สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1094 เยี่ยหลินเชวีย
ในห้องเล็กแสนเงียบสงบที่เผ่าอวิ๋นหุน ซูจิ่นซีกำลังสะลึมสะลืองีบหลับไป จู่ๆ ทารกข้างกายก็ร้องไม่หยุดจนปลุกนางตื่น
ซูจิ่นซีลุกขึ้นและอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน
“เด็กดี เจ้าเป็นอันใดหรือ? ”
“หิวใช่หรือไม่? ”
หลังจากนั้นซูจิ่นซีจึงป้อนนมให้ทารกน้อย ทว่าเด็กไม่ยอมกินและแผดเสียงร้องไห้ดังยิ่งกว่าเดิม กล่อมอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่หยุดร้อง
ปกติภายในห้องมีแม่นมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลซูจิ่นซีและเด็ก เนื่องจากช่วงเช้าไม่มีเรื่องสำคัญอันใด ซูจิ่นซีจึงอนุญาตให้แม่นมทั้งสองกลับบ้านไปเยี่ยมญาติและพวกนางก็กลับมาตอนนี้พอดี
เมื่อได้ยินเสียงทารกร้องไห้มาแต่ไกล ทั้งสองจึงรีบเข้ามา
“ฮูหยินซู! ” หนึ่งในแม่นมกล่าวว่า “เหตุใดทารกถึงร้องไห้เช่นนี้? ”
ซูจิ่นซีกังวลจนศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อ “ข้าก็ไม่รู้ เมื่อครู่ จู่ๆ เขาก็ร้องไห้ ข้ากล่อมอย่างไรก็ไม่หยุด”
แม่นมรีบอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขนและกล่อมอย่างระมัดระวัง
แม่นมอีกคนกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “ฮูหยินซู แย่แล้ว คนเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรโจมตีเข้ามาแล้ว คุณชายอาอี่ให้พวกข้ารีบพาท่านหนีไป”
อันใดนะ? เผ่าปีศาจและเผ่าอสูรโจมตีเข้ามาแล้ว?
เป็นไปได้อย่างไร?
แม้ซูจิ่นซีไม่ค่อยเข้าใจ ทว่าจดจำได้เลือนรางว่า อวิ๋นจิ่นเคยพูดไว้ว่าเผ่าอวิ๋นหุนเป็นผู้ปกป้องโลกสามเขตแดน เผ่าปีศาจและเผ่าอสูรจะมาโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนได้อย่างไร? หรือว่าเป็นเพราะนาง?
ทว่าในตอนนี้ไม่มีเวลาให้นางคิดมากนัก
แม่นมสองคน คนหนึ่งอุ้มเด็ก ส่วนอีกคนเก็บสัมภาระแล้วพาซูจิ่นซีออกไป “ฮูหยินเร็วเข้า หากรอให้คนเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรโจมตีฝ่าม่านพลังเข้ามาจะไม่ทันกาล”
ซูจิ่นซีพิจารณาบางอย่างและไม่ได้ขัดขืน นางปล่อยให้แม่นมทั้งสองพาออกไป จากนั้นก็เข้าไปในอุโมงค์จากลานนอกประตู
อุโมงค์เป็นทางยาวมืดและชื้นเล็กน้อย เดินไปได้ครึ่งทางจู่ๆ ซูจิ่นซีก็หันกลับมาพูดกับแม่นมทั้งสองว่า “แม่นมอี๋ แม่นมเฝิง ฝากพวกท่านดูแลเด็กคนนี้ ท่านทั้งสองต้องหาที่ปลอดภัยให้เขาปักหลัก”
นางพูดพลางถอดปิ่นปักผมเพียงอันเดียวที่อยู่บนศีรษะออกแล้วยัดเข้าไปในผ้าอ้อมผืนเล็กของทารก
“หากพวกข้าขับไล่เผ่าปีศาจและเผ่าอสูรได้สำเร็จ ข้าจะกลับมาหาพวกท่านอย่างแน่นอน หาก… ข้าไม่กลับมา… ” ขณะที่พูด ทันใดนั้นในดวงตาของซูจิ่นซีก็ปรากฏแสงสว่างวาบ “ทั้งสองท่านโปรดพาเด็กคนนี้ไปแคว้นจงหนิงแล้วส่งมอบให้เยี่ยโยวเหยา บิดาของเขา”
“ฮูหยิน… ”
แม่นมทั้งสองอยากพูดบางอย่าง ซูจิ่นซีไตร่ตรองเล็กน้อย จู่ๆ ก็คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ
ซูจิ่นซีไม่เคยคุกเข่าให้ผู้ใดในชีวิตนี้ ในฐานะมารดา วันนี้กลับคุกเข่าต่อหน้าแม่นมทั้งสองอย่างไม่ลังเลเพื่อบุตรเพียงคนเดียว
“แม่นมทั้งสอง ขอร้องพวกท่าน” ขณะที่พูด ซูจิ่นซีก็น้ำตาคลอเบ้า สายตาของนางหยุดอยู่ที่ใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของทารกน้อย “เด็กคนนี้เป็นชีวิตของข้า และเป็นชีวิตของบิดาเขาเช่นกัน! ”
“ฮูหยิน ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ คุณชายอาอี่พูดแล้วว่าให้พวกข้าพาท่านหนีไป พวกข้าจะไปส่งท่านยังที่ปลอดภัย เหตุใดท่านถึงกลับไปเสี่ยงอันตรายอีก? ”
หากไปกับพวกนาง นั่นก็ไม่ใช่ซูจิ่นซีแล้ว
นางรู้ดีว่าสาเหตุที่เผ่าปีศาจและเผ่าอสูรโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนในครั้งนี้เป็นเพราะนาง เผ่าอวิ๋นหุนไม่เพียงช่วยชีวิตพวกนางสองแม่ลูกเท่านั้น หากยังประสบหายนะในครั้งนี้เพราะนางอีก ให้นางหนีไปเหมือนคนขี้ขลาดได้อย่างไร?
ซูจิ่นซีไม่ตอบคำถามแม่นมทั้งสอง นางส่ายศีรษะเล็กน้อย พลางลุกขึ้นอุ้มทารกไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
มองใบหน้าดวงน้อยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา เมื่อเห็นแววตาสีดำขลับเหมือนดวงตาของเยี่ยโยวเหยา หัวใจของนางพลันเจ็บปวด น้ำตาไหลลงมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ นางค่อยๆ กระชับกอดทารกแน่นแล้วแนบแก้มตนเองกับแก้มเด็กน้อย และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เด็กคนนี้เกิดมา ข้ายังไม่ทันได้ตั้งชื่อให้เขา เดิมคิดว่าหลังพบเยี่ยโยวเหยาแล้วค่อยให้เขาตั้งชื่อให้ ทว่าหากครั้งนี้ข้าไม่กลับมา เกรงว่าจะไม่ได้ยินชื่อเขาอีกแล้ว ข้าและเยี่ยโยวเหยารู้จักกันเพราะหยกกิเลน ให้เด็กคนนี้ชื่อว่าเยี่ยหลินเชวียเถิด! ”
มือที่อุ้มทารกของซูจิ่นซีสั่นเทาเล็กน้อย นางเงยศีรษะขึ้นมามองทารกด้วยแววตาอ่อนโยน “หลินเชวีย เด็กดีของแม่ หากภายหลังไม่ได้พบมารดาอีก เจ้าต้องเติบโตเป็นคนดี มารดาไม่ขอให้เจ้าเป็นเหมือนบิดาเจ้าที่มีจิตใจเพื่อใต้หล้า มีชีวิตเพื่อส่วนรวม มารดาขอเพียงให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดา ชีวิตสุขสบาย ชีวิตยืนยาวสงบสุข”
พูดจบ ทันใดนั้นก็ยัดทารกน้อยใส่อ้อมแขนของแม่นมอี๋และหันหลังเดินจากไปทันที
“อุแว้… ”
ทันใดนั้น หลินเชวียก็ร้องไห้จ้าเสียงดังลั่นกึกก้องไปทั่วทางลับ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่มือน้อยยื่นออกมาจากผ้าอ้อมและคว้าแผ่นหลังของซูจิ่นซี
หัวใจของซูจิ่นซีปวดแปลบและหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น นางก็เดินจ้ำอ้าวตรงไปข้างหน้าต่อ
นางไม่กล้าหันศีรษะกลับไป กลัวว่าเพียงเห็นลูกก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวและวิ่งกลับไปหาเขาโดยไม่สนสิ่งใดและไม่ยอมจากไปอีก
ซูจิ่นซีฝึกวรยุทธ์โดยการยืมพลังสยบมังกรและฝึกวรยุทธ์ของเผ่าเม้ย
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของวรยุทธ์ประเภทนี้คือ เมื่อแก่นพลังชีวิตได้รับบาดเจ็บจะฟื้นฟูได้ยากมาก การคลอดทารกเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องถึงความเป็นความตาย เนื่องจากคลอดยาก แก่นหัวใจจึงได้รับความเสียหาย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัว ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้นางถูกจิ้นอี้เฉินผนึกพลังฝึกตน ในตอนนี้ฝีมือพลังฝึกตนของนางยังสู้อาอินและอาจวินแห่งเผ่าอวิ๋นหุนไม่ได้ด้วยซ้ำ
ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ นางก็ไม่ถอย
ไม่มีคำว่าถอย ขี้ขลาด และขลาดกลัวในพจนานุกรมของซูจิ่นซี
ทุกคนในเผ่าอวิ๋นหุนภายใต้การนำของอาอี่และอาจูต่างหยิบอาวุธทุกชนิดขึ้นมาเตรียมพร้อมออกรบ และมุ่งหน้าไปยังทางเข้าหมู่บ้าน
ซูจิ่นซีถือกระบี่เฟิ่งอวี่ ไอสังหารตลบอบอวลทั่วทั้งร่างกาย ราวกับปีศาจที่ปีนออกมาจากนรก นางปีนออกมาจากช่องทางลับห้องเล็ก
อาจูกำลังอยู่ในจวนพอดี เมื่อเห็นภาพนี้ก็ตกใจอย่างมาก ทว่าในไม่ช้าก็ได้สติแล้วรีบเข้าไปทักทาย
“พระชายาโยวอ๋อง ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซีถาม “ตอนนี้เผ่าอวิ๋นหุนเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ไม่นานอาจูก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วว่าซูจิ่นซีเป็นกังวลต่อเผ่าอวิ๋นหุน ด้วยท่าทีดุดันสง่างามนี้ นางต้องการต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายกับเผ่าอวิ๋นหุน
“พระชายาโยวอ๋องวางใจ เผ่าอวิ๋นหุนทุกคนเตรียมพร้อมออกรบ จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ผู้อาวุโสทั้งสี่ก็เดินทางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านเพื่อช่วยเหลือองค์หญิงและองค์ชายแล้ว อีกทั้งเสริมกำลังแก่ม่านพลังทั้งหกให้แข็งแกร่งกว่าเดิม”
พูดจบก็ไม่รอให้ซูจิ่นซีตอบสนอง อาจูกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “ข้ามาเพื่อเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่พระชายาโยวอ๋อง ก่อนเดินทาง อาจวินและอาอินกำชับให้พวกข้าพาท่านหนีไปยังเส้นทางลับ ซึ่งก็คือทางที่ท่านโผล่ออกมาเมื่อครู่ จากตรงนั้นสามารถพาออกไปด้านนอกหุบเขาเมฆา พระชายาโยวอ๋อง ท่านรีบไปเถิด แล้วเด็กอยู่ที่ใด? ”
ซูจิ่นซีกล่าวว่า “ในเมื่อสามารถพาไปสู่ด้านนอกหุบเขาเมฆาได้ เหตุใดพวกท่านถึงไม่ไป? ”
อาจูกล่าวว่า “ทางลับแคบจึงรับรองคนจำนวนมากไม่ได้ ทว่าพวกข้าจัดการให้สตรี เด็ก และคนชราในหมู่บ้านเข้าไปยังทางลับจากทางเข้าอื่นเรียบร้อยแล้ว พระชายาโยวอ๋องวางใจ มีองค์หญิงและองค์ชายอยู่ ทั้งยังมีผู้อาวุโสทั้งสี่ รวมถึงข้าและอาอี่ พวกข้าจะคุ้มกันท่านหนีไปได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”
“ม่านพลังนอกหมู่บ้านหยุดเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรได้หรือ? ” ซูจิ่นซีถาม
“อาจยับยั้งได้ครู่หนึ่ง” ทว่าไม่นาน อาจูก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “แม้หยุดไม่ได้ก็ต้องหยุดให้ได้”
นั่นหมายความว่ายืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว