สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1091 ติดค้างสัญญาผู้ใด?
เงาร่างสีดำเหาะลงมาราวกับใบไม้ร่วงจากท้องฟ้าในยามค่ำคืน
“ท่านอ๋อง!”
“ว่ามา! ”
“กระหม่อมเพิ่งได้รับข่าวว่าเจ็ดวันก่อนมีคนพบพระชายาโยวอ๋อง จิ้นอี้เฉิน และคนอื่นๆ อยู่ที่สุดเขตแดนทะเลตงไห่”
“สุดเขตแดนทะเลตงไห่… ”
เยี่ยโยวเหยาพึมพำเบาๆ สุดเขตแดนทะเลตงไห่คือเขตแดนดวงดารา ที่นั่นอันตรายเป็นอย่างมาก คนอาณาจักรเทียนเหอไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ หรือว่า…
ความคิดอันน่าสะพรึงกลัวแวบเข้ามาในหัวของเยี่ยโยวเหยา ดวงตาของเขาเย็นชาขึ้นทันที “เรื่องเมื่อเจ็ดวันก่อน เหตุใดมารายงานตอนนี้? ”
“เหล่าพี่น้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อหาข่าว ทันทีที่พวกเขาตรวจพบข่าวนี้ก็รีบกลับมารายงานท่านอ๋องทันที พี่น้องที่รายงานข่าวเสียม้าไปสามตัวระหว่างทางขอรับ”
เมื่อสิ้นเสียง กระบี่ฝูซีในมือของเยี่ยโยวเหยาก็สั่นขึ้นอย่างรุนแรง
องครักษ์เงาจ้องกระบี่ฝูซีในมือของเยี่ยโยวเหยาด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
กระบี่ฝูซีไม่มีทางเกิดนิมิตโดยไม่มีสาเหตุ
เยี่ยโยวเหยาตวัดกระบี่ให้ท่านเทพที่อยู่ในกระบี่ฝูซีออกมา
ทันทีที่ท่านเทพออกมาจากกระบี่ฝูซีก็แปลงกายเป็นมนุษย์และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “ข้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอวิ๋นเชวี่ย ซูจิ่นซีไม่ได้โกหกข้าจริงๆ นางบอกว่าจะหาโอกาสฟื้นคืนชีพอวิ๋นเชวี่ย ไม่คิดว่าจะทำได้จริงๆ …อวิ๋นเชวี่ย… ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วอย่างรุนแรง และคว้าร่างท่านเทพไว้ “ท่านพูดอันใด? ”
ท่านเทพตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะพูดว่า “ท่านอ๋องยังจำได้หรือไม่? ที่หุบเขาหลูเหว่ยในวันนั้น อวิ๋นเชวี่ยดับสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน พระชายานำเศษวิญญาณของอวิ๋นเชวี่ยใส่เข้าไปในปิ่นปักผม เดิมทีปิ่นนั้นอยู่ในมือของข้าตลอด ทว่าภายหลังเพื่ออำนวยความสะดวกให้พระชายาในการหาโอกาสคืนชีพอวิ๋นเชวี่ย ข้าจึงมอบปิ่นอันนั้นให้พระชายา เมื่อครู่ข้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอวิ๋นเชวี่ย”
“นางมีชีวิตแล้ว? ”
สายตาของท่านเทพฉายความรู้สึกหดหู่ ทว่าในไม่ช้าก็ถูกสีหน้าตื่นเต้นกลบจนมิด “แม้ไม่ใช่การคืนชีพ ทว่ามีจิตใต้สำนึกแล้ว การคืนชีพยังมีความหวัง”
“ท่านสัมผัสได้หรือไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด? ”
ท่านเทพพยักหน้า “เขตแดนดวงดารา”
“เขตแดนดวงดารา? ” ข่าวที่องครักษ์เงารายงานมานั้นไม่ผิด พวกเขาไปที่สุดเขตแดนทะเลตงไห่จริงๆ
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วแน่น จากนั้นท่านเทพจึงพูดอีกว่า “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องรีบร้อนตามหาพระชายา ทว่าระยะทางห่างไกลมาก ตอนนี้ข้าสัมผัสได้เพียงว่าพวกเขาอยู่ในเขตแดนดวงดารา ทว่าระยะทางยิ่งใกล้เท่าไร ขอเพียงจิตใต้สำนึกของอวิ๋นเชวี่ยตื่นขึ้นอีกครั้ง บางทีข้าอาจสัมผัสได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น”
เมื่อสิ้นเสียงของท่านเทพ เยี่ยโยวเหยาไม่มีเวลาให้คิดมาก เขาสั่งเสียงเย็นชาว่า “เตรียมตัวไปเขตแดนดวงดารา”
“พ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์เงาตอบรับ
ที่เขตแดนดวงดารา ร่างกายของซูจิ่นซีเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางเอนกายนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง หมอตำแยนำทารกไปชำระล้างทำความสะอาดอย่างระมัดระวังแล้วห่อด้วยผ้าผืนเล็ก ก่อนจะอุ้มมาวางข้างกายซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีพยายามลืมตาที่แสนอ่อนล้าขึ้น
สตรีผู้นั้นแย้มยิ้ม “ฮูหยิน ท่านดูสิ เด็กคนนี้หน้าผากกว้าง หาได้ยากและเป็นสิริมงคล เมื่อโตขึ้นจะต้องเก่งกาจมากแน่นอน”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สตรียกทารกวางในอ้อมแขนของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีมองหน้าตาอันใดไม่ออก รู้สึกเพียงว่าตัวเด็กเป็นก้อนสีชมพูนุ่มนิ่มน่ารักเป็นอย่างมาก นอกจากนี้นางยิ่งมองใจยิ่งรักและเอ็นดู ก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่าตนเองกับเด็กคนนี้คงไม่มีวาสนาเป็นแม่ลูกกัน นางตั้งครรภ์สิบเดือน และตอนนี้ท้ายที่สุดก็ได้ให้กำเนิดเขาอย่างปลอดภัย สำหรับซูจิ่นซีแล้วคือการปลอบใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ได้ยินว่าเป็นเด็กชายและหล่อเหลามาก ให้ข้าดูเร็ว” จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงสตรีดังขึ้น
ซูจิ่นซีเงยศีรษะมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น เมื่อเห็นคนที่มาจึงชะงัก
ไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่าจะเป็นคนเผ่าอวิ๋นหุน นอกจากนี้ยังเป็นอาจูกับอาอินที่นางและอวิ๋นจิ่นเคยพบตอนมาที่เขตแดนดวงดาราก่อนหน้านี้
“โอ้ หน้าตาดีเสียจริง ดูใบหน้านวลเล็กๆ นี่สิ ดูเร็ว เขาจ้องหน้าข้าแล้วยิ้มด้วย” อาจูเดินมาข้างเตียง ไม่ทันได้ทักทายซูจิ่นซีก็เริ่มหยอกล้อทารกก่อนแล้ว
“พระชายาโยวอ๋อง! ” อาอินเดินไปทำความเคารพซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีพยายามลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ทว่าอาอินห้ามไว้ “นอนลงเถิด เพิ่งคลอดลูกไม่อาจถูกลมได้”
ซูจิ่นซีนอนลงบนเตียง ทว่าในใจเต็มไปด้วยความสงสัย “เป็นพวกท่านได้อย่างไร? พวกท่านออกจากหุบเขาเมฆาไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาอีก”
“ว่าไปเรื่องมันยาว” อาอินกล่าว “เดิมทีเผ่าอวิ๋นหุนคิดจะไปจากหุบเขาเมฆา ทว่าหลังจากไปได้ไม่นานก็ได้พบกับผู้บำเพ็ญเพียรแก่กล้าท่านหนึ่ง เขาปลดผนึกคำสาปบนร่างกายข้า ตั้งแต่นั้นมาข้าจึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของหุบเขาเมฆาได้ ข้าจึงกลับมาอีกครั้ง โชคดีที่พวกข้ากลับมา มิฉะนั้นพวกเราคงคลาดกัน”
ภาพเหตุการณ์โกลาหลมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของซูจิ่นซี นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองอยู่ในเงื้อมมือของจิ้นอี้เฉิน ต่อมาก็พบกับคนจากโลกสามเขตแดนและพวกเขาก็ต่อสู้กัน ในช่วงเวลาสำคัญ จู่ๆ นางก็ปวดท้องใกล้จะคลอดจนแทบทนไม่ไหว ต่อมาจิ้นอี้เฉินต้องการมอบนางให้ราชาปีศาจกับราชาเฮยซาหู่ ในช่วงเวลาสำคัญดูเหมือนว่าจะมีผู้บำเพ็ญเพียรชุดขาวผู้แข็งแกร่งเข้ามาช่วยชีวิตนาง
นางพยายามหวนคิด พยายามนึกว่าคนที่ช่วยนางมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ทว่ากลับนึกไม่ออกเลย จำได้เพียงเค้าโครงหน้าคร่าวๆ เท่านั้น
ซูจิ่นซีมองเครื่องเรือนรอบห้อง คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่อาศัยของคนเผ่าอวิ๋นหุน
“อาอิน ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? จำได้ว่าเวลานั้นเห็นชายชุดขาว เขาคือผู้ใด? ”
อาอินส่ายศีรษะ “พวกเราไม่รู้จักเขาเช่นกัน คนที่ส่งท่านมาที่นี่คือคุณชายชุดขาวสวมหน้ากาก พอส่งท่านเสร็จเขาก็จากไปแล้ว”
“ไปแล้ว? ”
“อืม! ” อาอินเห็นซูจิ่นซีมีสีหน้าแปลกไปเล็กน้อย “เป็นอันใดหรือ? ”
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก่อนไปเขาได้ทิ้งคำพูดใดไว้บ้างหรือไม่? ”
อาอินคิดอย่างละเอียดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ทิ้งไว้ ตอนนั้นข้าเห็นสถานการณ์ของท่านวิกฤตจึงมัวแต่กังวลจนเกือบลืมไปแล้ว”
“เรื่องใด? ”
“ดูเหมือนเขาจะพูดว่า ให้ท่านอย่าลืมคำสัญญาอันใดบางอย่าง หลังท่านคลอดแล้วให้ท่านไปหาเขาที่โลกสามเขตแดน”
“โลกสามเขตแดน? ”
สีหน้าอาอินดูเป็นกังวล ทว่าก็ยังพยักหน้าตอบรับ “อืม! ” พูดจบก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “พระชายาโยวอ๋อง ท่านมีความแค้นบางอย่างกับคนของโลกสามเขตแดนใช่หรือไม่? คนของโลกสามเขตแดนรับมือได้ยาก”
ความแค้นมีมากมาย ทว่าซูจิ่นซีก็ยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเคยไปสัญญาอันใดกับคนของโลกสามเขตแดนไว้
หลังคลอดนางร่างกายอ่อนแอเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งร่างอ่อนแอจนไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะยกแขน เหนื่อยจนอยากนอนอย่างเดียว ซูจิ่นซีจึงไม่คิดให้มากความอีก
อาอินเห็นว่าซูจิ่นซีเหนื่อยมากจึงกล่าวว่า “ท่านพักผ่อนเถิด พวกข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ข้าจะไปทำน้ำแกงบำรุงมาให้ท่าน ท่านตื่นแล้วก็ดื่มเสียหน่อย”
“อืม! ” ซูจิ่นซีตอบรับแผ่วเบา
อาอินกำชับสตรีผู้มีประสบการณ์ให้อุ้มเด็กมาด้านข้าง จากนั้นก็ห่มผ้าให้ซูจิ่นซีแล้วจากไปพร้อมอาจู
เมื่อในห้องเหลือซูจิ่นซีเพียงคนเดียว นางกลับนอนไม่หลับ สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือเงาร่างของคนที่เห็นก่อนจะหมดสติ และคำพูดประโยคนั้นที่เขาฝากให้อาอินมาบอกตนเอง
โลกสามเขตแดน?
นางติดค้างคำสัญญากับผู้ใดกันแน่?