สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1073 ไม่ควรทำให้ต้องผิดหวัง
สถานการณ์ของทั้งสองคนเลวร้ายมาก หลังถูกย้ายไปวังใต้ดิน เยี่ยเซินไม่ได้ส่งคนไปส่งอาหารเลย คงไม่สะดวกที่จะเข้าใกล้
แม้องครักษ์พิษในวังใต้ดินจะให้อาหารสองมื้อแก่พวกนางทุกวัน ทว่าข้าวเย็นชืดรสเปรี้ยว ไม่มีทางกินลงแน่นอน อย่างมากที่สุดทั้งสองคนแค่กินรองท้องเพื่อไม่ให้อดตาย
ร่างกายของซูจิ่นซีเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกอึดอัดทั่วทั้งร่างกาย
“หากข้าคาดเดาไม่ผิด ทารกน่าจะคลอดเร็วๆ นี้ ในอีกไม่กี่วันแน่นอน”
“เช่นนั้นควรทำอย่างไร? ” ถังเสวี่ยพูดด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่คลอดที่ดีเลย”
นางคิดพลางลุกขึ้นเดินไปที่ประตู “จิ้นอี้เฉินอยู่ที่ใด? ข้าต้องการพบจิ้นอี้เฉิน! จิ้นอี้เฉิน จิ้นอี้เฉิน เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้… ”
หลังตะโกนไปครู่หนึ่งก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ ขณะที่ถังเสวี่ยกำลังร้องตะโกนจนคอแทบแตก องครักษ์พิษก็ปรากฏตัวต่อหน้านาง
“จะร้องตะโกนไปเพื่ออันใด? ราชครูของเรา เจ้าคิดจะพบก็พบได้ง่ายๆ หรือ? กลับไป อย่าส่งเสียงดัง ไม่เช่นนั้นข้าจะให้งูกัดเจ้าจนตาย”
สีหน้าของถังเสวี่ยซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยินคำว่างู นางก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
“พวกเจ้า… พวกเจ้าทำกับพวกเราเช่นนี้ไม่ได้ รอข้าออกไปได้ พี่จุน… พี่จุนจะไม่ปล่อยพวกเจ้าแน่นอน”
“ถังเสวี่ย… ” ด้านหลังพลันมีเสียงเรียกของซูจิ่นซี ถังเสวี่ยรีบวิ่งเข้ามาหาซูจิ่นซี “ซูจิ่นซี เจ้าเป็นอันใด? ไม่สบายหรือ? ”
ซูจิ่นซีพูดว่า “ข้าไม่เป็นอันใด เจ้าอย่าตะโกนไปเลย เก็บแรงเอาไว้เถิด! การตายของจิ่วหรง พวกเขาล้วนพุ่งเป้ามาที่ข้าผู้เดียว ตอนนี้พวกเขาเกลียดพวกเรามากจนแทบจะขบเคี้ยวยิงฟันใส่พวกเรา ไม่มีใครสนใจพวกเราแน่นอน”
“ทว่า หากจู่ๆ เจ้าคลอดเด็กออกมา พวกเราจะทำเช่นไร? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ “ไม่เป็นอันใด ข้าใช้เข็มเงินฝังจุดสำคัญไว้แล้ว อย่างมากก็สามารถยืดเวลาออกไปได้อีกหลายวัน”
ได้ยินมาว่ามีวิธีเร่งการคลอดลูกได้ ทว่าไม่เคยได้ยินเรื่องยืดเวลาออกไป ถังเสวี่ยรู้สึกเป็นกังวลแทน “เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ดีกับเจ้าและทารกด้วย”
“ไม่เป็นอันใด ข้ารู้อาการของตนเองดี”
“ซูจิ่นซี… ” ถังเสวี่ยขมวดคิ้วเครียด
“หืม? ”
“ข้าได้ยินมาว่า ในตอนนั้นโยวอ๋องมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ อุปนิสัยเย็นชาน่าสะพรึงกลัว แม้สตรีในใต้หล้าจะชื่นชมเขา ทว่าไม่มีใครกล้าอภิเษกกับเขา มีเพียงเจ้าคนเดียว เจ้ากับเขาผ่านอุปสรรคและปัญหามามากมาย และตอนนี้ยังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้อีก เจ้าเคยเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้างหรือไม่? ”
“เคยคิด! ”
ถังเสวี่ยเม้มริมฝีปาก ซูจิ่นซีพูดเสริม “ข้าเคยคิดเสียใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้ายังเข้มแข็งไม่พอ ปล่อยให้เขาแบกรับภาระไว้มากเกินไป”
ถังเสวี่ยไม่คาดคิดว่าซูจิ่นซีจะตอบเช่นนี้ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ นางก็พูดขึ้นว่า “ซูจิ่นซี เจ้าแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ในใต้หล้านี้ เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่คู่ควรกับเยี่ยโยวเหยา”
“ถังเสวี่ย! ” นางลูบหลังใบหูของตนเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงทอดยาว “ข้าหวังว่าคงจะมีสักวันหนึ่ง เจ้ากับอู๋จุนจะตกล่องปล่องชิ้นกัน สตรีอย่างเจ้าไม่ควรถูกทรยศ”
ถังเสวี่ยดูเหมือนจะตื้นตันใจ แสงในวังใต้ดินสลัวเล็กน้อย ในดวงตาของนางเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความประทับใจ
“ซูจิ่นซี ข้าขอบคุณเจ้ามาก”
แม้ว่าพวกนางจะรู้จักกันได้ไม่นาน ทว่าพวกนางไม่เคยมองหน้ากันด้วยท่าทางจริงจังและครุ่นคิดถึงกันและกันอย่างเช่นในตอนนี้
ถังเสวี่ยพูดขึ้นทันทีว่า “ซูจิ่นซี เจ้าอายุมากกว่าข้ากี่ปีหรือ? ข้าสามารถเรียกเจ้าว่าพี่สาวได้หรือไม่? ”
“ได้แน่นอน! ”
“พี่จิ่นซี! ”
“อืม! ”
“เจ้าวางใจได้ ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าและทารกในครรภ์เกิดอันใดขึ้นแน่นอน เยี่ยโยวเหยา อู๋จุน ฉีอ๋อง รัชทายาทตงหลิง พวกเขาจะต้องมาช่วยพวกเราแน่นอน”
ซูจิ่นซียกยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดสิ่งใด
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก สตรีนางหนึ่งถูกโยนเข้ามาอย่างแรง จากนั้นองครักษ์พิษก็สบถด่าและเดินจากไป
สตรีนางนั้นดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส นางนอนอยู่บนพื้นเป็นเวลานานและไม่ลุกขึ้นเลย ซูจิ่นซีรู้ว่าลมหายใจของนางแผ่วเบา นางจึงขอให้ถังเสวี่ยเข้าไปดูอาการ
ถังเสวี่ยเดินเข้าไปหา เมื่อเห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นอย่างชัดเจน นางก็ตกใจทันที “เป็น… เป็นเจ้าได้อย่างไร? ”
“ผู้ใดหรือ? ” ซูจิ่นซีถาม
ถังเสวี่ยพูดว่า “เป็น… เยวี่ยไหวชิ่ง”
ไหวชิ่งกงจู่แห่งแคว้นไหวเจียง?
นางเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของสกุลเยวี่ย สตรีสูงศักดิ์ที่สุดในแคว้นไหวเจียง นางถูกส่งมาที่นี่ได้อย่างไร?
“ดูเหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บและสาหัสมาก” ถังเสวี่ยพูด
ซูจิ่นซียืนขึ้น ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเยวี่ยไหวชิ่ง ถังเสวี่ยรีบเข้าไปห้ามนาง “พี่จิ่นซี พี่คิดจะทำสิ่งใดหรือ? ”
“ข้าจะดูอาการของนาง ฟังเสียงลมหายใจของนาง หากนางไม่ได้รับการรักษา นางต้องตายในไม่ช้า”
ถังเสวี่ยพูดว่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? นางเป็นถึงกงจู่ของแคว้นไหวเจียง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าแคว้นไหวเจียงทำอย่างไรกับพวกเรา? ”
“นางเป็นกงจู่แต่ถูกส่งมาสถานที่เช่นนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน รักษาอาการบาดเจ็บของนางก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ไม่แน่ว่าอาจพบเบาะแสบางอย่างจากนางก็เป็นได้”
ถังเสวี่ยครุ่นคิดเล็กน้อยและรู้สึกว่าสิ่งที่ซูจิ่นซีพูดนั้นสมเหตุสมผล นางจึงไม่ขวางนาง
ซูจิ่นซีตรวจดูอาการของเยวี่ยไหวชิ่งอย่างละเอียดรอบหนึ่ง พบว่ามีรอยแผลบนร่างกายของนางทั้งใหญ่และเล็ก เป็นบาดแผลถูกแทง ไม่ก็เกิดจากแส้ อีกทั้งยังถูกวางยาพิษและเป็นพิษร้ายแรงอีกด้วย
หากนางพบซูจิ่นซีตอนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ซูจิ่นซียังสามารถช่วยถอนพิษได้ ทว่าตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้แปดเดือนกว่าแล้ว ประสิทธิภาพของระบบถอนพิษลดลงอย่างมาก สมุนไพรหลายตัวก็ใช้ไม่ได้ นางจึงทำได้เพียงระงับพิษให้เยวี่ยไหวชิ่งชั่วคราว
หลังรักษาบาดแผลและระงับพิษเสร็จแล้ว หน้าผากของซูจิ่นซีก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร่างกายอ่อนล้า ถังเสวี่ยพยุงซูจิ่นซีนั่งลงข้างกายนางและนำน้ำมาให้ซูจิ่นซีดื่ม น้ำตั้งไว้หลายวันจนมีกลิ่นแปลกๆ ซูจิ่นซีรู้สึกคลื่นไส้ทันทีที่น้ำกำลังเข้าปาก นางจึงไม่ดื่มเข้าไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ เยวี่ยไหวชิ่งฟื้นขึ้นมา ถังเสวี่ยก้าวเข้าไปหาและพูดว่า “เจ้าตื่นแล้วหรือ? เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือไม่? ”
กลับไม่คิดว่าเยวี่ยไหวชิ่งจะผลักถังเสวี่ยออกไปอย่างแรง นางเหมือนลูกกวางที่หวาดกลัว ก่อนจะหดตัวแน่นและกอดขากลม ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง “ออกไป พวกเจ้าทุกคน ไปให้พ้น อย่าแตะต้องตัวข้า อย่าแตะต้องตัวข้า… ”
ถังเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น “เหตุใดเจ้าไม่รู้จักดี พวกเราช่วยชีวิตเจ้า ไม่เพียงไม่รู้จักขอบคุณ ยังแสดงท่าทีดุร้ายตอบ รู้เช่นนี้ปล่อยให้เจ้าตายไปดีกว่า”
ซูจิ่นซีลากถังเสวี่ยกลับมาพลางส่ายศีรษะเล็กน้อย แสดงท่าทีบอกว่าอย่าพูดอีกเลย จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาและพูดกับเยวี่ยไหวชิ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ไหวชิ่งกงจู่ เราไม่ทำร้ายเจ้า เมื่อครู่พวกเรารักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า กงจู่ยังจำข้าได้อีกหรือไม่? ข้าคือซูจิ่นซี นางคือถังเสวี่ย”
เยวี่ยไหวชิ่งค่อยๆ สงบลงและรู้สึกได้ถึงเหตุผลบางอย่าง นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูจิ่นซีและพูดเบาๆ “ซูจิ่นซี… ถังเสวี่ย? ”
“ใช่ พวกเราเอง! ”
จู่ๆ เยวี่ยไหวชิ่งก็กอดขาร้องไห้เสียงดัง
ถังเสวี่ยขมวดคิ้ว “เกิดอันใดขึ้นกันแน่? พวกเราไม่ได้ทุบตีและดุด่าเจ้าเลย เจ้ายังจะร้องไห้อีก ข้าอยากร้องไห้ก็ไม่รู้ว่าจะไปร้องไห้ที่ใดเลย! ”
“ช่างเถิดถังเสวี่ย นางคงจะตกใจและหวาดกลัวมาก ให้นางร้องไห้เถิด หลังจากนี้นางก็จะรู้สึกดีขึ้น”
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงร้องไห้ของเยวี่ยไหวชิ่งก็หยุดลง ถังเสวี่ยเดินเข้าไปหานางอีกครั้งด้วยความอดทน “เจ้าเป็นอย่างไรกันแน่? เป็นกงจู่อยู่ดีๆ ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดถึงถูกส่งตัวมาที่นี่? เจ้าทำให้เสด็จพ่อของเจ้าทรงกริ้วหรือ? ”
“ฮือ” เยวี่ยไหวชิ่งร้องไห้เสียงดังอีกครั้ง