สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 36 ตอนที่ 1077 ทำผิดจริงๆ หรือ
‘ตุบ’ เยี่ยโยวเหยาฟาดรายงานในมือลงบนโต๊ะ
“มู่หรงฉี เจ้าเป็นผู้นำกองทัพมาหลายปี ข้ามอบทหารของแคว้นให้กับเจ้าดูแล เจ้านำกองทัพเช่นนี้หรือ? ”
ไม่ต้องพูดถึงทหารถูกวางยาพิษ ทว่ายังปล่อยให้พวกเขาก่อความวุ่นวายอีก เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในค่ายทหารของเยี่ยโยวเหยา
แม่ทัพนายหนึ่งออกมาพูดแทนมู่หรงฉีว่า “โยวอ๋อง เรื่องนี้ท่านไม่อาจตำหนิฉีอ๋องได้ เป็นความจริงที่คนจากแคว้นไหวเจียงร้ายกาจและเจ้าเล่ห์”
“ลากออกไปฟาดยี่สิบไม้” เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงดุดัน
แม่ทัพคนนั้นตกตะลึง ยังไม่ทันได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ถูกคุมตัวออกไปลงโทษตามกฎทหาร
แม่ทัพที่เหลือต่างก้มศีรษะ ไม่มีใครกล้าโต้เถียงอีก
“ทุกคนควรทำหน้าที่ของตน ควบคุมสถานการณ์ในค่ายทหาร หากมีปัญหาอีกครั้ง พวกเจ้าจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงตามกฎทหาร ข้าไม่ต้องการเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ออกไปทุกคน! ” เยี่ยโยวเหยากระชากเสียงดุดัน
“พ่ะย่ะค่ะ! ” แม่ทัพทั้งหมดตอบรับพร้อมกันและออกจากกระโจม
ในกระโจมเหลือเพียงเยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉี มู่หรงฉีพูดว่า “โยวเหยา เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะข้าควบคุมกองทัพหละหลวม ทว่าเจ้าก็อย่าโกรธ พวกทหารเคลื่อนทัพประชิดชายแดนทางใต้ เหตุการณ์เกิดขึ้นยังไม่ทันได้รบ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะตื่นตระหนก”
เยี่ยโยวเหยานั่งบนเก้าอี้และพลิกดูจดหมายที่เพิ่งมาถึงโดยไม่พูดอะไรสักคำ มู่หรงฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “โยวเหยา เจ้าเข้าไปแคว้นไหวเจียงครั้งนี้ได้เรื่องอย่างไรบ้าง? พบจิ่นซีบ้างหรือไม่? ช่วยพวกนางออกมาได้หรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยารู้ดีว่ามู่หรงฉีเป็นห่วงซูจิ่นซี สกุลจงและสกุลมู่หรงก็ยิ่งกังวล เขาตอบไปว่า “แม้ข้าไม่เห็นจิ่นซีกับตา แต่ยืนยันได้ว่าจิ่นซีอยู่ที่จวนราชครูแน่นอน”
“เช่นนั้นเจ้ายังรออันใดอีก? ส่งทหารกล้าตายสองสามคนไปช่วยนาง ตอนนี้ร่างกายของนางไม่เหมือนเมื่อก่อน นางตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว นางไม่มีทางทนรับแรงบีบคั้นได้ อาจจะเกิดเหตุการณ์อันตรายกับนางได้… ”
“เจ้าบอกว่าไม่สามารถทนแรงบีบคั้นไหวหรือ ทว่าจิ้นอี้เฉินเป็นคนเช่นไร? คิดว่าข้าแอบเข้าไปในแคว้นไหวเจียง ไม่มีใครรู้การเคลื่อนไหวเลยหรือ? ”
“เจ้าหมายความว่า… การเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ในการควบคุมของจิ้นอี้เฉิน? ”
เยี่ยโยวเหยาพูดว่า “จิ้นอี้เฉินเป็นคนที่จัดการได้ยาก หากทหารกล้าตายไปช่วยแล้วเกิดผิดพลาด… ข้าไม่กล้าเสี่ยงเรื่องแบบนี้”
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะต้องวางแผนระยะยาว… ” มู่หรงฉีกล่าว แววตาของเขาเผยความเคร่งขรึม
เยี่ยโยวเหยามองไปที่รอยคล้ำใต้ตาของมู่หรงฉี และรู้ว่าเขาคงอดนอนมาหลายวันจึงพูดไปว่า “เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ทางนี้ข้าจัดการเอง”
“ข้าจะหลับตาลงได้อย่างไร? ” มู่หรงฉีพูด “มีคนเสียชีวิตจากพิษทุกชั่วยาม ต้องนำตัวออกจากค่ายทหาร หากพวกเขาตายในสนามรบก็ยังพอทำเนา ทว่าพวกเขากลับตายด้วยพิษ …จะให้ข้ากลับไปแคว้นหนานหลีและอธิบายกับครอบครัวพวกเขาอย่างไร… ”
เยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบ หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ถามอีกครั้ง “พิษของฮ่องเต้หนานหลีและฮูหยินจงเป็นอย่างไรบ้าง? ”
เยี่ยโยวเหยาถามถึงมู่หรงอวิ๋นไห่กับจงซีจือ อย่างไรเสียพวกเขาเป็นบิดามารดาของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาใส่ใจพวกเขาเสมอมา
มู่หรงฉีพูดว่า “จงฮูหยินไปถอนพิษในวังหลวงด้วยตนเอง และสำนักแพทย์เทียนอีก็ส่งคนไปที่นั่นด้วย จนถึงเวลานี้ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ”
“แคว้นตงเฉินเป็นอย่างไรบ้าง? ”
แววตาของมู่หรงฉีเผยความตกตะลึงเล็กน้อย เดิมคิดว่าเยี่ยโยวเหยาเป็นคนที่มีจิตใจเย็นชา กลับไม่คาดคิดว่าเขายังใส่ใจเรื่องของแคว้นอื่นได้ถึงระดับนี้ บุคคลเช่นนี้กระมังที่สมควรเป็นผู้ปกครองใต้หล้า? ความคิดซับซ้อนมากมายปรากฏขึ้นในสมองของมู่หรงฉี
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดเป็นเวลานาน “หืม? ”
มู่หรงฉีพูดว่า “หวงเอ๋อร์เคลื่อนกองทัพแคว้นตงเฉินทั้งหมดกลับแล้ว ทว่าเส้นทางอยู่ไกล แคว้นเป่ยอี้เคลื่อนทัพกะทันหัน ข้าเกรงว่าอาจจะไปไม่ทันกาล จึงเขียนจดหมายไปแคว้นหนานหลีเพื่อส่งกองกำลังไปสนับสนุน ทว่าตอนนี้กำลังทหารส่วนใหญ่อยู่ที่นี่หมดแล้ว กองทัพที่แคว้นหนานหลีมีไม่มากนัก ข้าเกรงว่าทหารมีน้อยเกินไป”
เกรงว่าคราวนี้แคว้นตงเฉินคงจะรักษาไว้ได้ยากแล้วจริงๆ
ขณะที่พูด แววตาของมู่หรงฉีซับซ้อนอย่างมาก มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำแน่น เยี่ยโยวเหยารู้ว่าเขาไม่เพียงกังวลเรื่องแคว้นตงเฉิน ทว่ายังเป็นห่วงตงหลิงหวงอีกด้วย
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาเชิญจงรุ่ยอันและบุตรชายของเขา รวมถึงหมอเทวดาเข้ามาหารือ
“ทหารถูกพิษชนิดใด? พวกท่านคิดเห็นอย่างไร? มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง? ”
จงรุ่ยอันพูดว่า “แม้ข้าจะศึกษาการแพทย์มาหลายปี ด้านพิษก็พอศึกษามาบ้าง ทว่าข้าไม่เคยเห็นพิษชนิดนี้มาก่อน… ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคือพิษชนิดใด”
หมอเทวดาก็ส่ายศีรษะเช่นกัน “ข้าน้อยก็ยังไม่พบ ทำได้เพียงใช้ยาถอนพิษธรรมดาเพื่อระงับพิษชั่วคราว ทว่ามันอยู่ได้ไม่นาน เกรงว่าพิษนี้มีเพียงเจ้าสำนักแห่งสำนักแพทย์เทียนอีเท่านั้นที่สามารถแก้ไขได้”
ทว่าซูจิ่นซีอยู่ในแคว้นไหวเจียงอัน เป็นตายคาดเดาไม่ได้
เยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบ บรรยากาศภายในกระโจมกดดันยิ่งนัก จงรุ่ยอันและหมอเทวดาต่างแสดงสีหน้าเป็นกังวล
จงเทียนโย่วพูดเบาๆ ว่า “พี่เขย ข้าได้ยินมาว่าสองสามวันก่อนท่านไปแคว้นไหวเจียง พบพี่จิ่นซีบ้างหรือไม่? สามารถช่วยนางออกมาได้หรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาตอบกลับว่า “รู้ว่าพี่สาวเจ้าอยู่ที่ใด ทว่าจะช่วยออกมานั้นยากพอสมควร ข้ากำลังวางแผน”
จงเทียนโย่วครุ่นคิดและพูดอย่างระมัดระวัง “พี่เขย ท่านเก่งกาจรอบด้าน ท่านพอมีวิธีส่งข้อมูลเกี่ยวกับยาพิษให้พี่จิ่นซีได้หรือไม่? ”
จงรุ่ยอันรีบดึงแขนจงเทียนโย่วแล้วพูดว่า “เทียนโย่ว อย่าพูดจาไร้สาระ จิ่นซีถูกขังอยู่ในคุก นางกำลังตกอยู่ในอันตราย ปกป้องตนเองไม่ได้ อย่าสร้างปัญหาให้ท่านอ๋อง”
“ท่านพ่อ เรื่องนี้จะนับว่าสร้างปัญหาได้อย่างไร? ตอนนี้มีทางเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้น พวกเราต้องดูคนตายต่อหน้าต่อตาทุกวันแน่นอน”
หมอเทวดาใจดีมีเมตตา จะให้พวกเขาทนดูได้อย่างไร
เยี่ยโยวเหยาพูดว่า “เทียนโย่วพูดถูก ทว่าแม้ไม่อาจส่งสิ่งของไปถึงมือจิ่นซีได้ ทว่าสามารถส่งด้วยวิธีอื่นได้ เรื่องนี้… ข้าจะลองดู จงรุ่ยอัน หมอเทวดา… ”
“ขอรับ! ”
“คืนนี้พวกเจ้ากลับไปจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับยาพิษของทหารและมาส่งให้ข้าพรุ่งนี้เช้า”
“ขอรับ! ”
จงรุ่ยอันกับบุตรชายและหมอเทวดาออกไปแล้ว เยี่ยโยวเหยาก็กลับไปที่กระโจมของตนเองเช่นกัน รายงานและเอกสารเร่งด่วนจำนวนมากจากสถานที่ต่างๆ ถูกส่งมาถึงเยี่ยโยวเหยาจนตั้งกองท่วมหัว ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ทหารในค่ายที่รับใช้เยี่ยโยวเหยาเข้ามาจุดตะเกียง แสงตะเกียงริบหรี่ ภายใต้แสงเทียนสลัว เยี่ยโยวเหยาก้มหน้าบนโต๊ะ ร่างนั้นดูอ้างว้าง… มือของเขาค่อยๆ วาดภาพบนกระดาษเหมือนกับความเหงา…
หลังผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียง ‘แกรก’ พู่กันในมือของเยี่ยโยวเหยาถูกบีบอย่างแรง เขาก้มหน้าลงเงียบๆ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ภายใต้แสงตะเกียง มีบางสิ่งปรากฏที่ขอบตาของเขา ส่องประกายวับวาว
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หัวใจของเขาเหมือนถูกมีดฟันทุกวินาที ทั้งเขายังคิดว่าการรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น การฟื้นฟูอาณาจักรให้สงบสุข ต่อสู้ช่วงชิงอำนาจ เยี่ยโยวเหยา หรือว่าเจ้าจะทำผิดจริงๆ…