สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1092 ปลอมตัว
ไม่ว่าซูจิ่นซีจะคิดจนสมองระเบิดก็คิดไม่ออกจึงไม่คิดถึงมันอีก
บนเส้นทางของหุบเขาเมฆาไม่หวนคืน เมื่อราชาปีศาจและราชาเฮยซาหู่ตื่นมา จิ้นอี้เฉินก็หายไปแล้ว บริเวณโดยรอบเงียบสงัด พญายมไปแล้ว
“ราชาปีศาจ พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดี? โจมตีอาณาจักรเทียนเหอหรือไม่โจมตีแล้ว? ” ราชาเฮยซาหู่ยังวิงเวียนศีรษะอยู่เล็กน้อย พลางกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
ราชาเฮยซาหู่กำลังครุ่นคิดบางอย่าง และสายตาดูหวาดกลัวเล็กน้อย “โจมตี! ต้องโจมตีแน่นอน! ” ราชาเฮยซาหู่กำลังจะพูดบางอย่าง ทว่าราชาปีศาจกล่าวเสริมว่า “ทว่าเรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อน กลับไปที่โลกสามเขตแดนก่อนค่อยว่ากัน”
ราชาเฮยซาหู่ก็คิดเช่นนี้
อย่างไรเสีย ตอนนี้ท่านพญายมก็รู้เรื่องแล้ว ดินแดนนรกเก้าขุมจะไม่มีวันยินยอมให้พวกเขาขยายอำนาจโดยพลการเด็ดขาด หากท่านพญายมรู้เรื่องนี้… ผลที่ตามมาไม่อาจคาดเดา
ดังนั้นทั้งสองคนจึงพาลูกสมุนกลับไปยังโลกสามเขตแดน
แดนร้อยสัตว์อสูร
ราชเฮยซาหู่กลับมาถึงเมืองปีศาจและได้กำชับให้คนจัดการเตรียมสุราชั้นดีรสเลิศ และเรียกสาวงามสองสามคนมาดื่มด่ำความสำราญ
ราชาปีศาจส่งทูตมาขอพบหลายครั้งเพื่อเชิญราชาเฮยซาหู่ไปหารือเรื่องการโจมตีอาณาจักรเทียนเหอที่วังปีศาจร่วมกัน ทว่าราชาเฮยซาหู่ทำหูทวนลม ปฏิเสธการเจรจา
จบหนึ่งบทเพลง นางรำที่เหลือก็ออกไปจนหมด จู่ๆ สาวงามนักเต้นรำก็กลายร่างเป็นแมวดาววิ่งไปอยู่ข้างกายราชาเฮยซาหู่ และเปลี่ยนร่างอีกครั้งเป็นยอดนารีท่าทางอ้อนแอ้นอรชรพิงอยู่บนร่างของราชาเฮยซาหู่ นางกรีดกรายหยิบแก้วสุราบนโต๊ะ ส่งแก้วสุราไปที่ขอบริมฝีปากของราชาเฮยซาหู่ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“ฝ่าบาท ดื่มสุราเพคะ! ”
ราชาเฮยซาหู่ดื่มสุราจากมือสาวงามด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม มือลูบไล้ทรวดทรงได้รูปของสาวงามเบาๆ ด้วยใบหน้าพราวเสน่ห์
สาวงามครวญครางเสียงแผ่วเบาและกล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “ฝ่าบาท ทูตของวังปีศาจรออยู่หน้าประตูหนึ่งชั่วยามแล้ว หากฝ่าบาทมัวแต่หลบเลี่ยงอยู่เช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ดีกระมังเพคะ? ”
อย่างไรเสีย อำนาจของวังปีศาจก็แข็งแกร่งกว่าแดนร้อยสัตว์อสูรอยู่มาก
“มีอันใดไม่ดี! ” สีหน้าของราชาเฮยซาหู่เย็นชาลงสามส่วน
สาวงามพิจารณาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “หากราชาปีศาจโจมตีอาณาจักรเทียนเหอไม่ได้ก็พอทำเนา หากเขาได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาจากฝ่าบาทแล้วเปลี่ยนไปร่วมมือกับแดนวิญญาณโจมตีอาณาจักรเทียนเหอ… เกรงว่าภายหลังพวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก”
ราชาเฮยซาหู่หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องใบหน้าสาวงามอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่พูดอันใด
สาวงามที่ถูกเขาจดจ้อง ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย “ฝ่า… ฝ่าบาท เหตุใดท่านถึงจ้องหม่อมฉันเช่นนี้? ”
“ข้ารู้สึกว่า… สิ่งที่เจ้าพูดมีเหตุผล” ขณะพูด สองมือของราชาเฮยซาหู่ก็เคล้นคลึงที่เอวของคนงามอย่างนุ่มนวล
“แหะ แหะ… ” สาวงามประหม่าในใจจนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวยิ้มๆ “ในเมื่อฝ่าบาทรู้สึกว่ามีเหตุผล เช่นนั้นก็ไปพบทูตปีศาจก่อนแล้วลองฟังดูว่าเขาคิดเห็นอย่างไร ดีหรือไม่? ” สาวงามพูดพลางรินสุราให้ราชาเฮยซาหู่แล้วป้อนให้เขา
ราชาเฮยซาหู่ไม่ดื่ม แววตาดูแปลกไปเล็กน้อย ทันทีที่กล่าวคำว่า “ตกลง” ออกมา จู่ๆ เขาก็บีบเอวคนงามเสียงดังกรอบ
ใบหน้างดงามของสาวงามพลันแข็งทื่อ นางจ้องหน้าราชาเฮยซาหู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้วค่อยๆ ไถลลงบนพื้น จากนั้นร่างก็กระตุกสองสามทีแล้วกลายเป็นแมวดาว
“หึ กล้าใช้อุบายต่อหน้าข้า เบื่อชีวิตมากหรือ” ราชาเฮยซาหู่หยิบกาสุราบนโต๊ะมากรอกใส่ปาก ที่เหลือก็เทลงบนร่างแมวดาวที่ไร้ลมหายใจ
สัตว์ร้ายที่คอยรับใช้อยู่ในโถงใหญ่ต่างพากันก้มศีรษะลงต่ำ ไม่กล้าหายใจเสียงดัง
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น สัตว์ร้ายที่เฝ้าอยู่หน้าประตูสองตัวล้มลงกับพื้น จากนั้นไม่รอให้ราชาเฮยซาหู่ได้โต้ตอบ เงาสีดำก็โจมตีใส่เขาหนึ่งฝ่ามือที่กลางอกอย่างหนัก
ราชาเฮยซาหู่จ้องใบหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน่ากลัว “เป็นเจ้า… เป็นเจ้าไปได้อย่างไร? ”
คนที่มาสวมชุดคลุมสีดำยาว ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าคลุมด้วยชุดคลุมสีดำอย่างแน่นหนา
เขาเหยียดมือแล้วค่อยๆ ถอดหมวกสีดำบนศีรษะออก เผยให้เห็นเส้นผมยาวสีขาวหิมะ “ราชาเฮยซาหู่ พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ขณะที่พูดก็ได้เพิ่มพลังภายในที่ฝ่ามือ ราชาเฮยซาหู่ถูกเหวี่ยงอัดเข้าชนกำแพงหินอย่างรุนแรง เมื่อล้มลงบนพื้นก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดหลายคำ
บ่าวรับใช้และสัตว์ร้ายภายในโถงใหญ่ต่างตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ “อ๊าก… ” พวกเขาร้องเสียงดังและรีบวิ่งออกไปนอกห้องโถง ทว่ายังไม่ทันได้ออกไปจากโถงใหญ่ ประตูก็ถูกปิดเสียงดังปัง
จากนั้นก็มีของเหลวกลิ่นหอมแปลกประหลาดตกลงมาใส่ร่างของนางกำนัลและบ่าวรับใช้ที่กำลังวิ่งหนีโกลาหล มือและเท้าของพวกเขากลายเป็นเลือด ท้ายที่สุดทุกคนก็กลายเป็นสระเลือดและสลายหายไป
ราชาเฮยซาหู่มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ชายชุดดำค่อยๆ เดินมาหาเขาทีละก้าว
ราชาเฮยซาหู่คลานถอยหลังอย่างต่อเนื่อง “เจ้า… เจ้าอย่าเข้ามา จิ้นอี้เฉิน เจ้า… เจ้าอย่าเข้ามา เจ้า… เจ้าจะทำอันใด? นี่… นี่คือแดนร้อยสัตว์อสูร หากเจ้าเข้ามาอีกข้าจะตะโกนเรียกคน”
“ตะโกน ให้โอกาสเจ้าตะโกน” จู่ๆ จิ้นอี้เฉินก็หยุดฝีเท้า
ราชาเฮยซาหู่เบิกตากว้างและตะโกนออกไปด้านนอก “พวกเจ้า พวกเจ้า! รีบเข้ามา รีบเข้ามา… ” ทว่าเขาเรียกอยู่หลายครั้ง ด้านนอกกลับไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ยิ่งตะโกน ในใจก็ยิ่งหวาดกลัว ยิ่งตะโกน สีหน้าของเขาก็ยิ่งหวาดกลัว “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่? ”
“คนด้านนอกข้าจัดการหมดแล้ว” ขณะที่พูด จิ้นอี้เฉินก็เดินเข้าไปใกล้ราชาเฮยซาหู่
แววตาของราชาเฮยซาหู่ยิ่งหวาดผวา เขาคลานถอยหลังไม่หยุดอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นจิ้นอี้เฉินมีไอสังหารรุนแรงในดวงตา เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เจ้า… เจ้าจะฆ่าข้า? เจ้า… เจ้าทำ… เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ เจ้า… ”
ราชาเฮยซาหู่ยังไม่ทันพูดจบประโยค ทันใดนั้นจิ้นอี้เฉินก็ยกกระบี่ขึ้นแล้วฟันลงมาที่ศีรษะของราชาเฮยซาหู่
ห้องโถงใหญ่หนาวเหน็บและเงียบงัน ส่งกลิ่นคาวเลือดรุนแรงคละคลุ้ง จิ้นอี้เฉินเก็บกระบี่แล้วเทของเหลวทั้งหมดในขวดลงบนศพของราชาเฮยซาหู่ และศพของราชาเฮยซาหู่ก็กลายเป็นสระเลือด
จากนั้นเขาก็เอาเส้นผม ผิวหนังมนุษย์ ยาสมุนไพร และของอื่นๆ ออกมาจากอกเสื้อ ไม่นานนักเขาก็แปลงโฉมตนเองเป็นราชาเฮยซาหู่ สวมเสื้อคลุมของราชาเฮยซาหู่แล้วเดินวางมาดออกจากโถงใหญ่
ประจวบเหมาะกับผู้บัญชาการของแดนร้อยอสูรได้พาองครักษ์มาทางนี้อย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ล้มนอนระเนระนาดอยู่นอกห้องโถงจึงกล่าวด้วยความวิตกว่า “ฝ่าบาท เกิดอันใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ? ”
จิ้นอี้เฉินกล่าว “มีคนแอบบุกเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ข้าไล่ตะเพิดไปเรียบร้อยแล้ว สั่งให้คนมาเก็บกวาดห้องโถงใหญ่ให้เรียบร้อย”
“พ่ะย่ะค่ะ! ” ผู้บัญชาการร้อยอสูรรับคำสั่งและรีบพาคนเข้าไปในห้องโถงใหญ่
ไม่นานคราบเลือดในห้องโถงใหญ่ก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาด บ่าวรับใช้ที่หมดสติอยู่นอกห้องโถงใหญ่ก็ถูกหามออกไป จิ้นอี้เฉินกลับเข้ามาในห้องโถงใหญ่อีกครั้งและสั่งคนไปตามทูตจากแดนปีศาจ
ไม่นานนัก เยี่ยโยวเหยา จิ้นหนานเฟิง และคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงเขตแดนดวงดาราด้านนอกโลกสามเขตแดน