยให้ซูจิ่นซีจากไป รอยบนคอทั้งหมดเป็นสิ่งที่เยี่ยโยวเหยาทำทิ้งไว้ซ้ำๆ ซูจิ่นซีสวมชุดปกคอเสื้อสูงเพื่อปกปิดไม่ให้ผู้ใดเห็นโดยง่าย
ตงหลิงหวงและมู่หรงฉีไม่ได้ปรากฏตัว เพียงส่งคนมาฝากข้อความทิ้งไว้ว่า คงไม่ได้มาส่งซูจิ่นซีแล้ว ไว้พบกันใหม่
สิ่งที่อู๋จุนไม่ชอบที่สุดก็คือ ภาพการแยกจากกันอย่างอืดอาดยืดยาดเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มีเยี่ยโยวเหยาอยู่ก็ไม่มีที่ว่างให้เขา และเขาไม่สามารถตามซูจิ่นซีไปสำนักแพทย์เทียนอีได้ เขาจึงไม่ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน
อู๋จุนไม่มา แน่นอนว่าถังเสวี่ยก็ไม่มาเช่นกัน จึงมีเพียงเยี่ยโยวเหยาผู้เดียวที่มาส่งซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีและรถม้าจากสำนักแพทย์เทียนอีจากไปไกลจนลับสายตา ทันใดนั้นองครักษ์เงาหลายคนที่อยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยาก็ปรากฏตัวขึ้น เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในนั้นแต่งกายต่างจากผู้อื่น นั่นก็คือจิ้นหนานเฟิงที่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเป็นเวลานาน
เมื่อจิ้นหนานเฟิงเห็นว่าเขาไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเป็นเวลานาน จึงรีบมาหาเยี่ยโยวเหยาด้วยตนเอง “ท่านอ๋อง… ”
เยี่ยโยวเหยาหันมามองจิ้นหนานเฟิงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาสุดขั้ว “ออกเดินทาง! ” จากนั้นก็เดินไปยังขบวนม้าที่จิ้นหนานเฟิงเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว
ในไม่ช้า ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ก็มาถึงสำนักแพทย์เทียนอี ลูกศิษย์สำนักแพทย์เทียนอีมารวมตัวกันด้านนอกหุบเขาเพื่อต้อนรับการมาถึงของเจ้าสำนักคนใหม่ ซูจิ่นซียกม่านรถม้าขึ้น นางเห็นเพียงพวกลูกศิษย์คุกเข่าบนพื้นเต็มไปหมดและตะโกนลั่นภูเขาว่า “ลูกศิษย์คำนับท่านเจ้าสำนัก ยินดีต้อนรับเจ้าสำนักกลับหุบเขา”
หมอเทวดาและเทพโอสถก้าวไปข้างหน้า และเปิดม่านรถม้าให้ซูจิ่นซีด้วยตนเอง ซูจิ่นซีลุกขึ้นแล้วเดินลงจากรถม้าอย่างเชื่องช้า นางกวาดสายตาผ่านทุกคนที่คุกเข่าบนพื้นแล้วจึงกล่าวเสียงดังว่า “ทุกคนโปรดลุกขึ้นเถิด! ”
ทุกคนยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
หมอเทวดากล่าวว่า “เจ้าสำนัก ตำหนักเซียนหลินยังไม่ได้ทำความสะอาด ทว่าข้าได้ให้ลูกศิษย์ทำความสะอาดห้องในตำหนักด้านข้างไว้ให้เจ้าสำนักแล้ว ในขณะนี้ เจ้าสำนักสามารถพักผ่อนที่ตำหนักด้านข้างก่อน ข้าจะพาลูกศิษย์ไปจัดการและทำความสะอาดตำหนักเซียนหลินด้วยตนเองโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เจ้าสำนักเข้าไปอาศัย”
“ตกลง! ”
ซูจิ่นซีพยักหน้า ลูกศิษย์ทุกคนต่างหลีกทางให้ทันที ซูจิ่นซีจึงเดินนำไปที่ประตูสำนัก ทว่าขณะที่นางกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูสำนัก กลับไม่คิดว่าท่ามกลางฝูงชน จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งพุ่งมาหา “ศิษย์น้องเล็ก ไม่เจอกันนาน ยินดีกับการที่เจ้าได้เป็นเจ้าสำนักคนใหม่”
เมื่อเห็นผู้ที่มา ซูจิ่นซีพลันขมวดคิ้วแน่น