สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1065 มีข่าวด่วน
เมื่อเห็นคนที่มา คิ้วของซูจิ่นซีก็ขมวดอย่างรุนแรง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจงจิงเฉิน
ตั้งแต่การชุมนุมซิ่งหลินที่แคว้นหนานหลีครั้งล่าสุดก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย หากเขาไม่ได้ปรากฏอย่างกะทันหัน ซูจิ่นซีคงจะลืมเขาไปแล้ว
เมื่อมองดีๆ ซูจิ่นซีก็เห็นหนานกงหว่านเอ๋อร์อยู่ด้านหลังจงจิงเฉิน จึงอดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้
แม่นางผู้นี้ในวันนั้นทั้งเย่อหยิ่งและวางอำนาจ ลอบกัดซูจิ่นซี ทว่าตอนนี้กลับดูเหมือนมะเขือยาวแช่แข็งจนแห้งเหี่ยวไปแล้ว นางยืนอยู่ด้านหลังจงจิงเฉินและก้มหน้าลงต่ำจนแทบจะมุดศีรษะเข้าไปในคอเสื้อของตนเอง
ซูจิ่นซียกยิ้มในใจและพยักหน้าให้จงจิงเฉินเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูสำนักโดยไม่ได้พูดอันใด
ในเมื่อนางเป็นเจ้าสำนักก็ต้องวางมาดเจ้าสำนัก ไม่เช่นนั้นคิดจะดูแลสำนักแพทย์เทียนอีที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย
หมอเทวดาจัดการให้ซูจิ่นซีพักอยู่ในตำหนักด้านข้างตำหนักเซียนหลินชั่วคราว ลูกศิษย์ทำความสะอาดตำหนักเซียนหลินทุกวันจนสะอาดสะอ้าน เก็บกวาดให้เรียบร้อย ความจริงแล้วเพียงแค่นำสิ่งของเดิมของจิ่วหรงส่งต่อให้ซูจิ่นซี และเนื่องจากซูจิ่นซีไม่ต้องการให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสิ่งของในตำหนักเซียนหลิน นางจึงเดินตรงเข้าไป
ความทรงจำมากมายถูกฝังอยู่ที่นี่ ทันทีที่เดินเข้าไปในตำหนักและเห็นเครื่องเรือนอันแสนคุ้นเคย ความทรงจำที่แสนงดงาม เจ็บปวด โศกเศร้า และพัวพันกันจนยุ่งเหยิงเหล่านั้นก็โหมกระหน่ำราวกับสายธารหลั่งไหล ในใจของซูจิ่นซีเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับไว้จนหายใจไม่ออก
“โฮก… ” สัตว์เทพกิเลนกระโจนออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซี สัตว์ตัวเล็กราวกับก้อนกลมถูไถขาของซูจิ่นซีไม่หยุด
ซูจิ่นซีประคองมันไว้ในฝ่ามือแล้วใช้นิ้วลูบมันอย่างแผ่วเบา “เจ้าก็คิดถึงท่านอาจารย์เหมือนกันใช่หรือไม่? ”
“โฮก… ”
“ข้าก็คิดถึงเขาเช่นกัน! ” เมื่อสิ้นเสียง น้ำตาของซูจิ่นซีก็ไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
หลังจากกลับมาที่สำนักแพทย์เทียนอี สิ่งแรกที่ซูจิ่นซีทำคือส่งคนไปตามหาจิ่วหรง แม้เยี่ยโยวเหยาจะส่งคนจากวิหารวิญญาณไปแล้ว ทว่าซูจิ่นซีรู้สึกว่ามากคนมากพลัง
แม้จิ่วหรงจะจัดการสำนักแพทย์เทียนอีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาโดยตลอด ทว่าเรื่องหยุมหยิมมีจำนวนมาก ซูจิ่นซีพยายามทำความคุ้นเคยอย่างหนัก ทว่ายังต้องใช้เวลากว่าสองเดือนเต็ม
สองเดือนต่อมา ข่าวการล่มสลายของแคว้นซีอวิ๋นและถูกแคว้นจงหนิงเข้ายึดครองพลันแพร่สะพัดทั่วอาณาจักรเทียนเหอ ระหว่างกำลังทำสงครามกับแคว้นจงหนิง ตระกูลหนานกงแห่งแคว้นซีอวิ๋นได้แปรพักตร์ทรยศต่อเยี่ยโยวเหยา หลังจากแคว้นซีอวิ๋นล่มสลาย คนตระกูลหนานกงบางส่วนถูกขายออกไป เหลือเพียงคนสำคัญไม่กี่คน เชื้อพระวงศ์ซีอวิ๋นกับตระกูลหยางถูกทหารหนานกงจับขังอยู่ด้วยกันในแคว้นจงหนิง ซึ่งรวมถึงหนานกงหว่านเอ๋อร์และบิดาของนาง
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนซึ่งก็คือเดือนที่เก้า แคว้นจงหนิง แคว้นหนานหลี และแคว้นตงเฉินสามแคว้นได้ร่วมมือกันเคลื่อนกำลังทหารไปยังแคว้นไหวเจียง ทั้งสามแคว้นรวมกองกำลังทหารขนาดใหญ่ประชิดแคว้นไหวเจียง ช่วงแรกที่อยู่แคว้นเป่ยอี้ เยี่ยโยวเหยาหมายจะกำจัดแคว้นไหวเจียงอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะจัดการกับความขัดแย้งภายในแคว้นจงหนิงและแคว้นซีอวิ๋น เป็นไปไม่ได้ที่จะรอถึงสามเดือนแล้วค่อยลงมือ
ไม่ว่าจะยุ่งมากเพียงใด เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ลืมเขียนจดหมายให้ซูจิ่นซี ดังนั้นด้านนอกหุบเขาเทียนอีเกิดเรื่องอันใดขึ้น ซูจิ่นซีล้วนทราบอย่างทะลุปรุโปร่ง
ในช่วงกลางเดือนเก้า ซูจิ่นซีได้ถ่ายทอดงานทั้งหมดของสำนักแพทย์เทียนอีให้หมอเทวดาและเทพโอสถจัดการและตัดสินใจออกจากหุบเขา หลังจากรถม้าออกจากหุบเขาก็มุ่งตรงไปทางตอนใต้
เยี่ยโยวเหยาส่งแม่นมฮวาและลวี่หลีมาอยู่ข้างกายซูจิ่นซีตั้งแต่สามเดือนก่อน อย่างไรเสีย ร่างกายซูจิ่นซีก็ดีวันดีคืน สำหรับคนสำนักแพทย์เทียนอีนั้น เยี่ยโยวเหยายังไม่ค่อยวางใจนัก
เมื่อแม่นมฮวาเห็นว่ารถม้าเคลื่อนไปยังทิศทางที่ไม่ถูกต้องจึงขมวดคิ้วและรีบพูดว่า “พระชายา ไม่ถูกต้อง ในจดหมายท่านอ๋องบอกว่าให้พระองค์กลับไปแคว้นจงหนิงก่อน! ”
ซูจิ่นซีเอนกายอยู่ในรถม้า มือเท้าคาง หรี่ตาลงเตรียมหลับ “กลับแคว้นจงหนิง ข้าจะไปนั่งนิ่งๆ ได้อย่างไร? ข้าต้องการไปดูสถานการณ์ชายแดนทางตอนใต้เสียหน่อย”
แม่นมฮวาพลันตกใจหน้าซีดขาว “ได้อย่างไรเพคะ ชายแดนทางใต้เป็นสนามรบ ทำสงครามกันวุ่นวาย พระชายาทรงพระครรภ์ได้แปดเดือนแล้วเพคะ ไม่ได้เด็ดขาดเพคะ”
“ได้หรือไม่ได้ ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ”
“ทว่า… ”
แม่นมฮวายังต้องการพูดบางอย่าง ทว่าซูจิ่นซีหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ และผล็อยหลับไป
ในใจของนางร้อนรุ่มราวกับถูกเผาอยู่บนกองไฟ ไม่มีทางอดกลั้นไว้ได้ นางรีบยกม่านรถม้าแล้วพูดกับ JX และคนอื่นๆ ที่ขี่อยู่บนม้าด้านหน้า “หยุดรถ รีบหยุดรถ เลี้ยวกลับไปแคว้นจงหนิง”
ทว่า JX และคนพวกนั้นถูกฝึกโดยซูจิ่นซีจึงเชื่อฟังคำสั่งของซูจิ่นซีเพียงผู้เดียว พวกเขาจะฟังคำสั่งของแม่นมฮวาได้อย่างไร?
แม่นมฮวาไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย พอตกกลางคืน ขบวนรถม้าเดินทางมาหยุดพักในเมืองแห่งหนึ่ง แม่นมฮวาจึงหาโอกาสเขียนจดหมายถึงเยี่ยโยวเหยา ทว่าจดหมายไม่ทันได้ส่งออกไปก็ถูกองครักษ์สกัดไว้ ทั้งเขายังพาแม่นมฮวาไปส่งให้ซูจิ่นซีพร้อมจดหมาย
ซูจิ่นซีเอนกายลงบนตั่ง หลายวันมานี้นางหลับง่ายเป็นพิเศษ มือหนุนท้ายทอยแล้วงีบหลับอย่างผ่อนคลายโดยไม่ได้เหลือบมองจดหมายที่ถูกส่งมาตรงหน้า ซึ่งยิ่งทำให้ในใจของแม่นมฮวาสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
นางเกลี้ยกล่อมซูจิ่นซีต่อไปด้วยสีหน้าไม่ย่อท้อ “พระชายา ทรงฟังบ่าวแนะนำสักประโยค กลับแคว้นจงหนิงเถิด ต่อให้ไม่สนผู้อื่น พระชายาก็ต้องคิดถึงท่านอ๋องน้อยในท้องบ้าง ชายแดนตอนใต้กำลังทำสงครามกันวุ่นวาย ตามเส้นทางย่อมมีอุบัติเหตุแน่นอน และพวกเราไม่มีกำลังคนที่ทำคลอดได้เลย”
นางไม่ได้ใกล้จะคลอดถึงเพียงนั้น ซูจิ่นซีรู้ตนเองดี
ทว่านางไม่สนใจคำพูดของแม่นมฮวา
แม่นมฮวายังคงเกลี้ยกล่อมต่อไป “พระชายา ต่อให้พระองค์ไม่คิดถึงสิ่งอื่นก็คิดถึงท่านอ๋องเถิด! ตอนนี้ท่านตัวหนักมากแล้ว ถึงไปก็ช่วยอันใดไม่ได้! ท่านอ๋องดูแลได้ไม่ทั่วถึงแน่นอนเพคะ ต้องดูแลสนามรบและต้องดูแลพระชายาไปด้วย”
“พระชายา พวกเรากลับกันเถิดเพคะ! ”
“พระชายา ทรงตอบบ่าวสักประโยคเถิดเพคะ! ”
ซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วเหลือบมองแม่นมฮวา “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้อาวุโสข้างกายท่านอ๋อง ทว่าในเมื่อท่านอ๋องจัดสรรเจ้ามาให้ข้า เจ้าก็คือคนของข้า ข้าไม่สนว่าตัวเจ้าจะคิดสิ่งใดหรือกำลังห่วงใยคิดแทนข้า หากเกิดเรื่องเช่นนี้อีกครั้งก็ไม่ต้องอยู่รับใช้ข้างกายข้า ข้าจะส่งเจ้ากลับไปให้ท่านอ๋องทันที”
ส่งกลับไป?
โอ้ แย่แล้ว… ก้นบึ้งหัวใจของแม่นมฮวาหนักอึ้ง เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
แม้นางจะถูกส่งกลับไปอยู่ข้างกายท่านอ๋อง เมื่อท่านอ๋องนึกถึงไท่เฟยผู้ล่วงลับไปก็จะไม่ทำอันใดนาง
ทว่าต่อหน้าบรรพชนจักรวรรดิต้าฉินมากมาย นางไม่อาจทำให้เสียหน้าได้!
อายุปูนนี้แล้ว จะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ใด!
แม่นมฮวาปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากและยังอยากพูดบางอย่าง ทว่าจู่ๆ จดหมายที่วางอยู่ตรงหน้าซูจิ่นซีกลับลอยขึ้นแล้วตกลงไปในเตาไฟ หายวับไปในพริบตา
ซูจิ่นซีปรือตาเล็กน้อยอย่างง่วงนอน ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “แม่นมฮวา ใกล้ยามเฉินแล้วรีบกลับไปนอนเถิด! พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางกันต่อ! ”
ประโยคที่แม่นมฮวากำลังจะพูดถูกกลืนกลับเข้าไป นางทำได้เพียงเดินออกจากประตู
เมื่อทุกคนกำลังจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น จู่ๆ ก็มีคนสองคนมาหา…