สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1099 นางสวมชุดทหารที่สวยที่สุด
ราชาเฮยซาหู่ยกยิ้มมุมปากลึกขึ้น พลังทมิฬของกระบี่ในมือยิ่งขวบแน่นมากขึ้น เขาเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีสองก้าว จากนั้นจึงหยุดยืนห่างจากนางสามก้าว
“ซูจิ่นซี เจ้าไม่มีที่หลบซ่อนแล้ว วันนี้ข้าจะส่งเจ้าลงนรก” เขาพูดพลางแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ใบหน้ายิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น “ทว่าเจ้าไม่ต้องกังวล อยู่ที่นรกอาจอ้างว้าง แต่อีกไม่นานข้าจะส่งเยี่ยโยวเหยาและบุตรของเจ้าไปพบกับเจ้าที่นั่น”
ความจริงแล้ว การบอกว่าจะจับซูจิ่นซีและเยี่ยหลินเชวียเพื่อขู่เยี่ยโยวเหยา เป็นเพียงการหลอกลวงราชาปีศาจเท่านั้น
เขาไม่เคยลืมความแค้นของมู่หรงอวิ๋นไห่ที่แย่งชิงภรรยาของเขาไป
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาปกปิดตัวตนอยู่เบื้องหลังสำนักห้าพิษแคว้นไหวเจียง เพื่อวันหนึ่งจะได้ล้างแค้น สังหารเชื้อพระวงศ์ทุกแคว้นให้หมดและรวบรวมใต้หล้า ทำให้ทุกคนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
กลับคาดไม่ถึงว่าแผนการของเขาที่วางไว้อย่างรอบคอบทั้งหมดจะถูกเยี่ยโยวเหยาบุกเข้าโจมตีครั้งเดียว ทั้งเยี่ยโยวเหยายังฉวยจังหวะได้ก่อน แม้แต่แคว้นไหวเจียงที่เขาวางแผนยึดครองอย่างรอบคอบและควบคุมมานานก็ถูกเยี่ยโยวเหยาทำลายไปชั่วข้ามคืน
เขาเกลียดมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือเข้ากระดูกดำ และยิ่งเกลียดเยี่ยโยวเหยามากขึ้นไปอีก เขาจึงโยนความเกลียดชังนี้ไปยังคนรักของเขาและซูจิ่นซี
แม้ตอนนี้จะจัดการกับมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือไม่ได้ และทำอันใดกับเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ ทว่าการสังหารซูจิ่นซีสามารถระบายความเกลียดชังในใจของเขาได้ชั่วคราว
“ไปลงนรกเสียเถิด ซูจิ่นซี… ”
เมื่อคิดถึงสายเลือดของมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง ความเกลียดชังในหัวใจของเขาก็ระเบิดออกมาจนยับยั้งไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขากำกระบี่ในมือแน่น ผนึกพลังทั้งหมดรอบตัวและฟันใส่ศีรษะของซูจิ่นซีอย่างดุดัน
“ไม่… ”
อาอินคำรามเสียงยาว แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทว่าจากระยะห่างและพลังของนางในตอนนี้ มันสายเกินไปที่จะช่วยซูจิ่นซี
เดิมทีคิดว่าคราวนี้ซูจิ่นซีต้องตายแน่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าขณะที่กระบี่ยาวในมือซึ่งผนึกพลังทั้งหมดของราชาเฮยซาหู่อยู่ห่างจากศีรษะของซูจิ่นซีเพียงหนึ่งนิ้ว กลับเกิดเสียง ‘ครืน’ ดังสนั่น ราชาเฮยซาหู่ถูกพลังที่แข็งแกร่งทรงพลังซัดจนลอยออกไปอย่างรุนแรง
สีหน้าตื่นตระหนกของอาอินพลันแข็งทื่อ นางเห็นเพียงแสงสว่างสดใสพุ่งออกมาจากร่างของซูจิ่นซี แสงสีรุ้งสว่างสดใสงดงามผนึกรวมอยู่รอบกายของนาง
แสงสีรุ้งงดงาม…
ศิลาสะกดวิญญาณ?
ซูจิ่นซี นางควบคุมพลังของศิลาสะกดวิญญาณได้แล้ว
นั่นคือของวิเศษของเผ่าอวิ๋นหุน
ก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีกับอวิ๋นจิ่นไปที่ทะเลอู๋ว่างเพื่อตามหาหญ้าเสินเซียน ขณะที่พวกเขาผ่านมาที่หุบเขาเมฆาไม่หวนคืน พวกเขาได้พบคนจากโลกสามเขตแดนที่ล้อมคนของเผ่าอวิ๋นหุนเพื่อแย่งชิงศิลาสะกดวิญญาณ ซึ่งเป็นของวิเศษล้ำค่าของเผ่าอวิ๋นหุน อาจวินและอาอินถูกไล่ล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทว่าโชคดีที่พวกเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไว้ทัน
ต่อมาเพื่อตอบแทนบุญคุณของซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นที่ช่วยชีวิต และเพื่อความปลอดภัยของศิลาสะกดวิญญาณ พวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจมอบศิลานี้ให้พวกเขาเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ
ในเวลานั้นอวิ๋นจิ่นไม่ได้สนใจศิลาสะกดวิญญาณแม้แต่น้อย เขาจึงมอบมันให้ซูจิ่นซี นางจึงเก็บมันไว้ในระบบถอนพิษ และไม่เคยใช้งานมันเลย
อีกทั้งสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ ศิลาสะกดวิญญาณของเผ่าอวิ๋นหุนมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้
ไม่เพียงซัดราชาเฮยซาหู่จนลอยกระเด็นออกไปไกล ทว่ายังทำลายเขตเวทมนตร์สุดท้ายของเผ่าอวิ๋นหุนอีกด้วย
อาอิน ทหารเผ่าอวิ๋นหุนจำนวนหนึ่ง กองทัพปีศาจ กองทัพอสูร แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสี่ และอาจวินที่กำลังต่อสู้กับศัตรูต่างตกตะลึง
ในที่สุดซูจิ่นซีก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงสว่างรอบตัวนางพลันหายวับไป
ดวงตาทั้งสองของนางเป็นสีแดงเลือด จ้องมองอย่างถมึงทึงราวกับถูกปีศาจเข้าสิง นางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พลิกฝ่ามือ เรียกกระบี่เฟิ่งอวี่ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินทีละก้าวเข้าไปหาศัตรูที่ปิดล้อมอยู่ข้างนอกหมู่บ้าน
ทหารเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรยังไม่ฟื้นสติจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่รู้ว่าพลังรุนแรงที่ทำให้สหายของพวกเขาหมดสติไปนี้มาจากที่ใด พวกเขาเห็นเพียงคนในชุดขาวราวหิมะ เส้นผมโบกสะบัดแม้ไร้ลมกำลังถือกระบี่ยาวเดินเข้ามาหาพวกเขาราวกับปีศาจกระหายเลือด
พวกเขาตกใจกลัวจนตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูกและถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
“อ๊าก… นั่นคือใคร? ” ลูกสมุนปีศาจตนหนึ่งร้องอุทานขึ้นมา
“ไม่… ข้าไม่รู้ ทว่า… ทว่าดูน่าสะพรึงกลัวมาก… หรือว่าเป็นคนจากแดนนรกจิ่วโยว? ”
“แดน… นรกจิ่วโยวหรือ? หรือว่าจะเป็นท่านพญายม? ”
“ท่าน… ท่านพญายมหรือ? ” เมื่อลูกสมุนปีศาจและสัตว์อสูรได้ยินชื่อก็ตกใจเป็นลมหมดสติทันที
ทันใดนั้นก็มีลมหนาวพัดกระโชกแรง ทำให้แก้มของทุกคนสัมผัสความเจ็บแสบเล็กน้อย
ราชาปีศาจหยินมาอยู่เบื้องหน้ากลุ่มลูกสมุนปีศาจและพูดว่า “เขาไม่ใช่ท่านพญายม ทว่าเป็นซูจิ่นซี เป็นแค่มนุษย์ ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก”
แม้จะพูดว่า ‘ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก’ ทว่ามือที่กำลังถือกระบี่ของราชาปีศาจหยินกลับกำแน่นขึ้นเล็กน้อย นิ้วก้อยเขาสั่นเทา
อย่างไรเสีย พลังของซูจิ่นซีเมื่อครู่ เขาก็ได้เห็นกับตาตนเองแล้ว สาเหตุที่เขาไม่ลอยกระเด็นไปไกลเหมือนราชาเฮยซาหู่เพราะเขาหลบได้เร็วกว่าเท่านั้น ทว่าภายในยังได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
จากนั้นราชาปีศาจหยินก็นำลูกสมุนปีศาจต่อสู้กับซูจิ่นซีอย่างดุเดือด
ในชั่วพริบตา ซูจิ่นซีราวกับเทพเจ้าแห่งสงคราม พลังของนางน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นอย่างน่าประหลาด
ลูกสมุนปีศาจและกองทัพสัตว์อสูรพุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องและล้มลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทว่ามีคนพุ่งเข้าไปอีก ไม่นานนักก็มีศพกองเท่าภูเขาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง
นางถือกระบี่เฟิ่งอวี่ ยืนอยู่เหนือซากศพที่กองเท่าภูเขา ดวงตากระหายเลือดมองไปยังกองกำลังของศัตรูที่ยืนดำทะมึนรอบตัวนาง พลางส่งเสียงคำราม “เข้ามา ไม่กลัวตายก็เข้ามา”
“ใครหนี ตาย! ” ราชาปีศาจหยินสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นจึงใช้กระบี่ยาวในมือชี้ไปที่ซูจิ่นซีซึ่งอยู่บนกองซากศพ “บุกเข้าไป! ”
ลูกสมุนปีศาจทำได้เพียงรวบรวมความกล้าและพุ่งเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นทุกคนก็หัวขาดด้วยกระบี่ยาวในมือของซูจิ่นซีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วิธีการที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่คนเผ่าปีศาจและคนเผ่าอสูรได้เห็นกับตา
ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ สตรีร่างเล็กกะทัดรัดและใบหน้างดงามคนนี้เคยเป็นทหารเหมือนพวกเขา ทั้งนางยังได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดจากกองทัพ และยังถูกทดสอบมาอย่างเข้มงวดและหนักหนากว่าพวกเขาหลายร้อยหลายพันเท่า
มือทั้งสองของนางไม่เพียงผ่านมีดผ่าตัดและเข็มเงิน คนตาย ทว่านางยังถือปืน มีด อาวุธสังหารต่างๆ และตัดศีรษะแม่ทัพสูงสุดของแคว้นศัตรู ท่าทางที่สง่างามของนางไม่เพียงสวมเสื้อผ้าที่เย้ายวนของสตรีในยุคนี้ ทว่านางยังเคยสวมชุดทหารที่งดงามที่สุดในโลก
ในเวลานี้ นางมีไอสังหารแน่วแน่ ตัดศีรษะของทหารฝ่ายศัตรูโดยไม่แม้แต่กะพริบตา
ไม่เพียงเท่านี้ ตั้งแต่นางใช้พลังของศิลาสะกดวิญญาณอย่างสมบูรณ์ และตั้งแต่นางลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิ นางไม่เคยกะพริบตาอีกเลย
“อ๊าก… นั่นเป็นผู้ใด? ” ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด จู่ๆ ก็อุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก หลังจากนั้นไม่นานกองทัพเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรก็เกิดความปั่นป่วน
ไกลออกไปมีเสียงลมหนาวพัดกระโชกแรง เสียงการต่อสู้และเสียงของจิ้นหนานเฟิง “พระชายา… ท่านอ๋องมาช่วยพระชายาแล้ว… ”
จากนั้นบนท้องฟ้าก็ปรากฏเสียงคำรามของมังกรไฟ ราชาปีศาจหยินผู้นำการต่อสู้ใต้ซากศพพูดเสียงต่ำว่า “เยี่ย… เยี่ยโยวเหยา… “