สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1067 คนแคว้นไหวเจียงลอบโจมตี
เมื่อได้ยินคำตอบของซูจิ่นซี อู๋จุนพลันตัวแข็งทื่อโดยไม่ได้ปกปิดความหดหู่อ้างว้างบนใบหน้าและเบี่ยงตัวออกไปในพริบตา
รู้ชัดเจนนานแล้วว่าเป็นเช่นนั้น
รู้ชัดเจนนานแล้ว ไม่ว่าอย่างไรชาตินี้และชาติหน้าก็ไม่มีทางเป็นเขา
รู้ชัดเจนนานแล้วจึงปล่อยวาง เขาไม่ขออันใดมากมาย ขอเพียงได้เห็นนาง ได้รู้ว่านางสบายดี ได้อยู่เป็นเพื่อนนาง อยู่ข้างกายนางก็พอแล้ว
ทว่าวันนี้ได้ยินนางพูดว่า “ไม่” กับหูตนเอง ความโศกเศร้าในใจก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้น
ท้ายที่สุด เขาก็ยังประเมินความรู้สึกของตนเองที่มีต่อนางต่ำไป
อู๋จุนนิ่งเงียบ หลังผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ ก็เงยหน้ามองดวงจันทร์บนท้องฟ้า ดวงตาคู่เรียวโฉบเฉี่ยวเป็นระลอกคลื่นเศร้าสร้อยและเปล่าเปลี่ยว เขาเหาะกายขึ้น ชุดสีแดงทะยานสู่ฟ้า มุ่งไปยังค่ำคืนอันเงียบสงัดและมืดมิด
แม้จะอยู่ไม่ไกลจากค่ายของเยี่ยโยวเหยา ทว่าเมืองไหวหนานเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนแคว้นที่สุด JX กับพรรคพวกไม่กล้าหละหลวมแม้แต่น้อย องครักษ์เงาเตรียมพร้อมยกเลิกการผลัดเปลี่ยนเวรยาม เหน็ดเหนื่อยอีกหนึ่งคืนและเพิ่มการเฝ้าระวังให้แน่นหนายิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะเพิ่มการเฝ้าระวังก็ไม่สามารถป้องกันคนที่วางแผนไว้ล่วงหน้าได้
ช่วงกลางดึก เมื่อแสงจันทร์กลบแสงดาว รอบด้านเงียบสงัด ซูจิ่นซีพลันลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่ง
ถังเสวี่ยตาปรือเอ่ยถามด้วยความมึนงง “เป็นอันใดหรือ? ดึกดื่นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงลุกขึ้นมา? ”
ซูจิ่นซีลุกจากเตียงแล้วสวมเสื้อผ้า “มีคนของแคว้นไหวเจียงมุ่งหน้าใกล้เข้ามา”
ถังเสวี่ยตื่นเต็มตาทันที
“อันใดนะ? เจ้าบอกว่าคนของแคว้นไหวเจียงมาแล้ว? ”
“อยู่ใกล้ๆ ! ”
พิษของแคว้นไหวเจียง ซูจิ่นซีคุ้นเคยเป็นอย่างดี พูดให้ถูกคงเป็นระบบถอนพิษที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อมาที่โลกนี้ สิ่งที่ได้สัมผัสมากที่สุดก็คือพิษของแคว้นไหวเจียง ระบบถอนพิษจะบันทึกสารพิษที่พบบ่อยโดยอัตโนมัติและมีความไวต่อมันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ทว่าข้างนอกไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอันใด! ” ตามหลักแล้ว องครักษ์เงาของเยี่ยโยวเหยาซึ่งเก่งกาจที่สุดในอาณาจักรเทียนเหอนี้ เมื่อคนแคว้นไหวเจียงเข้าใกล้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ตัว ทว่าคนที่มานั้นเก่งกาจเกินไป จัดการกับคนที่ฝึกวรยุทธ์ยังพอไหว ทว่าจัดการกับคนที่ใช้พิษนั้น ความเร็วของพวกเขายังถือว่าไม่ดีพอ ยิ่งไปกว่านั้น… คนที่มาในครั้งนี้ยังเป็นยอดฝีมือ
เมื่อซูจิ่นซีแต่งกายเรียบร้อยดีแล้ว ร่างสีขาวหิมะก็ลอยลงมาจากหน้าต่างหลังคาและร่อนลงมาในห้องอย่างมั่นคง
คนผู้นั้นสวมชุดสีขาวหิมะ เส้นผมสีหมึกเข้มปลิวไสว ฉับพลันนั้นดูเหมือนจิ่วหรงที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งทำให้ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าเขาค่อยๆ หันหลังกลับมา… ซูจิ่นซีจึงได้สติทันทีแล้วขมวดคิ้ว “จิ้นอี้เฉิน? ”
“พระชายาโยวอ๋อง พวกเราพบกันอีกแล้ว” เขาพูดพลางมองซูจิ่นซีที่สวมชุดเรียบร้อยดี “ไม่เจอกันหลายเดือนความสามารถในการตรวจจับพิษของพระชายาโยวอ๋องแข็งแกร่งขึ้น”
ซูจิ่นซีมีสีหน้าหวาดระแวงและน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก “เจ้ามาทำอันใด? ”
จิ้นอี้เฉินเดินมาอยู่ตรงหน้าซูจิ่นซีหนึ่งก้าว ถังเสวี่ยกระโดดลงจากเตียงทันทีแล้วมายืนขวางหน้าซูจิ่นซีไว้ ก่อนจะกล่าวกับจิ้นอี้เฉินว่า “จิ้นอี้เฉิน เจ้า… เจ้าอย่าเข้ามา ด้านนอกมีองครักษ์เงาของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปหมด หากเจ้าแตะต้องซูจิ่นซีแม้แต่ปลายเล็บ พวกเขา… พวกเขาไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
อย่างไรเสีย ตอนนี้ซูจิ่นซีก็ตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว แม้วรยุทธ์จะโดดเด่น ทว่าหากลงมือคงไม่พ้นถูกจับกุม และการตกไปอยู่ในเงื้อมมือของจิ้นอี้เฉินก็ไม่เห็นว่าได้ประโยชน์อันใด ถังเสวี่ยจึงปกป้องซูจิ่นซีโดยไม่สนใจเรื่องอื่น
เมื่อมองเห็นแผ่นหลังของถังเสวี่ย ซูจิ่นซีก็แสดงสีหน้าซาบซึ้ง
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าจิ้นอี้เฉินไม่ได้กลัวการข่มขู่ของถังเสวี่ยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองครักษ์เงาด้านนอกพวกนั้น และนึกไม่ถึงว่าเขาจะก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว
ถังเสวี่ยพูด “เจ้า… เจ้าอย่าเข้ามา”
จิ้นอี้เฉินหรี่ตา “ที่แท้เป็นแม่นางถังเสวี่ย แม่นางถังเสวี่ยวางใจ ตราบใดที่พวกท่านทั้งสองเชื่อฟังและตามข้าไป ข้ารับประกันว่าจะไม่แตะต้องพวกท่านแม้แต่ปลายผม”
ถังเสวี่ยมองจิ้นอี้เฉินด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย “จิ้นอี้เฉิน ข้า… ข้าบอกเจ้าไว้เลย หากกล้าแตะต้องพวกข้า เยี่ยโยวเหยาไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” เมื่อสิ้นเสียง ด้านนอกก็มีเสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้น
จากนั้นเสียงขององครักษ์เงาก็ดังขึ้นด้านห้องไม่ไกลนัก ทว่าเขาไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้น และกลัวว่าซูจิ่นซีจะตื่นจึงไม่ได้เข้ามาใกล้นัก “พระชายา คนของแคว้นไหวเจียงลอบจู่โจมและยังใช้พิษจำนวนมาก คนเยอะเกินไป พวกองครักษ์เงาเกรงว่าจะต้านไว้ได้ไม่นาน กระหม่อมจะคุ้มกันพระองค์ออกไปก่อน”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วและไม่ได้ส่งเสียงกลับไป
จิ้นอี้เฉินมีสีหน้าพอใจและกล่าวว่า “ว่าอย่างไร? พระชายาโยวอ๋อง ท่านจะเดินไปเองหรือให้ข้าลงมือพาท่านไป? ”
ในที่สุด องครักษ์เงาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงตะโกนขึ้นว่า “แย่แล้ว มีคนอยู่ในห้องพระชายา” หลังจากนั้นก็รีบพังเข้ามาในห้อง
ทว่าทันทีที่พวกเขาผลักประตูเข้ามาก็มีหมอพิษห้าหกคนพังหน้าต่างหลังคาลงมายืนขวางด้านหน้าพวกเขาเอาไว้ JX1 JX3 JX4 กับพรรคพวกและองครักษ์เงาจำนวนมากต่างรีบพุ่งไปที่ห้องของซูจิ่นซี ทว่าก็ถูกหมอพิษที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นและร่างพิษขวางทางไว้
จิ้นอี้เฉินลงมือกับซูจิ่นซีและถังเสวี่ย ในไม่ช้าทั้งสามคนก็ต่อสู้กัน
เดิมทีวรยุทธ์ของถังเสวี่ยก็อ่อนแออยู่แล้ว ทว่านางต้องการปกป้องซูจิ่นซี นางจึงพุ่งไปด้านหน้าไม่หยุด และในไม่ช้าก็ถูกฟาดจนล้มลงบนพื้น
ซูจิ่นซีและจิ้นอี้เฉินสู้กันไปหลายกระบวนท่า ทว่าจิ้นอี้เฉินใช้กลโกงอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังปล่อยพิษไม่หยุดโดยไม่ทิ้งทางหนีทีไล่แม้แต่น้อย
ซูจิ่นซีต่อต้านและถอนพิษอย่างต่อเนื่อง ทว่าเป็นเพราะความถี่ในการใช้ระบบถอนพิษนั้นรวดเร็วจนเกินไป ไม่นานนักนางก็รู้สึกผิดปกติตรงท้องน้อย หากเสี่ยงต่อไป เกรงว่าเด็กในท้องจะเป็นอันตรายได้ ทว่านางก็ไม่อาจตกไปอยู่ในเงื้อมมือของจิ้นอี้เฉินได้เช่นกัน
ในไม่ช้าเม็ดเหงื่อก็แผ่ขยายไปทั่วหน้าผากของนางเป็นชั้นๆ เส้นผมชุ่มราวกับเปียกน้ำ
จิ้นอี้เฉินมองซูจิ่นซีที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก พลางยกยิ้มอย่างลำพองใจ “อย่างไร? พระชายาโยวอ๋อง ยังจะสู้อยู่หรือ? สู้ต่อไปเจ้าคงปกป้องเด็กไม่ได้แล้ว”
แน่นอนว่าต้องสู้ ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็เรียกกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น ในพริบตาทั้งสองก็ต่อสู้กันไปหลายสิบกระบวนท่า ทว่าเพราะคำนึงถึงเด็กในท้องอยู่ตลอด ซูจิ่นซีจึงไม่กล้าใช้กำลังทั้งหมด
ในที่สุดซูจิ่นซีก็ยืนหยัดไม่ไหวอีกต่อไป จิ้นอี้เฉินแย่งกระบี่ในมือไปได้ นางเกือบจะหมดสติล้มลงบนพื้น
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร จู่ๆ ถังเสวี่ยก็ลุกขึ้นมาและคิดจะไปช่วยซูจิ่นซี ทว่ากลับถูกจิ้นอี้เฉินพาตัวไปด้วยกันกับนาง
องครักษ์และคนอื่นๆ ต้องการเข้าไปขวางทาง และคิดจะช่วยซูจิ่นซี ทว่าพวกเขาหาช่องว่างไม่ได้เลย จนกระทั่งรุ่งสาง คนของแคว้นไหวเจียงจึงล่าถอยกลับไป
JX3 รีบส่งคนไปแจ้งเยี่ยโยวเหยา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนหายไปหนึ่งคน “เจ้าหุบเขาอู๋เล่า? เมื่อคืนเหตุใดถึงไม่เห็นเจ้าหุบเขาอู๋”
องครักษ์เงาที่เฝ้ายามอยู่ไม่ไกลจากห้องซูจิ่นซีเมื่อคืนรีบเดินไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “เมื่อคืน ตอนแรกเจ้าหุบเขาอู๋อยู่บนหลังคาห้องของพระชายา ต่อมาก็หายไปทางตะวันตกเฉียงใต้”
ทางตะวันตกเฉียงใต้ คือออกจากเมืองไหวหนานแล้ว? ทว่า JX3 รู้ดีว่าในเมื่ออู๋จุนมุ่งหน้าไปเส้นทางสายใต้เป็นเพื่อนซูจิ่นซี และหากไม่ได้ส่งซูจิ่นซีถึงค่ายใหญ่ด้วยตนเอง เขาจะไม่มีทางจากไปเด็ดขาด JX3 จึงกล่าวว่า “ส่งคนไปตามหา”
“ขอรับ! ”