สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1098 อาจูสละชีพ
ซูจิ่นซีพยายามเดินพลังจากหัวใจ ทว่าล้มเหลว
นางกระอักเลือดออกมาเต็มปาก สีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ
อาอินพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดลุกขึ้นและเข้าไปใกล้ซูจิ่นซีเพื่อยับยั้งนาง กลับไม่สามารถทำลายกำแพงที่อยู่รอบตัวนางได้
อีกด้านหนึ่ง ในที่สุดราชาปีศาจและราชาเผ่าอสูรก็ฝ่าม่านพลังที่สามของเผ่าอวิ๋นหุนได้สำเร็จ ผู้อาวุโสทั้งสี่ อาอิน อาจวิน อาจู อาอี่ รวมถึงกองกำลังกว่าครึ่งของเผ่าอวิ๋นหุนได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเพื่อปกป้องม่านพลังทั้งสามนี้
เขตเวทมนตร์ที่เหลืออีกหกชั้น ผู้อาวุโสทั้งสี่ได้ร่ายพลังไว้ชั่วคราว ทว่าความแข็งแรงย่อมไม่เท่าเขตเวทมนตร์สามชั้นแรก หากคิดจะทำลายต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม
ซูจิ่นซีเหลือบมองผู้บาดเจ็บสาหัสบนพื้น แววตาของนางจ้องมองไปยังเขตเวทมนตร์ที่มีหมอกสีดำพัวพันและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ดวงตาของนางหรี่ลงอย่างเชื่องช้า จากนั้นจึงหลับตาและนั่งขัดสมาธิรวบรวมสมาธิ
อาอินไม่รู้ว่านางกำลังจะทำสิ่งใด ทว่าตราบใดที่นางไม่ทำร้ายตนเองก็ไม่เป็นอันใด นางจึงลุกขึ้นยืนและต่อต้านการโจมตีของเผ่าปีศาจกับเผ่าอสูร
ซูจิ่นซีในเวลานี้ จิตสำนึกเข้าสู่ระบบถอนพิษ
นางพยายามเรียกสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสี ทว่าหลังจากค้นหาในอาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษ กลับไม่พบสัตว์เทพทั้งสองเลย
ตั้งแต่ออกมาจากสุสานจิ่นอีโหว จิ้งจอกเก้าสีก็หายตัวไป ในตอนแรกบางครั้งสัตว์เทพกิเลนก็หายไปชั่วขณะหนึ่ง ทว่ามันยังกลับมา ต่อมามันก็หายตัวไปเหมือนจิ้งจอกเก้าสี
หากตอนนี้พวกมันอยู่สักตัวหนึ่ง การรับมือกับเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรคงจะง่ายขึ้นมาก
หลังร้องเรียกอยู่เป็นเวลานานก็ไม่มีเสียงตอบรับ ซูจิ่นซีจึงยอมแพ้ จากนั้นจึงเข้าไปในห้องหลอมยาในระบบถอนพิษ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดจะทำอันใด
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม เผ่าปีศาจและเผ่าอสูรได้ทำลายเขตเวทมนตร์ของเผ่าอวิ๋นหุนไปสามชั้นแล้ว อีกทั้งกำลังทหารของเผ่าอวิ๋นหุนยังได้รับความเสียหายไปกว่าครึ่ง
จำนวนครั้งที่อาอี่ อาจู อาจวิน อาอิน และคนอื่นๆ ถูกโจมตีจนถอยร่นลงไปเพื่อปกป้องเขตเวทมนตร์นั้น มีมากมายจนนับไม่ได้ ทว่าพวกเขายังคงร่วมแรงร่วมใจต่อสู้โดยไม่ลดละ เพราะพวกเขาต้องการปกป้องถิ่นฐานและคนของพวกเขา
ในที่สุดอาจูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากตกลงมาจากท้องฟ้าและล้มกระแทกพื้นอย่างรุนแรง นางก็กระอักเลือดออกมาสองสามคำและไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยรอยแผลและเลือดสดๆ นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือศีรษะที่มีหมอกสีดำพัวพันหนาทึบ
ที่นั่น หากมองผ่านเขตเวทมนตร์สีขาวซึ่งส่องแสงระยิบระยับ จะเป็นท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวผืนใหญ่ และมีดวงอาทิตย์สว่างเจิดจ้าที่คนไม่สามารถมองโดยตรงได้
ทว่าดูเหมือนสายตาของนางไม่มีการตอบสนองกับแสงสว่างจ้านั้นเลย ดวงตาของนางมองไปในระยะไกลโดยไม่กะพริบตา
มองไกลออกไป…
ดูเหมือนนางจะเห็นเด็กคนหนึ่งพาดคันธนูบนหลังด้วยท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม ทั้งยังยืนอยู่ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้
เด็กคนนั้นจับกระต่ายให้นางและเก็บผลไม้แสนอร่อยทุกชนิดให้นาง
เด็กคนนั้นแอบออกจากเขตแดนดวงดาราเป็นครั้งคราวและซื้อของเล่นและของอร่อยทุกอย่างให้นางจากตลาดด้านนอก
คนผู้นั้นบอกว่าจะอยู่กับนางตลอดไป ชาติภพหน้าก็จะพบกันอีก
“อาอี่… ” นางเรียกแผ่วเบา
“ข้า ข้าอยู่นี่! อาจู ข้าอยู่นี่ อาอี่อยู่นี่! ”
ไม่รู้ว่าอาอี่ลงมาอยู่ข้างกายอาจูตั้งแต่เมื่อใด เขาค่อยๆ โอบกอดนางไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง ทั้งตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด
เลือดที่แยกไม่ออกว่าเป็นเลือดของเขา ของคนอื่น หรือของอาจู
สายตาของอาจูที่มองไกลออกไป ค่อย ๆ หันกลับมามองบนใบหน้าของอาอี่ นางค่อยๆ ยื่นมือขวาที่เปื้อนเลือดออกมาลูบแก้มอาอี่เบาๆ
“อาอี่… ข้า… ข้าไม่สามารถพาเจ้าไปดูทะเลดอกไม้นั้นได้แล้ว”
น้ำตาของเด็กผู้นั้นไหลออกมาราวกับสายน้ำ เขาโอบกอดอาจูแน่นและส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่ อาจู ไม่ เจ้าต้องไม่เป็นอันใด”
เปลือกตาของอาจูสั่นเครือ ปิดสนิท และเปิดออกอย่างยากลำบาก น้ำเสียงเริ่มอ่อนแอลง “วันนั้น… เรื่องที่เจ้าบอกข้าในวันนั้น ข้าอยากจะรับปากเจ้า ทว่า… ทว่า… มันสายไปแล้ว”
เมื่อสองวันก่อน อาอี่เพิ่งพูดกับอาจูว่าเขาจะสู่ขอนางที่บ้านนาง เขากำลังรออาจูพยักหน้าตอบตกลง! มืออาอี่ที่กอดอาจูสั่นเทาเล็กน้อย ในสภาวะอับจนหนทาง ริมฝีปากของเขาสั่นเทาจนไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้
เลือดไหลรินออกมาราวกับสายน้ำ และยังคงไหลออกจากร่างกายของอาจูไม่หยุด
เขาไม่รู้ว่าตนเองควรทำอย่างไร? จะช่วยนางได้อย่างไร? ยิ่งไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเกิดอันใดขึ้น สมองของเขาว่างเปล่า นอกจากคำว่า ‘ไม่’ ที่พูดออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็ดูเหมือนเขาจะคิดคำพูดใดไม่ออกเลย
ในที่สุดอาจูก็หลับตาลง ไร้ซึ่งลมหายใจ
“ไม่… อาจู… ไม่… ”
อาอี่กอดอาจูแน่น พลางตะโกนร้องเสียงยาวด้วยความเศร้าโศก ในชั่วพริบตา เสียงโดยรอบพลันเงียบสนิท ทุกสายตาจับจ้องมาที่ตัวเขา
“อาจู! ” อาอินเสียสมาธิจนถูกพลังปีศาจกระแทกตกลงมาบนพื้น บาดเจ็บรุนแรงเช่นกัน
ทว่าหลังจากนางตกลงบนพื้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งเข้าไปหาอาจู นางเริ่มถ่ายพลังภายในไปที่อาจูโดยไม่สนใจเรื่องใด ทว่าพลังภายในที่ส่งเข้าไปเหมือนก้อนหินที่จมลงในมหาสมุทร อาจูไม่มีอาการตอบสนองแม้แต่น้อย
อาจวินเหาะลงมาหยุดนางไว้ “อาอิน สงบสติอารมณ์ก่อน! เก็บพลังไว้เพื่อจัดการกับเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรเถิด! ”
“อ๊าก… ข้าจะฆ่าพวกเจ้า… ”
จู่ๆ อาอี่ก็วางอาจูลง ท่าทางเขาเหมือนปีศาจเข้าสิง เขาหยิบกระบี่ยาวและรีบวิ่งออกไปนอกเขตเวทมนตร์ ต้องการจะสังหารเผ่าปีศาจ
“อาอี่… ”
จากนั้นทหารจำนวนหนึ่งของเผ่าอวิ๋นหุนที่ปกติมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาอี่ก็วิ่งตามออกไปเช่นกัน
“อาอี่ พวกเจ้ากลับมา กลับมา… ” อาจวินต้องการเข้าไปขวาง ทว่าสายเกินไป เขาจึงพาคนจำนวนหนึ่งเข้าไปช่วย
ก่อนจากไป อาอินได้คว้าแขนของอาจวินด้วยสีหน้ากังวล
อาจวินพูดว่า “ให้คนดูแลศพของอาจูให้ดี และปกป้องเผ่าของพวกเราด้วย”
“เจ้าเองก็ระมัดระวังด้วย! ”
“อืม! ”
ในเวลาเดียวกัน เผ่าปีศาจและเผ่าอสูรได้ทำลายเขตเวทมนตร์ชั้นที่แปดแล้ว เหลือเพียงชั้นเดียวกองทัพปีศาจและกองทัพอสูรก็สามารถทะลวงเข้ามาในหมู่บ้านเผ่าอวิ๋นหุนได้ ทว่าสำหรับราชาปีศาจหยินและราชาเฮยซาหู่ไม่มีผลอันใด
เห็นเพียงหมอกควันสีดำวาบผ่าน ราชาเฮยซาหู่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
ทหารเผ่าอวิ๋นหุนที่อาอินจัดวางไว้รีบหยิบอาวุธของตน พร้อมที่จะเข้าต่อสู้ด้วยชีวิต ทว่าราชาเฮยซาหู่ไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา เขามองไปที่ซูจิ่นซีซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้าง
ราชาเฮยซาหู่ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ก่อนจะพลิกมือขวา ในฝ่ามือของเขาปรากฏกระบี่วิเศษไอสังหารสีดำทมิฬ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหาซูจิ่นซี
“ไม่ เจ้าอย่าทำร้ายนาง! ” อาอินแผดเสียงร้องและรีบวิ่งเข้าไปหาราชาเฮยซาหู่ ทว่าก่อนที่นางจะเข้าใกล้ราชาเฮยซาหู่ ก็ถูกพลังที่ควบแน่นรอบตัวเขากระแทกลอยไปชนก้อนหินที่อยู่ไม่ไกล และอาเจียนออกมาเป็นเลือด
ทว่านางยังส่งเสียงร้องอย่างสุดกำลัง “ซูจิ่นซี หนีไป ซูจิ่นซี หนีไป… ”
ทว่าซูจิ่นซียังคงหลับตาราวกับว่านางไม่ได้ยิน
ในไม่ช้าราชาเฮยซาหู่ก็เดินเข้ามา เขาอยู่ห่างจากซูจิ่นซีห้าก้าวเหมือนกับคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เนื่องจากถูกม่านพลังที่ปกคลุมร่างกายของซูจิ่นซีขวางไว้
อย่างไรก็ตาม ม่านพลังสามารถขวางคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่กับเขา
พวกเขาเห็นเพียงราชาเฮยซาหู่ผนึกพลังเสวียนชี่ไว้ที่มือซ้ายของเขา จากนั้นจึงผลักไปที่ม่านพลังนั้น ม่านพลังก็แตกออก
ซูจิ่นซีปรากฏตัวต่อหน้าเขาโดยไม่มีสิ่งใดปกป้อง