สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1087 ความสำนึกผิดของเยี่ยโยวเหยา
ในช่วงกลางฤดูหนาว ท่ามกลางหิมะตกหนัก ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่ไม่ควรปรากฏในฤดูกาลนี้ก็ได้ปรากฏ แสงพระอาทิตย์ตกขึ้นเหนือท้องฟ้าเรือนชิงโยวแคว้นจงหนิง
แสงอาทิตย์อัสดงสีแดงฉานสาดส่องทั่วทั้งเรือนชิงโยว ราวกับเคลือบด้วยชั้นแสง คล้ายกับทิวทัศน์ภูเขาไป่โถวในปีนั้นมาก
ยังจดจำความแค้นฝังลึกในปีนั้น บุญคุณความแค้นพัวพัน นางติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถพบเขาได้อีก
เขาวางกับดักไว้บนภูเขาไป่โถว นัดนางไปพบที่นั่น
ด้านหลังเป็นหน้าผาสูงหมื่นจั้ง แต่กลับมีแสงสีแดงบนท้องฟ้าซึ่งงดงามราวกับแดนสวรรค์บนดิน
กองทัพของทั้งสองแคว้นประจันหน้ากัน
เขาพูดว่า “จิ่นซี ที่นี่คือภูเขาไป่โถว! ”
“อืม ข้าทราบแล้ว! ”
“พระอาทิตย์ตกบนเขาไป่โถวนั้นงดงามอย่างมาก แต่ไม่อาจเทียบได้กับท้องฟ้าเหนือเรือนชิงโยว เพราะ… ขาดคนผู้หนึ่งที่คอยเคียงข้าง”
“อืม ข้าทราบแล้ว! ” นางตอบเสียงเบา
“ซูจิ่นซี ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง ทางเลือกที่หนึ่ง กลับไปเป็นฉางอันกงจู่แห่งแคว้นหนานหลี ตั้งแต่นี้ต่อไป ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่มีความเกี่ยวดองกันอีก… อีกทางเลือกหนึ่ง กลับไปกับข้า แม้จะไม่มีฐานะใดๆ ทว่าข้าจะให้เกียรติ ให้ความสุข และมอบความโปรดปรานแก่เจ้า อย่างที่สตรีใดในใต้หล้าไม่มีทางได้รับ ข้ารับปากเจ้าว่าชั่วชีวิตนี้ ข้าจะไม่หลอกลวง และจะไม่รับนางสนมอีก จะมีเจ้าเพียงผู้เดียว”
นางยิ้มเล็กน้อย ทว่าแววตาของนางกลับเปล่งประกายระยิบระยับ “เยี่ยโยวเหยา ท่านลองเดาดูสิว่าข้าจะเลือกอย่างไร? ”
เยี่ยโยวเหยาอยู่ในตำหนักฝูอวิ๋น ทอดสายตายาวออกไปมองแสงอาทิตย์อัสดง มือที่จับฎีกาเริ่มสั่นเล็กน้อย จากนั้นทั่วทั้งร่างก็สั่นสะท้าน น้ำตาคลอเบ้าและค่อยๆ ไหลจากหางตา
บุรุษผู้ที่หลั่งเลือดโดยไม่ยอมหลั่งน้ำตา เวลานี้เขาร้องไห้แล้วจริงๆ
สิ่งต่อไปที่ปรากฏขึ้นในความคิดคือคำตอบของซูจิ่นซีในวันนั้น นางพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา ข้าก็มีทางเลือกให้ท่านสองทางเช่นกัน ทางเลือกที่หนึ่ง กลับไปเป็นโยวอ๋อง รัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน จากนี้ไป ท่านกับข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก ทางที่ดี อย่าได้พบกันอีกเลยตลอดชีวิตนี้ อีกทางเลือกหนึ่ง ตามข้าไปที่แคว้นหนานหลี ข้าจะให้ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แม้จะไม่มีฐานะใดๆ แต่ข้าจะทำให้ท่านได้เพลิดเพลิน มีความสุข และรุ่งโรจน์อย่างที่บุรุษใดในใต้หล้าไม่อาจจินตนาการได้ ข้าสัญญากับท่าน ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ชีวิตนี้ ข้าจะมีท่านเพียงผู้เดียว และจะไม่มีวันแต่งงานอีก”
“ซูจิ่นซี เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก! ผู้ใดบังอาจให้เจ้ามาข่มขู่ข้า? ไม่เจอกันหลายเดือน เจ้าไปกินดีเสือดาวมาหรืออย่างไร? ยังจะแต่งงานอีกครั้งหรือ? เจ้าคิดจะแต่งงานกับผู้ใด? ”
“เยี่ยโยวเหยา เช่นนั้นท่านว่า พวกเราควรทำอย่างไร? พวกเราจะเอาชนะความบาดหมางฝังลึกเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ”
“ซูจิ่นซี กงจู่แห่งแคว้นหนานหลีมีความสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดเห็นอย่างไร? ”
“ซูจิ่นซี ขอเพียงเจ้าต้องการ ใต้หล้านี้ ข้าให้เจ้าได้ทั้งหมด เหตุใดเจ้าจึงต้องการตำแหน่งกงจู่เล็กๆ นี้ด้วย! ”
“จริงหรือ? ”
“จริง! ”
“เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ต้องการใต้หล้า ข้าต้องการเพียงท่าน! ชั่วชีวิตนี้ ข้าต้องการท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น ท่านไม่เป็นโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง ไม่เป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉิน ไม่ต้องการครอบครองใต้หล้าได้หรือไม่? พวกเราไปเมืองเหยาเฉิงด้วยกันเถิด ไปที่เขาคุนหลุน แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล ต้องมีที่ให้ท่านและข้าซ่อนตัวอย่างแน่นอน พวกเราไม่สนใจเรื่องทางโลกได้หรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป เขากดเสียงต่ำในลำคอและพูดว่า “ตกลง” พลางก้มหน้าร้องไห้
ตกลง!
จักรวรรดิต้าฉิน ใต้หล้า พลิกฟื้นจักรวรรดิ เกี่ยวอันใดกับเขาหรือ?
อาณาประชาราษฎร์จะลำบากยากแค้นอย่างไร เกี่ยวอันใดกับเขาหรือ?
อำนาจ ลาภยศ ตำแหน่ง ใต้หล้า สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าซูจิ่นซี
เขาเกลียดตนเอง ราวกับหนอนที่กัดกินหัวใจ เป็นความเสียใจที่ฝังลึกไม่อาจลืมได้ เขาเกลียดตนเองที่วันนั้นเขาหยิ่งทะนงและดื้อรั้น เหตุใดวันนั้นเขาถึงไม่ไปกับนาง
เขารู้ดีว่าสิ่งที่นางพูดในวันนั้นเป็นเพียงละครตบตา ทว่าหากเขาทิ้งภาระหนักอึ้งนั้น ละทิ้งลาภยศอำนาจและไปพร้อมกับนาง เป็นเพียงเบี้ยเล็กๆ ข้างกาย แม้เขาจะไม่ได้เห็นแสงสว่างอีกเลยก็ยังดีกว่าถูกพลัดพรากจากกันและคิดถึงนางอย่าง เจ็บปวดหัวใจเช่นนี้
ซูจิ่นซี ถึงตอนนี้ข้าควรเลือกอย่างไร?
เส้นทางของเจ้าอยู่ที่ใด?
ก้าวข้ามความบาดหมางฝังลึกระหว่างสองตระกูลไปแล้ว ก้าวข้ามโชคชะตาความรักสามชาติสามภพไปแล้ว ก้าวข้ามคำสาปเผ่าเม้ยที่ติดตัวมานับพันปี เขาไม่เชื่อในโชคชะตา ถึงตอนนี้กลับไม่อาจสลัดพ้นจากโชคชะตา
ซูจิ่นซี เจ้าไปอยู่ที่ใดกันแน่?
ภายในเรือน แม่นมฮวาได้ยินเสียงร่ำไห้ในตำหนักฝูอวิ๋น ได้ยินเสียงร่ำไห้ของบุรุษผู้หนึ่งซึ่งหยิ่งทะนงราวกับเทพเจ้าเสมอมา บัดนี้กลับร้องไห้ด้วยความสำนึกผิด ร้องไห้ราวกับเด็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
องครักษ์เงาที่ซ่อนอยู่ในเงามืดต่างตกตะลึงและก้มศีรษะอย่างเงียบสงบ
ลวี่หลีอยู่บนเรือนอวิ๋นไคฝั่งตรงข้าม นั่งคุกเข่าพลางค่อยๆ ลูบเตียงที่ซูจิ่นซีเคยนอนและเริ่มร้องไห้เช่นกัน
“คุณหนู คุณหนูอยู่ที่ใดกันแน่ คุณหนู… ”
นับจากวันที่หายตัวไป หากคุณหนูยังมีชีวิตอยู่ เด็กในครรภ์คงคลอดออกมาแล้วกระมัง? แม่และเด็กปลอดภัยดีหรือไม่?
“คุณหนู คุณหนูต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าคุณหนูจะอยู่ที่ใดก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณหนูต้องเชื่อในตัวท่านอ๋อง ไม่ว่าจะไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ท่านอ๋องจะต้องตามหาท่านจนพบ คุณหนูคงไม่รู้… ท่านอ๋องตกอยู่ในสภาพอย่างไรในตอนนี้… ”
ในวันที่เกิดความโกลาหลในจวนราชครูแคว้นไหวเจียง จิ้นอี้เฉินได้พาตัวซูจิ่นซีออกจากแคว้นไหวเจียงและมุ่งหน้าไปทางเหนือ เมื่อรู้ว่าเยี่ยโยวเหยาและมู่หรงฉีส่งคนตามสืบเบาะแสที่อยู่จึงเปลี่ยนทิศทางไปทางทิศตะวันออก มุ่งหน้าไปยังเขตแดนดวงดารา
เขตแดนดวงดาราเป็นเขตแดนเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสามเขตแดน ใกล้กับทะเลอู๋ว่างมาก สถานที่แห่งนี้คนธรรมดายากที่จะเข้ามาได้
ตอนนั้นซูจิ่นซีกับอวิ๋นจิ่นพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญตอนที่มาหาหญ้าเสินเซียน ในตอนนั้นทั้งคู่วรยุทธ์แก่กล้าแต่ก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่นางกำลังท้องแก่และร่างกายอ่อนแอมาก ทั้งพลังภายในยังถูกผนึกไว้
ตลอดเส้นทางหนี ซูจิ่นซีได้ฝังเข็มเงินเพื่อชะลอเวลาการคลอด ทว่านี่เป็นวิธีการที่ทำร้ายตนเองอย่างมาก กอปรกับแรงกดดันจากพลังหยินในเขตแดนดวงดารา จนถึงเวลานี้มีความเป็นไปได้ว่านางคงอดทนได้อีกไม่นาน มีโอกาสคลอดบุตรได้ตลอดเวลา
ตามเส้นทางหลบหนีของจิ้นอี้เฉิน เป็นไปได้มากว่าครั้งนี้เขาต้องการไปลี้ภัยที่โลกสามเขตแดน สถานการณ์ที่ในโลกสามเขตแดนสลับซับซ้อนและอันตรายมาก หากนางเข้าสู่โลกสามเขตแดนและคลอดทารกที่นั่น ความเป็นตายคงยากคาดเดา ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดหนัก นางต้องหาวิธีหลบหนีก่อนที่จะเข้าสู่โลกสามเขตแดน ทว่านางถูกคุมตัวไว้อย่างใกล้ชิดจนไม่พบโอกาสหลบหนี
ภายในป่าไผ่ที่ซ่อนอยู่ในเขตแดนดวงดารา องครักษ์พิษได้จับสัตว์ป่ามาจำนวนหนึ่ง พวกเขาจุดไฟและปรุงอาหาร ขณะที่จิ้นอี้เฉินและปรมาจารย์พิษหลายคนกำลังรับประทานอยู่นั้น
ซูจิ่นซีไม่อยากอาหาร นางนั่งข้างก้อนหินที่อยู่ไม่ไกลนัก เพราะครรภ์ที่นูนเล็กน้อย นางจึงถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมกว้าง หากมองไม่ละเอียดไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเป็นสตรีหรือบุรุษ นางใช้มือข้างหนึ่งค้ำก้อนหินที่อยู่ข้างกายและใช้มืออีกข้างลูบท้องตนเอง ดวงตาสดใสคู่หนึ่งทอดมองไปยังท้องฟ้าทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศทางของสกุลจงแคว้นหนานหลี และเป็นทิศทางของจวนโยวอ๋องแคว้นจงหนิง
ทันใดนั้น ไม่ไกลนักก็มีเสียงดังแปลกประหลาดดังขึ้น…