สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1093 หายนะของเผ่าอวิ๋นหุน
ไม่นานนัก เยี่ยโยวเหยา จิ้นหนานเฟิง ท่านเทพ และคนอื่นๆ ก็มาถึงเขตแดนดวงดาราด้านนอกโลกสามเขตแดน
“ท่านเทพสัมผัสตำแหน่งที่พระชายาอยู่ได้หรือไม่? ” จิ้นหนานเฟิงเอ่ยถาม
ท่านเทพส่ายศีรษะ “สัมผัสร่องรอยอันใดไม่ได้เลย”
ท่านเทพสามารถสัมผัสถึงตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงของพวกนางได้เฉพาะตอนที่จิตใต้สำนึกของอวิ๋นเชวี่ยตื่นเท่านั้น ทว่าจิตใต้สำนึกของอวิ๋นเชวี่ยยังไม่ตื่น
“เขตแดนดวงดารากว้างใหญ่เช่นนี้ พวกเราจะไปหาที่ใด? ” จิ้นหนานเฟิงสีหน้าเศร้าหมอง
ท่านเทพเศร้ายิ่งกว่าจิ้นหนานเฟิง จึงไม่ได้พูดอันใด
เยี่ยโยวเหยามีท่าทีสง่างาม รัศมีรอบตัวเย็นยะเยือกจนน่าหวาดกลัว คนและสัตว์ไม่กล้าเข้าใกล้ องครักษ์เงาหลายกลุ่มถูกส่งออกไปสืบข่าว ทว่าไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แม้แต่น้อย
“ค้นหาต่อไป โดยเฉพาะทางเข้าของโลกสามเขตแดน”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
การค้นหาครั้งนี้ใช้เวลากว่าสามวัน แต่ละกลุ่มไม่เพียงไม่พบเบาะแสอันใดเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ทว่ายังพลัดหลงกับเยี่ยโยวเหยาอยู่ในม่านหมอกบนเส้นทางของหุบเขาเมฆาไม่หวนคืน
……
หลังจิ้นอี้เฉินสังหารราชาเฮยซาหู่ ไม่นานนักก็บรรลุข้อตกลงร่วมระหว่างแดนปีศาจกับราชาเฮยซาหู่ในการโจมตีอาณาจักรเทียนเหอ
กองทัพแดนร้อยสัตว์อสูรและแดนปีศาจเตรียมพร้อมสู้รบ ทั้งยังมีจำนวนมากถึงสามแสนนาย
หลังออกจากโลกสามเขตแดน จู่ๆ จิ้นอี้เฉินก็ได้รับข่าวว่าซูจิ่นซีถูกคนเผ่าอวิ๋นหุนพาหลบหนีและตอนนี้อยู่ที่เผ่าอวิ๋นหุน นอกจากนี้ยังให้กำเนิดอย่างราบรื่น
เมื่อได้ยินข่าวนี้ จิ้นอี้เฉินก็ค่อยๆ หรี่ตาลง เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจว่า “ก่อนจะโจมตีอาณาจักรอวิ๋นโจวให้โจมตีเผ่าอวิ๋นหุนก่อน”
“เผ่าอวิ๋นหุนอันใด? ” ราชาปีศาจมีสีหน้าประหลาดใจ
แม้เผ่าอวิ๋นหุนจะอาศัยอยู่บนเส้นทางหุบเขาเมฆาไม่หวนคืน ซึ่งอยู่นอกโลกสามเขตแดนในเขตแดนดวงดารา ทว่าระหว่างพวกเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน
เผ่าอวิ๋นหุนอาศัยอยู่นอกโลกสามเขตแดน แม้ไม่ได้ระบุแน่ชัด ทว่าความจริงแล้วพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันโลกสามเขตแดน
ในตอนนี้ราชาเฮยซาหู่ส่งทหารออกไปเพื่อโจมตีเผ่าอวิ๋นหุน นี่ถือเป็นการตัดแขนขาตนเองมิใช่หรือ?
“ไม่ได้เด็ดขาด! ” ราชาปีศาจต่อต้านอย่างหนักแน่น
กลับไม่คิดว่าท่าทีของราชาเฮยซาหู่จะเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมให้ตั้งคำถาม “โจมตีเผ่าอวิ๋นหุนก่อนแล้วจับกุมซูจิ่นซีกับบุตรของนาง ห้ามผิดพลาด หากผู้ใดต่อต้านขัดขวาง ถือว่าเป็นศัตรูกับแดนร้อยสัตว์อสูรข้า”
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ราชาปีศาจคิดจะยืมพลังของแดนร้อยสัตว์อสูรเพื่อต่อสู้กับอาณาจักรเทียนเหอและไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มเช่นกัน
ทว่าเขายังรู้สึกว่าการโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนนั้นไม่เหมาะสม
ราชาปีศาจคิดซ้ำๆ และคิดว่าควรเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดที่ดีและพูดอย่างชัดเจนกับราชาเฮยซาหู่ ดังนั้นตอนที่กองทัพใหญ่ออกเดินทางไปยังเผ่าอวิ๋นหุน เขาจึงหาโอกาสเหมาะเตรียมพูดอธิบายอย่างละเอียดกับราชาเฮยซาหู่
ทว่าไม่รอให้ราชาปีศาจอ้าปากพูด จิ้นอี้เฉินก็กล่าวว่า “ราชาปีศาจ ข้ารู้ว่าท่านอยากพูดอันใด ทว่าทำสงครามกับเผ่าอวิ๋นหุนครั้งนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ภรรยาและบุตรของเยี่ยโยวเหยาอยู่ที่เผ่าอวิ๋นหุน หากพวกเราจับกุมพวกเขาได้อย่างราบรื่นในศึกครั้งนี้ ภายหลังทำสงครามกับอาณาจักรเทียนเหอจะราบรื่นเป็นเท่าตัว”
“ภรรยาและบุตรของเยี่ยโยวเหยา? ท่านหมายถึงสตรีที่จิ้นอี้เฉินส่งมอบมาก่อนหน้านี้หรือ? ”
จิ้นอี้เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ใช่! ”
แม้จะเห็นอกเห็นใจ ทว่าหลังคิดแล้วคิดอีก ราชาปีศาจก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม “ข้าและท่านมีกำลังพลกว่าสามแสนห้าหมื่นนาย อาศัยกองทัพใหญ่ของโลกสามเขตแดนโจมตีอาณาจักรเทียนเหอก็มากพอแล้ว เหตุใดต้องใช้วิธีจับกุมสตรีและเด็กเช่นนี้อีก? ”
ความจริงแล้วราชาปีศาจยังไม่ลดละกับวิธีนี้
จิ้นอี้เฉินหรี่ตาลงกว่าเดิมเล็กน้อย “นั่นไม่ใช่สตรีธรรมดา นางคือซูจิ่นซี! ” ขณะที่พูด จิ้นอี้เฉินได้เน้นคำว่า ‘ซูจิ่นซี’ สามคำ
จากนั้นจึงกล่าวอีกครั้งว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้เยี่ยโยวเหยาและเป่ยถังเย่มีอำนาจมากที่สุดในอาณาจักรเทียนเหอ จะจัดการพวกเขาสองคนคงไม่ง่ายดายกระมัง? ”
ราชาปีศาจเริ่มมีท่าทางลังเลเล็กน้อย
จิ้นอี้เฉินกดไหล่ราชาปีศาจ “ราชาปีศาจ คิดจะทำการใหญ่อย่าคิดหยุมหยิม อย่าเมตตาต่อสตรี หากสงครามใหญ่ติดขัดด้วยเหตุนี้ เกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
ราชาปีศาจยืนอยู่ที่เดิมและไตร่ตรองอยู่นาน หลังจากที่ต่อสู้กับความคิดภายในจิตใจอย่างหนักหน่วง จึงตัดสินใจว่าจะไม่ขวางราชาเฮยซาหู่อีก
ดังนั้นกองทัพใหญ่กว่าสามแสนห้าหมื่นนายที่เตรียมพร้อมโจมตีอาณาจักรเทียนเหอจึงเปลี่ยนเป้าหมายและมุ่งหน้าตรงไปยังเผ่าอวิ๋นหุน
เผ่าอวิ๋นหุน
“แย่แล้ว แย่แล้ว… ” หมู่บ้านเผ่าอวิ๋นหุนที่เงียบสงบอยู่ตลอด บัดนี้มีเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายทำลายความสงบ
ชาวบ้านออกจากบ้านทีละคนเพื่อสืบหาสาเหตุ
เด็กชายอายุสิบสี่สิบห้าปีสวมชุดคลุมสั้นวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความเร็วแสงและมุ่งหน้าไปยังวังเผ่าอวิ๋นหุน
เมื่อเข้าไปในวัง เด็กน้อยก็หกล้มตีลังกาบนพื้น
องครักษ์รีบก้าวไปพยุงเขา
“รีบ… รีบไปบอกองค์หญิงกับองค์ชายว่าโลกสามเขตแดน… โลกสามเขตแดนบุกเข้ามาโจมตีแล้ว”
จู่ๆ องครักษ์ก็ไม่ตอบสนองคำพูดของเด็กชาย
เด็กน้อยจับแขนองครักษ์แล้วพูดซ้ำอีกครั้งว่า “ราชาปีศาจและราชาเฮยซาหู่รวบรวมกองทัพใหญ่มาโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนแล้ว รีบ… รีบไปบอกองค์หญิงกับองค์ชายให้เตรียมตัว”
องครักษ์ที่เพิ่งตอบสนองไม่ทันได้ช่วยพยุงเด็กน้อยขึ้นมาก็หันหลังวิ่งเข้าไปในพระราชวัง
ภายในพระราชวัง อาอินและอาจวินกำลังหารือเรื่องสำคัญในการสร้างที่พักอาศัยสำหรับชาวบ้าน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“ได้อย่างไร? โลกสามเขตแดนโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนได้อย่างไร? ” อาอี่กล่าว
บรรพบุรุษเผ่าอวิ๋นหุนได้ทิ้งคำสอนว่าให้ปกป้องทางเข้าโลกสามเขตแดนมาหลายยุคสมัย เว้นเสียแต่ว่าถูกฆ่าล้างเผ่า ไม่อนุญาตให้มีข้อผิดพลาด
นึกไม่ถึงว่าวันนี้คนของโลกสามเขตแดนกลับหันดาบเล็งมาที่พวกเขา?
นี่… มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
“หรือว่า… หรือว่าเกี่ยวกับที่หลายวันก่อนพวกเราให้ที่หลบภัยแก่สตรีผู้นั้น? ” จู่ๆ องครักษ์ที่อยู่อีกฝั่งก็พูดขึ้น
“หุบปาก! ” อาจวินต่อว่าเสียงเย็นชา องครักษ์จึงรีบก้มศีรษะ “หากภายหลังยังกล้าพูดเช่นนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างไร้ความปรานี! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อม… กระหม่อมไม่บังอาจอีก”
อาอินกล่าวว่า “ตอนนี้คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ข่าวไม่เคยผิดพลาด พวกเราควรวางมาตรการตอบโต้ทันที”
“ข้าจะพาคนบางส่วนไปขัดขวางที่ม่านพลังทางเข้าหมู่บ้าน เจ้ากับอาอี่และอาจูรวบรวมกองกำลังเตรียมตัวให้พร้อม” อาจวินกล่าว
“ข้าจะไปกับเจ้า! ”
“เชื่อฟัง! ” อาจวินกดไหล่อาอินและมอบพลังให้นาง “แล้วก็จิ่นซี เจ้าต้องดูแลพวกเขาสองแม่ลูกให้ดี หากพวกข้าต้านไม่อยู่แล้ว พวกเขาสองแม่ลูกไม่อาจตกไปอยู่ในมือของราชาปีศาจและราชาเฮยซาหู่อย่างเด็ดขาด”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านไม่อยู่! ” อาอินประหม่าเล็กน้อย
“ข้าหมายถึง ถ้าหาก! ”
“อาจวิน ข้าอยากไปกับเจ้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ข้าอยากอยู่กับเจ้า” อาอินเงยหน้ามองอาจวินด้วยสีหน้าคาดหวัง
กองทัพสามแสนห้าหมื่นนายของโลกสามเขตแดนไม่ใช่สิ่งที่เผ่าอวิ๋นหุนจะรับมือได้
หากศึกครั้งนี้เป็นจุดจบของชีวิต นางเพียงต้องการอยู่กับคนที่ตนเองรัก เป็นตายร่วมกัน
“ตกลง! ”
ท้ายที่สุด อาจวินก็ไม่ได้ขัดอาอินและตกลงที่จะไปด้วยกันกับนาง
ก่อนออกเดินทาง เขาได้กำชับให้องครักษ์แจ้งอาอี่และอาจูให้รวบรวมกำลังพล