สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1069 ยาเสริมกำลังของจิ้นอี้เฉิน
ซูจิ่นซีผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปนาน ทันใดนั้นข้างหูก็มีเสียงดังหนวกหูปลุกให้ตื่น
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นมา สิ่งที่สะท้อนม่านตาคือหลานอวี่และบ่าวรับใช้หลายคน
สีหน้าของหลานอวี่บูดบึ้งถมึงทึง นางสั่งบ่าวด้านหลังว่า “พาตัวไป”
บ่าวรับใช้ก้าวไปข้างหน้า ใช้ผ้าสีดำปิดตาซูจิ่นซีกับถังเสวี่ยและพาทั้งสองคนออกไปตามคำสั่ง
เดินวนอยู่เจ็ดแปดรอบเป็นเวลานานเพิ่งจะถึง ตลอดทางซูจิ่นซีใช้อาคมกำไลปี่อั้นตรวจสอบการเคลื่อนไหวโดยรอบ ที่นี่น่าจะเป็นจวนหลังหนึ่ง ระหว่างทางพบคนมากกว่ายี่สิบคนและบนร่างของพวกเขาล้วนมียาพิษร้ายแรง ในที่สุดก็เดินมาถึง ไม่ต้องรอหลานอวี่สั่งให้เปิดผ้าปิดตาของพวกนางทั้งสอง ซูจิ่นซีก็แยกได้ว่าที่นี่เป็นห้องหลอมยา
ที่แท้จิ้นอี้เฉินหลอมยาวิเศษได้?
เดิมคิดว่าทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอมีเพียงจิ่วหรงเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะยังมีจิ้นอี้เฉินอีกคน ดูแล้วความสามารถของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ
ทั้งสองถูกปิดตาและให้รออยู่ในห้องหลอมยาเป็นเวลานาน ด้านนอกค่อยๆ มีเสียงฝีเท้าของบุรุษดังเข้ามาใกล้ จากลักษณะน้ำหนักของฝีเท้านั้น ซูจิ่นซีแยกออกว่าเป็นจิ้นอี้เฉิน
เป็นจริงดังคาด เมื่อบุรุษผู้นั้นเข้ามา เสียงคำนับของบ่าวรับใช้ก็ดังขึ้น “คำนับท่านราชครู”
จิ้นอี้เฉินสั่งบ่าวให้เอาผ้าปิดตาซูจิ่นซีและถังเสวี่ยออก
ถังเสวี่ยรีบกล่าว “จิ้นอี้เฉิน เจ้าจับพวกข้าสองคนมาทำอันใด? ต้องการข่มขู่พวกเยี่ยโยวเหยาใช่หรือไม่? ข้าบอกเจ้าไว้ได้เลย แผนชั่วของเจ้าไม่มีทางประสบผลสำเร็จ”
การแสดงออกของจิ้นอี้เฉินดูหมดความอดทนอย่างเห็นได้ชัด หลานอวี่อ่านสถานการณ์ขาดจึงรีบให้คนปิดปากถังเสวี่ย จากนั้นจึงกล่าวกับซูจิ่นซี “พระชายาโยวอ๋อง เห็นแก่ที่เจ้าและข้าประมือกันมาหลายครั้ง มีอันใดสั่งเสียเจ้าก็รีบพูดมา ข้าจะช่วยไปบอกเยี่ยโยวเหยา หากชักช้าจะหมดโอกาส”
ซูจิ่นซีเลิกคิ้วเล็กน้อย “โอ้? หมดโอกาสหรือ หมายความว่าอย่างไร? ”
หลานอวี่ชี้ไปที่เตาหลอมยาซึ่งอยู่ไม่ไกลและพูดว่า “เห็นเตาหลอมนั่นหรือไม่? อีกสักครู่ เมื่อสมุนไพรพร้อม ข้าจะโยนเจ้าเข้าไปในเตาพร้อมกับยาสมุนไพรแล้วกลั่นเป็นยาวิเศษ”
“กลั่นข้าเป็นยาวิเศษ? ” ซูจิ่นซีตกใจเล็กน้อย ทว่าใบหน้ากลับแย้มยิ้ม “เหอะ เหอะ ข้ากลับไม่รู้ว่าวันหนึ่งตนเองจะมีประโยชน์เช่นนี้” นางพูดพลางเหลือบมองจิ้นอี้เฉิน “ช่างเป็นเกียรติเสียจริง! ”
“หยุดพูดจาไร้สาระ! ”
ดูเหมือนหลานอวี่จะอดกลั้นอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทันใดนั้นก็เตรียมใช้ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของซูจิ่นซีโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น กลับไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะถอยหลบไปหนึ่งก้าว
นางกัดฟันกรอด “ซูจิ่นซี หากไม่ใช่เพราะเจ้า คุณชายจะตายได้อย่างไร? บูชาวิญญาณหยินอันใด กงล้อโชคชะตานพคุณหลิงหลงอันใด รวบรวมวิญญาณอันใด ซูจิ่นซี เจ้ามันก็แค่ตัวหายนะ” นางพูดพลางเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีทีละก้าวด้วยแววตาถมึงทึง อยากจะฉีกซูจิ่นซีเป็นชิ้นๆ “ในเมื่อชีวิตนี้ของเจ้าเป็นคุณชายที่ช่วยไว้ เช่นนั้นพวกข้าก็จะกลั่นเจ้าเป็นยาเพื่อสังเวยวิญญาณคุณชายที่อยู่บนสวรรค์”
ในใจของซูจิ่นซีพลันกระตุกและเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทว่ากลับบังคับให้ตนเองพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง “คุณชายหรือ? จิ่วหรงเกี่ยวข้องอันใดกับแคว้นไหวเจียงของพวกเจ้า? ”
องครักษ์เงาเคยสืบข่าวที่จิ่วหรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนแคว้นไหวเจียงอยู่บ้าง และยังมีข้อมูลว่าสำนักแพทย์เทียนอีติดต่อกับแคว้นไหวเจียง อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่ได้เก็บมาใส่ใจ นอกจากนี้ หลังจากรับช่วงต่อสำนักแพทย์เทียนอีมาแล้วก็ไม่มีเบาะแสใดๆ เกี่ยวข้องกับแคว้นไหวเจียง นางจึงคิดว่าข้อมูลก่อนหน้าเป็นเพียงข่าวลือ ทว่าวันนี้หลานอวี่พูดออกมาเอง นางจึงอดเชื่อไม่ได้
หลานอวี่ขบกราม “คุณชาย? เจ้าไม่คู่ควรที่จะถาม! ”
จู่ๆ ซูจิ่นซีก็มองไปทางจิ้นอี้เฉิน
ในเมื่อจิ้นอี้เฉินสามารถหลอมยาได้ พลังหลิงชี่ต้องเหนือกว่านางอย่างแน่นอนและไม่น่าจะต่ำกว่าจิ่วหรง ทว่าในอดีต หลายครั้งที่ลงมือเขากลับแพ้ให้จิ่วหรงอยู่เสมอ วันนี้ลองตรึกตรองให้ดีๆ พบว่ามีจุดสงสัยนับไม่ถ้วน หรือว่าเขาจงใจแพ้จิ่วหรง? หรือ… มีแผนอื่น
ทว่าก่อนที่ซูจิ่นซีจะคิดออก จิ้นอี้เฉินก็เปิดปากพูด “พระชายาโยวอ๋องมีคำถามมากเพียงใด รอไปพบคุณชายในยมโลกแล้วค่อยถามเขาต่อหน้าเองเถิด! ”
พูดจบก็ถามหลานอวี่ “การเตรียมสมุนไพรเป็นอย่างไรบ้าง? ”
หลานอวี่มองผู้ปรุงยาที่กำลังเตรียมสมุนไพรอยู่ไม่ไกล ผู้ปรุงยาพยักหน้า หลานอวี่จึงตอบกลับ “พร้อมทุกอย่างแล้ว”
“หลอมยาได้! ”
“ขอรับ! ”
เมื่อเปิดเตาหลอมยา ไฟก็ลุกโชนทันที อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แก้มของซูจิ่นซีและถังเสวี่ยถูกเผาจนแดงก่ำ บนใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ผู้ปรุงยาถือถาดสมุนไพรแล้วใส่มันลงไปในเตาหลอมยา เมื่อใส่สมุนไพรหมดแล้ว จู่ๆ แววตาเย็นชาของจิ้นอี้เฉินก็หันไปทางซูจิ่นซี “ใส่นางลงไปในเตาหลอม”
ผู้ปรุงยาหลายคนก้าวไปข้างหน้า เดินไปหาซูจิ่นซี
ตั้งแต่ถูกจิ้นอี้เฉินจับมา ซูจิ่นซีและถังเสวี่ยก็ถูกผนึกจุดทำให้ไม่สามารถใช้ทักษะใดๆ ได้ แม้แต่ผู้ปรุงยาผู้นั้น นางก็ขัดขืนไม่ได้
ซูจิ่นซีถอยหลังสองก้าว ถังเสวี่ยวิ่งไปข้างหน้าเพื่อปกป้องซูจิ่นซี ดวงตาเป็นสีแดงดุร้ายและต้องการพูดบางอย่าง ทว่านางถูกปิดปากและสองมือถูกมัดไว้จนพูดไม่ออกสักประโยค ทว่าตราบใดที่ผู้ปรุงยาเข้ามาใกล้ นางก็ใช้เท้าเตะพวกเขาอย่างแรง ปกป้องซูจิ่นซีอย่างไม่คิดชีวิต
เป็นเช่นนี้กลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ เหล่าผู้ปรุงยาคำนึงถึงซูจิ่นซีซึ่งเป็น ‘ตัวยาเสริมกำลัง’ ของจิ้นอี้เฉิน และไม่มีประโยชน์อื่นใด
จู่ๆ หลานอวี่ก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา และกระชากผมถังเสวี่ยลากไปอีกฝั่ง “นางตัวแสบ ปกป้องตัวเองยังไม่ได้ ยังคิดจะไปปกป้องซูจิ่นซีนางแพศยาผู้นี้อีก เจ้าช่างเก่งกาจมากจริงๆ ”
ถังเสวี่ยโกรธจัด ทันใดนั้นก็กระโดดกัดคอหลานอวี่ เสียงกรีดร้องของหลานอวี่ดังลั่นห้องหลอมยา “โอ๊ย… ” นางผลักถังเสวี่ยอย่างไรก็ผลักไม่ออก “พวกเจ้าตายแล้วหรือ? ยังไม่รีบดึงนางออกไปอีก โอ๊ย… เจ็บยิ่งนัก โอ๊ย… ”
ผู้ปรุงยารีบก้าวไปข้างหน้าและใช้กำลังมหาศาลดึงถังเสวี่ยออกไป
หลานอวี่ลูบลำคอตนเอง เมื่อเห็นเลือดติดมือก็กระชากเสียงใส่ถังเสวี่ย “เจ้ามันหมาบ้า! ”
น่าเสียดาย ถังเสวี่ยเป็นสุนัขจริงๆ นางถลึงตาดุดันใส่หลานอวี่
จิ้นอี้เฉินที่อยู่ข้างๆ สั่งด้วยเสียงเย็นชา “โยนนางเข้าไปในเตาพร้อมกัน”
ผู้ปรุงยายืนอยู่ที่เดิมไม่มีการตอบสนอง หลานอวี่จึงพูดว่า “เหม่ออันใดอยู่? ไม่ได้ยินราชครูสั่งหรือ? จับทั้งสองคนโยนเข้าไปในเตาหลอม”
ผู้ปรุงยาต้องการจับซูจิ่นซีแล้วโยนเข้าไปในเตา ทว่าพวกเขาเข้าไปใกล้ไม่ได้ ซูจิ่นซีใช้ทุกวิถีทางต่อต้านอย่างสุดความสามารถ ทว่าท้ายที่สุดก็ถูกจิ้นอี้เฉินกำราบจนได้
ผู้ปรุงยายกซูจิ่นซีและถังเสวี่ยเตรียมโยนเข้าไปในเตา ไฟที่ลุกโชนใกล้พวกนางมากขึ้นเรื่อยๆ ถังเสวี่ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก หากบอกว่าซูจิ่นซีไม่กลัวก็คงโกหก ทว่าที่มากกว่านั้นคือความไม่ยินยอมและความเจ็บใจมากกว่า หากนางคนเดียวก็ช่างปะไร ทว่าในท้องนางยังมีเด็ก อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนทารกคนนี้ก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว นางปกป้องทารกในครรภ์มาจนถึงตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย กลับไม่คิดว่าจะไม่มีโชคได้เกิดมา
ซูจิ่นซีไม่ยินยอมจริงๆ