สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1066 ท่านรักผู้ใดมากกว่า
ขณะที่ทุกคนกำลังจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น จู่ๆ ก็มีคนสองคนมา เป็นอู๋จุนกับถังเสวี่ย
เดิมทีคิดว่าพวกเขากลับหุบเขาร้อยบุปผาไปแล้ว กลับไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก ซูจิ่นซีประหลาดใจเล็กน้อย
“เป็นพวกเจ้าได้อย่างไร? ” ซูจิ่นซีพูดพลางมองอู๋จุนและถังเสวี่ยที่เดินตามองครักษ์
ถังเสวี่ยเมื่อเห็นว่าท้องของซูจิ่นซีกลมนูนก็เข้าไปใกล้ด้วยใบหน้าปีติยินดี “โอ้ ไม่พบกันแค่สองสามเดือนท้องใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว ซูจิ่นซี เจ้ามีความสามารถจริงๆ ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างรุนแรง
อู๋จุนกลับยืนขวางหน้าถังเสวี่ย “หลบไป เสียมารยาท หากลูบแล้วเกิดอุบัติเหตุจะทำอย่างไร? ”
“ถังเป่าอวี้ เจ้าพูดอันใด เสียมารยาทอันใด ข้าเพียงลูบเบาๆ จะเป็นอันใดไป? ไม่ได้ลูบแรงๆ เสียหน่อย”
“เชอะ… น่าหงุดหงิด เจ้าไม่ใช่หมอ” อู๋จุนพูดพลางลากถังเสวี่ยไปอีกฝั่ง
ถังเสวี่ยพลันยกสองมือเท้าสะเอวด้วยความโมโห “ข้าไม่ใช่หมอ แล้วท่านเป็นหมอหรือ? ”
“เชอะ… ผมยาวความรู้สั้น พูดกับเจ้าแล้วไม่รู้เรื่อง ข้าคร้านจะคุยกับเจ้าแล้ว”
“ถังเป่าอวี้ เจ้ามันน่ารังเกียจมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าเกลียดเจ้า… ”
……
“คิก… ” ซูจิ่นซีมองอู๋จุนกับถังเสวี่ยแล้วยกมือปิดปากกลั้นยิ้ม ถังเสวี่ยเดินกลับมาอยู่ข้างกายซูจิ่นซีอีกครั้ง “เขารังแกข้า เจ้ายังหัวเราะออกมาได้”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก นางยกยิ้มเล็กน้อยและยังคงไม่พูดอันใด
ทะเลาะกันได้เป็นเรื่องดี ดีกว่าการที่อู๋จุนคอยเลี่ยงถังเสวี่ยอยู่ตลอดเวลา
แสดงให้เห็นว่าระหว่างทั้งสองยังมีหวัง ไม่ว่าอย่างไร ซูจิ่นซีก็ตั้งตารอให้ทั้งสองดีกัน หากวันหนึ่งพวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้จริงๆ นับเป็นเรื่องที่ดีขึ้นไปอีก
ถังเสวี่ยพยุงซูจิ่นซีนั่งลงบนเก้าอี้ “ได้ยินว่าเจ้าลงจากหุบเขาแล้ว ถังเป่าอวี้คาดการณ์ว่าเจ้าจะไปชายแดนทางตอนใต้จึงต้องการมาหาเจ้า ข้าจึงตามมาด้วยเช่นกัน”
ซูจิ่นซีกล่าวว่า “ไม่มีอันใด ข้าแค่มาดูสถานการณ์ชายแดนทางใต้เท่านั้น”
“เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางกันเถิด! บางทีเมื่อถึงที่นั่นอาจจะช่วยอันใดโยวอ๋องและฉีอ๋องได้”
“ตกลง! ”
ทุกคนจึงออกเดินทางไปพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังชายแดนทางใต้
เร่งเดินทางอยู่สามวัน ในที่สุดก็มาถึงเมืองไหวหนานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนแคว้นไหวเจียง
องครักษ์ JX3 ไปสอบถามข่าวคราว “พระชายา กระหม่อมตรวจสอบแล้ว กองทัพใหญ่ของท่านอ๋องประจำการอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ห่างจากที่นี่สามสิบลี้ พวกเราเดินทางพรุ่งนี้วันเดียวก็ถึงแล้ว”
ซูจิ่นซีพยักหน้า “คืนนี้เราจะพักที่เมืองไหวหนาน รุ่งเช้ามุ่งหน้าไปที่ค่ายใหญ่ อย่าให้ท่านอ๋องรู้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ตอนกลางคืน ถังเสวี่ยต้องการนอนกับซูจิ่นซีและซูจิ่นซีไม่ได้คัดค้าน ทว่าแม่นมฮวากลับไม่เห็นด้วยโดยบอกว่าจะรบกวนการพักผ่อนของซูจิ่นซี ทว่าถังเสวี่ยยืนกรานที่จะนอน แม่นมฮวาจึงตกลงและไม่สามารถพูดอันใดได้อีก
ดังนั้นคืนนั้นถังเสวี่ยและซูจิ่นซีจึงพักอยู่ในห้องด้วยกัน
ซูจิ่นซีถอดชุดตัวนอกออกและสวมเพียงชุดคลุม ท้องของนางนูนมากอย่างเห็นได้ชัด ถังเสวี่ยที่กำลังเอนกายนอนอยู่บนเตียง สองมือเท้าคาง ดวงตากลมมองอยู่ตลอดและยังแอบยิ้มบ่อยๆ
ซูจิ่นซีซับเหงื่อบนหน้าผาก “ยิ้มอันใด”
ถังเสวี่ยมีสีหน้ามุ่งหวัง “หากมีสักวันที่ข้าสามารถให้กำเนิดลูกของถังเป่าอวี้ได้ก็คงจะดี”
“คิก… ” ซูจิ่นซีกล่าวว่า “พูดเช่นนี้ออกมาได้ เจ้าไม่รู้จักเขินอายจริงๆ ”
“หากรู้จักเขินอาย ข้าคงไม่วิ่งตามเขาสุดหล้าฟ้าเขียวมาหลายปีเช่นนี้”
ซูจิ่นซีนั่งลงบนเตียง ถังเสวี่ยลุกขึ้นพยุงนาง “ซูจิ่นซี ข้าถามเจ้าหน่อย ทว่าเจ้าต้องตอบข้ามาตามตรง”
“เรื่องใด? ”
“หากไม่มีเยี่ยโยวเหยา เจ้าจะชอบถังเป่าอวี้หรือไม่? จะอยู่กับเขาหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงถามเรื่องนี้? ”
“เจ้าแค่ตอบมา! ”
“ไม่! ” ซูจิ่นซีตอบอย่างตรงไปตรงมา
ถังเสวี่ยอึ้งเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าแกล้งตอบเอาใจข้าใช่หรือไม่? ซูจิ่นซี เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว ข้า ถังเสวี่ยไม่ใช่คนเช่นนั้น ข้าชอบถังเป่าอวี้เป็นเรื่องหนึ่ง เป็นสหายของเจ้าก็อีกเรื่องหนึ่ง แม้เจ้าชอบถังเป่าอวี้ ข้าก็จะไม่โกรธเจ้า ข้าจะยังเป็นสหายของเจ้า เจ้าแค่บอกความจริงกับข้า”
“ไม่จริงๆ ! ”
เมื่อถังเสวี่ยเห็นการแสดงออกของซูจิ่นซีไม่ได้ดูเท็จ นางจึงเม้มปากไม่พูดอันใดและพึมพำในใจ “เรื่องนี้ให้ถังเป่าอวี้ได้ยินไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาต้องเสียใจตายแน่”
ถังเสวี่ยหันไปถามอีกครั้งว่า “หากไม่มีเยี่ยโยวเหยา เจ้าจะอยู่ด้วยกันกับคุณชายจิ่วหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีที่กำลังจัดของหยุดชะงัก สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและไม่ได้พูดอันใด
ถังเสวี่ยจึงเปลี่ยนคำถาม “ระหว่างเยี่ยโยวเหยากับจิ่วหรง ในใจของเจ้าชอบผู้ใดมากกว่า ซูจิ่นซี พูดตามตรง คุณชายจิ่วสง่างามราวหยกล้ำค่า ทว่ากลับดีกับเจ้าเพียงผู้เดียว นอกจากนี้ยังทำให้คนอื่นอิจฉา หรือว่าในใจของเจ้าไม่เคยหวั่นไหวกับเขาจริงๆ ? ”
“…” ซูจิ่นซีนิ่งเงียบและยังคงไม่พูดอันใด
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ นางจึงดึงผ้าห่มออกแล้วนอนลง “รีบนอนเถิด ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าต้องรีบออกเดินทาง”
ถังเสวี่ยถามด้วยความสงสัย ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่ตอบ นางจึงไม่ได้ถามเซ้าซี้ ตอบเพียงว่า “อ้อ” แล้วเอนกายลงนอนด้านข้างซูจิ่นซี
ความจริงแล้ว ตอนที่ทั้งสองคุยกัน อู๋จุนบังเอิญอยู่บนหลังคาห้องของซูจิ่นซีพอดี เขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังบทสนทนาของทั้งสองคน ทว่าผนังของโรงเตี๊ยมเก็บเสียงได้ไม่ค่อยดี กอปรกับคนท้องขี้ร้อน แม่นมฮวาจึงให้คนเปิดหน้าต่างกับหน้าต่างหลังคาไว้โดยไม่ได้ปิด เขาจึงได้ยินเสียงภายในห้องชัดเจนแจ่มแจ้ง
และรวมถึงคำตอบที่แน่วแน่ของซูจิ่นซีว่า “ไม่”