สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1071 ผู้ที่บุกเข้าไปในคฤหาสน์ส่วนตัว
หลังจากอู๋จุนเข้าไปในแคว้นไหวเจียง เขาก็แอบเข้าไปที่จวนของราชครูกูสือซานก่อน อย่างไรก็ตามหลังจากค้นหาทั้งวันทั้งคืน ค้นหาทั่วจวนจนแทบจะพลิกแผ่นดิน ทว่าไม่พบสิ่งใดเลย
เขาคิดว่าซูจิ่นซีและถังเสวี่ยอาจไม่ได้อยู่ในจวนของกูสือซาน หรือว่าอาจถูกจิ้นอี้เฉินจับตัวขังไว้ที่เรือนของตนเอง อย่างไรก็ตาม เดิมทีพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามีจิ้นอี้เฉินผู้นี้มาก่อน ยิ่งไม่รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ใด
แผนการต่อไปของอู๋จุนคือการแอบเข้าไปค้นในพระราชวัง ตอนนี้ตระกูลเยวี่ยแห่งราชวงศ์ไหวเจียงเป็นเพียงเรื่องจอมปลอม กล่าวกันว่าอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือของสำนักห้าพิษ และสำนักห้าพิษมีหลานอวี่และกูสือซานเป็นผู้ดูแล ซึ่งจิ้นอี้เฉินเป็นอาจารย์ของพวกเขา มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะอาศัยอยู่ในพระราชวัง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังออกจากคฤหาสน์ของราชครู อู๋จุนกลับพบกับเรื่องยุ่งยากบางอย่าง เขาตกตะลึงเมื่อพบกับหมอพิษที่อยู่ในจวนของราชครู ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะออกจากจวนราชครู ทั้งร่างกายยังได้รับบาดเจ็บอีก
อู๋จุนถูกไล่ล่าไปตามถนนหลายสาย ก่อนที่เขาจะสลัดหมอพิษที่ไล่ล่าไปได้และแอบเข้าไปในเรือนหลังหนึ่ง กลับไม่คิดว่าเมื่อร่อนลงบนพื้นก็มีกระบี่หลายเล่มพาดอยู่บนคอ
“ผู้ใด กล้าบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ส่วนตัว? ”
อู๋จุนต้องการอธิบาย ทว่าเขาบาดเจ็บและร่างกายเต็มไปด้วยเลือดจนไม่สามารถอธิบายอันใดได้ อีกทั้งที่นี่คือแคว้นไหวเจียง หากพูดอันใดไม่ดี เจ้าของเรือนแห่งนี้อาจแจ้งทางการ เมื่อถึงเวลานั้นคงล้มเหลว ไม่รู้ว่าเขาจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้ใด เขาครุ่นคิดขณะที่กำลังจะต่อต้านและพยายามหลบหนี ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นไม่ไกลนัก
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ”
คนผู้หนึ่งครุ่นคิดอย่างรวดเร็วและรายงานกลับไปยังคนผู้นั้น “รายงานผู้บัญชาการ มีคนจะบุกรุกคฤหาสน์ขอรับ”
อู๋จุนเงยหน้าขึ้นทันทีเพื่อพบกับคนที่มา ชายผู้นั้นดูประหลาดใจ “เจ้าหุบเขาอู๋ เป็นท่านหรือ? ”
อู๋จุนมีท่าทางเจ็บปวด เขาเคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อยก็เจ็บปวดไปทั้งตัว ทว่ายังพยายามกัดฟันพูดออกมาด้วยความยากลำบาก “จิ้นหนานเฟิง เป็นเจ้าหรือ! เจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาแม่นางพิษน้อยใช่หรือไม่? ”
“ถูกต้อง! ” จิ้นหนานเฟิงกล่าว “ไม่ได้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่มา ท่านอ๋องก็มาด้วยตนเองเช่นกัน”
“เยี่ยโยวเหยา? ” อู๋จุนเลิกคิ้วขึ้น
จิ้นหนานเฟิงมองอู๋จุนขึ้นลง “โอ้ เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านได้รับบาดเจ็บ รีบเข้ามาในห้องด้านในให้หมอมาดูอาการของท่านก่อน”
อู๋จุนมองไปทางห้องด้านใน ใบหน้าปรากฏความซับซ้อนเล็กน้อย “คงไม่ดีกระมัง ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ก็บอกคนเหล่านี้ว่า คนกันเองทั้งนั้น พวกเจ้าเข้าใจผิด เก็บอาวุธเถิด! ข้าขอตัวก่อน”
เขาพูดพลางกำลังจะเดินออกนอกประตู จิ้นหนานเฟิงต้องการจะรั้งเขาไว้ ทว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร อู๋จุนเดินไปถึงประตู ทันใดนั้นองครักษ์ก็วิ่งออกมาจากห้องด้านในและพูดกับอู๋จุนว่า “เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านอ๋องเชิญขอรับ”
เยี่ยโยวเหยารู้แล้วหรือ?
สีหน้าของอู๋จุนเปลี่ยนไปทันที “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ไม่มีเวลาไปพบเขา”
องครักษ์คนนั้นเหลือบไปมองจิ้นหนานเฟิงครั้งหนึ่ง จิ้นหนานเฟิงเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าหมายถึงสิ่งใด จึงรีบสั่งว่า “จับตัวไว้ พาไปส่งท่านอ๋อง”
อู๋จุนยังไม่ทันได้ตอบโต้ องครักษ์จำนวนหนึ่งก็เดินไปข้างหน้า ล้อมอู๋จุนจนไม่มีทางหลบหนี
อู๋จุนสบถเสียงดังว่า “บัดซบ จิ้นหนานเฟิง เจ้าคิดจะทำอันใด? ”
จิ้นหนานเฟิงก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับอู๋จุน “เจ้าหุบเขาอู๋ ต้องขออภัย ท่านอ๋องของเราเชิญท่าน ได้โปรดทำตามด้วยเถิด! ” เขายกมือขึ้นสั่งองครักษ์ “คุมตัวไป! ”
องครักษ์จำนวนหนึ่งคุมตัวอู๋จุนไปที่ห้องโถงหลัก
แสงไฟในตะเกียงวูบไหวไปมา เยี่ยโยวเหยากำลังอ่านจดหมายใต้แสงเทียน ซึ่งทั้งหมดถูกส่งมาจากสายสืบที่ส่งไปสืบข่าวในแคว้นไหวเจียง นอกจากนี้ด้านข้างยังมีกองบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับแคว้นไหวเจียงจำนวนมากตั้งอยู่
เดิมทีอู๋จุนได้รับบาดเจ็บ องครักษ์จับตัวเขาจนเจ็บบาดแผลหนักมากขึ้น เขากลับไม่ขมวดคิ้ว ทว่าในเวลานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา เขายังรู้สึกผิดเล็กน้อย หลังจากเช็ดเลือดที่ริมฝีปาก เขาก็พูดว่า “เจ้าคนแซ่เยี่ย เจ้าสั่งให้ลูกน้องของเจ้าคุมตัวข้ามา หากมีอะไรก็รีบพ่นออกมา ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าที่นี่”
หลังสิ้นเสียงพูดของอู๋จุน เงาดำก็วาบผ่านมาเบื้องหน้าของเขา มีกำปั้นฟาดลงมาบนใบหน้า จากนั้นเขาก็ถูกเตะเข้าที่หน้าท้อง ก่อนที่เขาจะโต้ตอบได้ทัน ร่างก็ลอยไปกระแทกประตูแล้ว
เยี่ยโยวเหยากำจดหมายในมือแน่น ยืนเอามือไพล่หลัง รัศมีรอบตัวของเขาเย็นชากดขี่จนแม้แต่จิ้นหนานเฟิงและองครักษ์อีกสองสามคนก็ไม่กล้าหายใจแรง
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง อู๋จุนก็ฟื้นกำลังได้เล็กน้อย เขาพยายามลุกขึ้นจากพื้นดินด้วยความยากลำบาก เยี่ยโยวเหยาเดินไปข้างหน้าและเหยียบหลังเขาไว้
อู๋จุนทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมาสองคำ
“บอกข้า เหตุการณ์วันนั้นเป็นอย่างไรกันแน่? ”
อู๋จุนรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องถามให้ละเอียด เยี่ยโยวเหยากำลังถามถึงวันที่ซูจิ่นซีถูกคนจากแคว้นไหวเจียงจับตัวไป เขากระอักเลือดอีกสองคำก่อนจะพูดว่า “เป็นคนของเจ้าเองที่คอยคุ้มกันแม่นางพิษน้อย เจ้า… ยังต้องถามข้าอีกหรือ? ”
คนที่คุ้มครองซูจิ่นซีเดินทางชายแดนทางใต้ในวันนั้น รวมทั้ง JX และคนอื่นๆ ล้วนถูกส่งไปรับโทษที่คุกวิหารวิญญาณชั้นสิบแปด ส่วนแม่นมฮวาเป็นคนชรา อีกทั้งลวี่หลีเป็นนางรับใช้ข้างกายซูจิ่นซี เขาจึงยังไม่ลงโทษ มิฉะนั้นพวกเขาสองคนก็ต้องโดนหางเลขไปด้วยแน่
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง วันนั้นเกิดอันใดขึ้นกันแน่? ” หลังจากพูดจบ เยี่ยโยวเหยาก็กดเท้าหนักขึ้นจนใบหน้าของอู๋จุนแนบกับพื้น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยแรงกดดัน ใช้เวลานานกว่าที่เขาจะพูดออกมา “ข้า… ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คืนนั้นข้าไม่อยู่… ออกไปนอกเมือง …เมื่อข้ากลับมาในวันรุ่งขึ้น ถึงจะรู้ว่าเกิดเรื่อง… เยี่ยโยวเหยา ข้าก็อยากจะถามเจ้าเหมือนกัน เจ้า… เจ้าดูแลแม่นางพิษน้อยอย่างไรกัน? นาง… สตรีของเจ้า เจ้า… เจ้า… เจ้าให้นางเดินทางนับพันลี้… ตามหาเจ้าที่สนามรบเช่นนี้หรือ? ”
หากว่ากันตามเหตุผล เยี่ยโยวเหยาควรเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้มากที่สุด เขาได้โยนความผิดทั้งหมดให้กับตัวเองแล้ว ไม่แปลกที่ผู้อื่นจะถูกตำหนิด้วย
หลังสิ้นเสียงพูดของอู๋จุน เยี่ยโยวเหยาก็ยกเท้าขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวออกไป! ”
อู๋จุนพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ทว่าหลังดิ้นรนเป็นเวลานานเขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เลือดในร่างกายของเขาไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ ต้องการเข้าไปช่วยเขา ทว่าพวกเขากลัวว่าเยี่ยโยวเหยายังโกรธอยู่ จึงไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง อู๋จุนก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ เยี่ยโยวเหยาแสดงสีหน้าไร้ความอดทนอย่างเห็นได้ชัด จิ้นหนานเฟิงเข้าใจในท่าทีเช่นนี้จึงรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยพยุงอู๋จุน ก่อนจะสั่งองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างว่า “ยังตะลึงทำอันใด รีบพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้”
องครักษ์จำนวนหนึ่งเดินเข้ามาพยุงอู๋จุนออกไป ทว่าพวกเขาไม่กล้าทิ้งขว้างอู๋จุน เพียงช่วยพยุงเขาออกไปด้านนอก จิ้นหนานเฟิงมีท่าทางสำนึกผิด “เจ้าหุบเขาอู๋ ข้าต้องขอโทษจริงๆ ตอนนี้ท่านอ๋องทรงโกรธจัด ข้าก็ทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง ไม่บังอาจตัดสินใจเองให้ท่านอยู่ในเรือนได้” หลังเขาพูดจบก็หยิบเงินออกมาสองสามตำลึงและยัดในมืออู๋จุน “อาการบาดเจ็บของเจ้าหุบเขาอู๋ร้ายแรง ควรรีบไปพบหมอโดยเร็ว อย่ารอช้า”
อู๋จุนไม่รับและหันหลังเดินออกไปทันที “ข้าไม่ต้องการมัน! ”
แม้เขาจะปากแข็งและดื้อรั้นต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาด้วยการพูดคำเหล่านั้น ทว่าเขาเองก็รู้สึกเสียใจมากเช่นกัน ถ้าเขาไม่ออกไปในคืนนั้น หากเขาเฝ้าอยู่นอกเรือนพักของแม่นางพิษน้อย บางทีเรื่องราวอาจไม่เป็นอย่างตอนนี้ก็ได้
ไม่ว่าเขาจะต้องเสียสละมากน้อยเพียงใด หรือต้องพลิกแคว้นไหวเจียงทั้งแคว้นก็ตาม เขาต้องหาแม่นางพิษน้อยให้พบ