สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1076 รวมกลุ่มสร้างความวุ่นวาย
ค่ายทหารที่อยู่ชายแดนทางใต้ห่างออกไปสิบลี้
เป่ยถังเย่เคลื่อนกองทัพเข้าโจมตีแคว้นตงเฉิน ฮ่องเต้ตงเฉินถูกวางยาพิษ พระอาการน่าเป็นห่วง ตงหลิงหวงถอนกำลังทหารกลับแคว้นตงเฉินแล้ว เวลานี้เหลือเพียงกองทัพแคว้นหนานหลีและกองทัพแคว้นจงหนิง ทว่าหนึ่งในสามของคนในค่ายทหารถูกวางยาพิษ และหลายคนก็เสียชีวิตด้วยพิษ
มู่หรงฉีจัดการกับปัญหาทั้งวันจนไม่ได้นอนมาสามวันสามคืนแล้ว
จงรุ่ยอันและจงเทียนโย่วจากแคว้นหนานหลีได้พาลูกศิษย์ของพวกเขามาช่วยเหลือ หมอเทวดาได้ยินว่าซูจิ่นซีถูกจับตัวไปก็พาลูกศิษย์ลงจากหุบเขาเทียนอี ทั้งสองฝ่ายพยายามวิเคราะห์สารพิษอยู่สามวันเต็ม แม้แต่สารพิษของบรรดาทหารก็ไม่รู้ว่าเป็นสารพิษใด
ทหารมีอาการพิษกำเริบไปทุกหนทุกแห่ง ศพนอนตายเกลื่อนกลาด ค่ายทหารตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย บางคนถึงกับก่อจลาจลต่อสู้กับทหารคุ้มกัน
“พวกข้าอยากกลับ พวกข้าจะกลับบ้าน”
“ใช่ พวกเราอยากกลับบ้าน”
“หากพวกเรายังอยู่ที่นี่ต่อไป พวกเราจะต้องตายแน่นอน พวกเราอยากกลับบ้าน”
คนก่อความวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ ทหารรักษาการณ์ควบคุมสถานการณ์ไม่ไหว และทหารจำนวนมากได้หนีออกจากค่ายทหารไปแล้ว
มู่หรงฉีได้รับข่าวจึงรีบออกจากค่ายเพื่อเข้าไปปราบปราม
“ฉีอ๋องมาแล้ว หยุดก่อความวุ่นวายได้แล้ว หยุดสร้างปัญหา” มีคนตะโกนออกมา
กลุ่มคนหันไปหามู่หรงฉีอย่างรวดเร็ว มู่หรงฉีค่อยๆ เดินไปที่ใจกลางของฝูงชน
“ทุกคนคิดจะทำอันใด? หือ? ” ดวงตาของเขาปรากฏความเย็นชา ขณะที่ค่อยๆ เดินผ่านทหารที่กำลังสร้างปัญหา “อย่าลืมว่าที่นี่คือค่ายทหาร และอย่าลืมว่าพวกเจ้าเป็นทหาร”
มีคนพูดเสียงดังว่า “ฉีอ๋อง พวกเราอยากกลับบ้าน พวกเราไม่สู้แล้ว หากพวกเรายังอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะถูกพิษจนตายทั้งหมด”
แววตาเคร่งขรึมของมู่หรงฉีจับจ้องไปยังทหารที่พูด “เจ้าพูดอันใด? ”
ทหารนายนั้นหวาดกลัวเล็กน้อย ทว่าเขายังพูดอย่างกล้าหาญว่า “พวก… พวกเราจะไม่สู้แล้ว! ”
ที่เกิดเหตุพลันเงียบสงัด ไม่มีผู้ใดกล้าพูดอีก มู่หรงฉีกวาดสายตามองทุกคน “พวกเจ้ามีความคิดแบบเดียวกับเขาหรือไม่? ”
ไม่มีผู้ใดพูดอันใดสักคำ มู่หรงฉีก็ไม่เร่งรัด หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ทหารคนหนึ่งก็พูดโพล่งออกมาว่า “ฉีอ๋อง พวกเรารู้ดีว่า พวกเราเป็นทหาร หน้าที่ของทหารคือปกป้องประเทศ ทว่าพวกเราไม่ต้องการนอนตายเปล่าอยู่ที่นี่! ”
มู่หรงฉีมองไปที่ทหารนายนั้น แววตาเย็นชาสุดขั้ว “เจ้ากลัวความตายหรือ? ”
ทหารนายนั้นตกใจหน้าถอดสี โซเซถอยหลัง เขาเหมือนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดขึ้นว่า “ครอบครัวของข้าน้อยมีทั้งคนชราและเด็กเล็ก พี่น้องหลายคนที่นี่ก็เหมือนกับข้าน้อย ยังไม่ได้แต่งงาน ฉีอ๋องโปรดให้พวกเรากลับไปเถิด”
“มีคนชราและเด็กเล็กหรือ? ” น้ำเสียงของมู่หรงฉีเย็นชา “กลัวตายในสนามรบ แล้วพวกเจ้าไม่กลัวคนของแคว้นไหวเจียงบุกมาที่แคว้นเรา แม้แต่ครอบครัวของเจ้าก็จะถูกวางยาพิษกันทั้งหมดหรือ? ”
ทุกคนนิ่งเงียบ อ้ำอึ้งพูดไม่ออก ทำได้เพียงก้มหน้า
ทันใดนั้น ทหารอีกคนหนึ่งก็ก้าวออกมาและพูดว่า “ฉีอ๋อง พวกเราไม่ได้กลัวตายหรือรักชีวิตตนเอง ยิ่งไม่กลัวตายในสนามรบ พวกเรากลัวว่าจะตายอย่างไร้ค่าโดยไม่ได้ออกไปสู้รบพลีชีพให้แคว้นเรา”
มู่หรงฉีนิ่งเงียบ
“ใช่! ทหารที่ติดตามมาชายแดนทางใต้ ไม่มีผู้ใดที่หวาดกลัวความตายขอรับ”
พวกเขาไม่กลัวความตาย ทว่าพวกเขากลัวว่าพวกเขายังไม่ได้สู้หรือฆ่าศัตรูก็ต้องมาตายอย่างไร้ประโยชน์
“ฉีอ๋อง ให้พวกเรากลับไปเถิด! ”
“ใช่ ฉีอ๋อง ให้พวกเรากลับไปเถิด! ความเมตตาของท่าน เราจะรำลึกไว้ในใจตลอด ในอนาคตเมื่อบ้านเมืองสงบสุข จะให้พวกเราเป็นวัวเป็นม้า พวกเราจะตอบแทนพระคุณท่านอ๋อง”
“ฉีอ๋อง ได้โปรดเถิด! ”
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทหารหลายร้อยนายเสียชีวิตจากพิษ ไม่ต้องพูดถึงผู้ถูกพิษและชีวิตแขวนอยู่บนความตาย มู่หรงฉีเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา ทว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้พวกเขากลับไปได้ เพราะการศึกย่อมมีกฎทหาร
เขานิ่งเงียบไม่พูดอันใด
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนว่า “โยวอ๋องกลับมาแล้ว… ”
ทุกคนรีบออกจากค่ายทหาร เสียงควบม้าห้อตะบึงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย เยี่ยโยวเหยาในชุดสีดำทะมึน เสื้อคลุมของเขาก็ดำสนิท เขาขี่ม้าตัวสูง ควบม้ามาทางนี้พร้อมกับองครักษ์หลายสิบนาย
“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว ครั้งนี้… พวกเรามีคนสำคัญให้ตัดสินใจแล้ว” มีคนตะโกนออกมาด้วยความดีใจ รีบออกไปทักทายพวกเขานอกค่ายทหาร ทว่ายังมีคนที่สร้างปัญหาแสดงสำนึกผิด กลัวว่าเยี่ยโยวเหยาจะลงโทษจึงถอยกลับไปทางด้านหลังของฝูงชน
เยี่ยโยวเหยาเดินเข้ามา เขาพลิกตัวลงจากหลังม้าและกวาดสายตามองทีละคน จากนั้นจึงเหลือบมองสถานการณ์ในค่ายทหารแล้วพูดว่า “เกิดอันใดขึ้น ทุกคนรวมตัวกันกำลังคิดจะทำอันใด? ”
ทหารนายหนึ่งรีบเดินออกมา เขากระซิบข้างหูของเยี่ยโยวเหยา อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียด สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาพลันถมึงทึง “เป็นผู้ใดที่รวมตัวก่อความวุ่นวายในค่ายทหาร ออกมาเดี๋ยวนี้”
พวกที่ไม่ก่อปัญหาก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนที่รวมตัวกันก่อความวุ่นวายก็โดดเดี่ยวอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยโยวเหยาก้าวไปข้างหน้า น้ำเสียงของเขาเย็นชาสุดขั้ว เหมือนคำสาปจากขุมนรก “ข้าได้ยินมาว่า พวกเจ้ารวมตัวเพื่อสร้างปัญหาเพราะอยากกลับบ้านหรือ? ”
“ท่านอ๋อง พวกเรา… ” มีคนเปิดปากพูด ทว่าก่อนที่เขาจะพูดจบ ขาของเขาก็อ่อนระทวยทรุดลงกับพื้นเพราะแววตาที่แสนเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา
“พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด สถานะของพวกเจ้าคืออันใด? ”
ทหารคนหนึ่งบังเอิญสบตากับเยี่ยโยวเหยาและอดพูดไม่ได้ว่า “พวกเราเป็นทหาร ที่นี่… ที่นี่คือค่ายทหาร”
“พวกที่รวมตัวกันก่อปัญหา โบยด้วยไม้พลองคนละห้าสิบไม้” หลังพูดจบก็เดินไปที่กระโจม ไม่หันกลับมามองอีก
ทหารที่รวมตัวกันก่อปัญหาพลันหน้าถอดสี ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกับเห็นปีศาจ ทว่าพวกเขาไม่ได้พูดอันใดสักคำ เนื่องจากคนส่วนใหญ่เป็นทหารแคว้นจงหนิง พวกเขาใช้ประโยชน์จากความโกลาหลเพราะไม่มีใครอยู่ในค่ายทหารแคว้นจงหนิง และพวกเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของมู่หรงฉี ทว่าตอนนี้เยี่ยโยวเหยากลับมาแล้ว พวกเขารู้วิธีจัดการของเยี่ยโยวเหยาดีกว่าผู้ใด
ทหารกลุ่มนั้นถูกคุมตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาถูกจัดให้ยืนเรียงเป็นแถว เสียงกรีดร้องจากการฟาดด้วยไม้พลองนั้นน่าสลดใจยิ่งกว่าเสียงคร่ำครวญของทหารที่ถูกวางยาพิษเสียอีก
เยี่ยโยวเหยากลับไปที่กระโจม มู่หรงฉีและแม่ทัพใหญ่หลายคนติดตามเข้าไปด้วย แม่ทัพรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อถอดเสื้อคลุมให้เยี่ยโยวเหยา
“เกิดอันใดขึ้นในกองทัพ ทหารได้รับพิษชนิดใด สืบพบเงื่อนงำอันใดบ้าง? ” เยี่ยโยวเหยาถาม
มู่หรงฉียื่นจดหมายรายงานให้เยี่ยโยวเหยา “นี่คือข้อมูลที่ถูกรวบรวมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จำนวนและบัญชีรายชื่อของทหารที่โดนยาพิษ และคนที่เสียชีวิตด้วยพิษ ลูกศิษย์ของสกุลจงและคนจากสำนักแพทย์เทียนอีกำลังทำงานอย่างหนัก ทว่ายังหาทางแก้ไขไม่ได้”
เยี่ยโยวเหยาหยิบรายงานออกมาอ่านพลางขมวดคิ้วมุ่น