สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1100 ข้าจะไม่ทำร้ายนาง
ใช่แล้ว ในที่สุดเยี่ยโยวเหยาก็มาช่วยแล้ว
เสื้อคลุมสีดำโบกสะบัดตามแรงลม ท่าทางน่าเกรงขาม มือชูกระบี่ฝูซี แววตาเย็นชาสุดขั้ว รัศมีรอบตัวเย็นชากดดันดั่งเทพเซียน เขาอยู่บนหลังของท่านมังกรเทพ พุ่งทะยานผ่านป่าทึบมาทางซูจิ่นซี
เส้นทางที่เขาผ่านไป หางของท่านมังกรเทพจะพาดผ่านเหมือนพลิกผืนทะเล กวาดลูกสมุนปีศาจและกองทัพสัตว์อสูรลอยไปไกลมากกว่าครึ่ง
ส่วนคนที่เหลือต่างมีท่าทีตกตะลึงและวิ่งหนีตายโดยไม่คิดชีวิต บางคนตัวสั่นเหมือนกวางในป่า
เมื่อท่านมังกรเทพพาเยี่ยโยวเหยาเข้าใกล้กองซากศพ เยี่ยโยวเหยาก็เหาะลงมาข้างกายซูจิ่นซีและกอดนางไว้ในอ้อมกอด
“จิ่นซี ข้ามาแล้ว! ”
เขาโอบกอดซูจิ่นซีแน่น นิ้วมือสั่นเทา ริมฝีปากสั่นระริกขณะพูด ก้นบึ้งในหัวใจรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
ในช่วงเวลาที่ซูจิ่นซีถูกจิ้นอี้เฉินลักพาตัวไป ทุกนาทีและทุกวินาทีเขาอยู่ด้วยความหวาดกลัว
เขากลัวว่าในชีวิตนี้ ต่อให้ทุ่มเทพลังทั้งหมดก็ยังหานางไม่พบ กลัวว่าตลอดชีวิตที่เหลือจะไม่มีวันได้เห็นหน้านางหรือได้ยินเสียงนางอีกแล้ว กลัวว่านางจะไม่รอให้เขาไปพบนาง
แม้ในตอนนี้ เขาได้กอดนางในอ้อมกอดแน่นก็ยังมีความรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง
“จิ่นซี… ” เขาเรียกนางอีกครั้ง น้ำตาไหลรินออกมา
ดวงตาสีเลือดของซูจิ่นซีค่อยๆ จางหายไป เปลี่ยนเป็นสดใสสวยงาม ร่างกายแข็งทื่อค่อย ๆ ยืดหยุ่น ทว่าสติของนางยังนิ่งอยู่เล็กน้อย “เยี่ยโยวเหยา? ” น้ำเสียงของนางแผ่วเบาและเลื่อนลอย
เยี่ยโยวเหยาพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับซูจิ่นซี จึงรีบปล่อยมือและมองใบหน้าของนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “จิ่นซี เจ้าเป็นอันใดไป ซูจิ่นซี เจ้าบาดเจ็บหรือไม่? เจ้าบาดเจ็บที่ใด? ”
เขาพูดพลางสำรวจร่างกายของซูจิ่นซีอย่างละเอียด เสื้อสีขาวราวกับหิมะของนางถูกย้อมด้วยสีแดงสดจนมองไม่เห็นว่ามีบาดแผลอยู่ที่ใดหรือไม่
จากนั้น ก้นบึ้งหัวใจก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
“เยี่ยโยวเหยา… ” มือคู่หนึ่งที่เย็นชาและอ่อนโยนแตะแก้มของเขา ร่างกายของเขาแข็งทื่อ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นซูจิ่นซีกำลังขยับริมฝีปาก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“ในที่สุดท่านก็มาแล้ว เยี่ยโยวเหยา ข้าคิดว่า… คิดว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว”
“ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ซูจิ่นซี ตอนนี้ข้าอยู่ข้างเจ้าแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว! ” เยี่ยโยวเหยากอดซูจิ่นซีไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
น้ำตาของซูจิ่นซีไหลพรั่งพรู นางหลับตากัดริมฝีปากแน่น
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ราชาปีศาจหยินพลันหน้าซีดขาวด้วยความตื่นตระหนก
แม้เขาจะมีคนจำนวนมาก ทว่าการต่อสู้กับซูจิ่นซีก่อนหน้านี้ทำให้ขวัญกำลังใจของทหารลดลงอย่างมาก อีกทั้งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเยี่ยโยวเหยาในตอนนี้ได้ทำลายขวัญกำลังใจกองทัพปีศาจและกองทัพสัตว์อสูรอย่างสิ้นเชิง หากยังสู้ต่อไปคงทำให้บาดเจ็บล้มตายมากขึ้น เขาจึงขึ้นเสียงสั่งว่า “ถอย! ”
ทว่ามีองครักษ์วิหารวิญญาณของเยี่ยโยวเหยาอยู่ จะปล่อยให้พวกเขาล่าถอยไปโดยง่ายได้อย่างไร?
จิ้นหนานเฟิงได้พาองครักษ์วิหารวิญญาณปิดล้อมเส้นทางล่าถอยทั้งหมดไว้แล้ว อีกทั้งท่านมังกรเทพยังร่วมการต่อสู้ครั้งนี้อีกด้วย กองทัพปีศาจและกองทัพสัตว์อสูรบาดเจ็บล้มตายอย่างรวดเร็ว
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาก็เดินลงมาจากกองซากศพโดยมีซูจิ่นซีอยู่ในอ้อมกอด เดิมทีเขาคิดจะหาสถานที่ให้นางพักก่อนแล้วเข้าร่วมการต่อสู้ เพราะคนที่ทำร้ายซูจิ่นซีเขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน กลับไม่คาดคิดว่าทันทีที่เขาคลายมือออก ซูจิ่นซีก็เป็นลมหมดสติไปทันที
“จิ่นซี… ซูจิ่นซี… ”
เยี่ยโยวเหยาร้องเรียกด้วยความตกใจ ดวงตาของซูจิ่นซีปิดลง ใบหน้าของนางซีดขาวและไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก
ขณะที่มองไปรอบๆ มีเพียงหมู่บ้านเผ่าอวิ๋นหุนเท่านั้นที่ให้ซูจิ่นซีพักผ่อนได้ชั่วคราว เขาจึงอุ้มซูจิ่นซีเข้าไปในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
อาอินที่หมดสติค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพอดี ขณะที่เห็นเยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีผ่านไป นางก็พยายามลุกขึ้นตามไปอย่างรวดเร็ว
“โยวอ๋อง… โยวอ๋อง… ”
นางไม่รู้จักเยี่ยโยวเหยา ทว่าเมื่อเห็นลักษณะท่าทางที่ไม่ธรรมดา บุคลิกสูงศักดิ์เย็นชา รวมถึงแววตาที่เป็นห่วงซูจิ่นซี นางรู้สึกได้ทันทีว่าเขาต้องเป็นเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่ต้องสงสัย
เยี่ยโยวเหยาได้ยินเสียงนั้นก็หยุดฝีเท้า และหันกลับมาด้วยสีหน้าระมัดระวัง
อาอินเดินเข้าไปหาเขาและพูดว่า “โยวอ๋อง ท่านไม่จำเป็นต้องระแวดระวังเช่นนี้ ข้า… ข้าเป็นคนเผ่าอวิ๋นหุน สหายของซูจิ่นซี ข้าไม่มีทางทำร้ายนางแน่”
นางพูดพลางมองใบหน้าของซูจิ่นซี เมื่อเห็นใบหน้าของซูจิ่นซีซีดขาว ริมฝีปากไร้เลือดฝาด ทั้งยังมีรอยเส้นเลือดจางๆ เหมือนรากไม้ที่ระหว่างหูของนาง จึงพูดว่า “พระชายาโยวอ๋อง คงถูกศิลาสะกดวิญญาณสะท้อนกลับ นางอ่อนแออยู่แล้วหลังคลอดบุตร แต่กลับใช้พลังของศิลาสะกดวิญญาณ นางไม่มีทางแบกรับไหวแน่นอน”
เยี่ยโยวเหยาที่กังวลอยู่เดิมยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
อาอินรู้ดีว่าตนเองร้อนใจและพูดมากเกินไป นางจึงพูดต่ออีกว่า “โยวอ๋องไม่ต้องกังวลไป จิ่นซีจะไม่เป็นอันตรายในขณะนี้”
“มีสถานที่ให้นางได้พักผ่อนหรือไม่? ” เยี่ยโยวเหยาถาม
อาอินหันไปมองเผ่าอวิ๋นหุน เผ่าอสูร เผ่าปีศาจ และองครักษ์วิญญาณที่กำลังต่อสู้อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเป็นกังวล นางลังเลครู่หนึ่งและพูดว่า “โยวอ๋อง โปรดมากับข้าทางนี้”
จิ้นหนานเฟิงพาองครักษ์วิหารวิญญาณต่อสู้กับกองทัพปีศาจและกองทัพสัตว์อสูร พลังของท่านมังกรเทพนั้นทรงพลังอย่างมาก เขากลายร่างเป็นมังกรบินวนเวียนผ่านภูเขาและป่าไม้ วนไปมาหลายรอบ ศัตรูบางส่วนบ้างก็ได้รับบาดเจ็บ บ้างก็ล้มตาย พละกำลังของจิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ สู้ไม่ได้เลยสักนิด
ไม่นานนัก อู๋จุน ถังเสวี่ย เยวี่ยอวิ๋นซวง และเยวี่ยไหวชิ่งก็ทำตามคำแนะนำในข้อความของซูจิ่นซี พวกเขามาพร้อมกับกำลังเสริม ทว่าจิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ ได้ขับไล่ศัตรูจนล่าถอยไปแล้ว
เยวี่ยไหวชิ่งและเยวี่ยอวิ๋นซวงพากองทัพเข้าร่วมการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
อู๋จุนจับจิ้นหนานเฟิงและถามอย่างร้อนใจว่า “แม่นางพิษน้อยอยู่ที่ใด? ”
จิ้นหนานเฟิงเห็น อู๋จุน ถังเสวี่ย รวมถึงเยวี่ยอวิ๋นซวง และเยวี่ยไหวชิ่งอยู่ไม่ไกลนักก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ”
“แม่นางพิษน้อยอยู่ที่ใด? ” อู๋จุนคว้าคอเสื้อของจิ้นหนานเฟิง
จิ้นหนานเฟิงเห็นสีหน้าที่น่าสะพรึงกลัวของอู๋จุนก็ตกตะลึงครู่หนึ่งและชี้ไปทางหมู่บ้านเผ่าอวิ๋นหุน “เมื่อครู่ยังอยู่ทางนั้น ทว่าท่านอ๋องพบพระชายาแล้ว คิดว่าตอนนี้คงอยู่กับท่านอ๋อง รายละเอียดอย่างอื่นข้าไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด”
ทันทีที่สิ้นเสียงของจิ้นหนานเฟิง อู๋จุนก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
ถังเสวี่ยยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม มองด้านหลังอู๋จุนที่วิ่งไปโดยไม่สนใจสิ่งใดแม้แต่น้อย ใบหน้าปรากฏความเจ็บปวด
จิ้นหนานเฟิงพูดว่า “แม่นางถังเสวี่ย เจ้าต้องการไปเยี่ยมพระชายาหรือไม่? นางสังหารลูกสมุนเผ่าปีศาจและกองทัพสัตว์อสูรไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่พวกเรามาถึง นางอาจได้รับบาดเจ็บ คงต้องการคนคอยดูแลตอนนี้”
“อันใดนะ? ” ถังเสวี่ยกลับมาได้สติและตกตะลึงครู่หนึ่ง ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย “ไม่… ไม่จำเป็น” จากนั้นนางก็เข้าร่วมต่อสู้ด้วยอีกแรง
จิ้นหนานเฟิงเห็นถังเสวี่ยในวันนี้ รู้สึกว่าแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย ทว่าเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถังเสวี่ยต่อสู้กับศัตรูตลอดทางเพื่อมาหาเยวี่ยไหวชิ่ง สังหารสมุนปีศาจสองตัวที่ปิดล้อมเยวี่ยไหวชิ่งและพูดว่า “เยวี่ยไหวชิ่ง เจ้าไปดูซูจิ่นซี เห็นจิ้นหนานเฟิงบอกว่านางได้รับบาดเจ็บ”
“เหตุใดข้าต้องไปด้วย? ” เยวี่ยไหวชิ่งพูดว่า “เจ้าหุบเขาอู๋ไปแล้วมิใช่หรือ? เยี่ยโยวเหยาก็คอยดูแลนางอีกด้วย”
“ไม่รู้ว่าบาดเจ็บที่ใดบ้าง เป็นบุรุษจะสะดวกได้อย่างไร? ”
“เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปเอง? ” เยวี่ยไหวชิ่งสังหารสมุนปีศาจแล้วมองถังเสวี่ยด้วยสีหน้าแปลกๆ
ถังเสวี่ยช่วยเยวี่ยไหวชิ่งสังหารสมุนปีศาจสองตนที่อยู่ข้างนางและผลักนางออกไป “รีบไปเถิด! เยวี่ยไหวชิ่ง ถือว่าข้าขอร้องเจ้า! ”
“ขอร้อง? ” เยวี่ยไหวชิ่งเลิกคิ้วอันงดงามและพูดว่า “ถังเสวี่ย เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่คำว่าขอร้องเจ้าก็ยังพูดได้”
ถังเสวี่ยเป็นกังวลเล็กน้อย ภายในดวงตาเป็นประกายลึกซึ้ง “เจ้าจะไปหรือไม่” ขณะที่นางพูด หยาดน้ำตาก็ไหลอาบสองแก้ม
เมื่อเยวี่ยไหวชิ่งเห็นก็ตกตะลึงเล็กน้อย “ไปก็ไป เจ้าต้องร้องไห้ด้วยหรือ! ”
ทว่าถังเสวี่ยไม่อยากคุยกับเยวี่ยไหวชิ่งอีกต่อไป นางถือกระบี่ยาวไว้ในมือและเหาะไปยังจุดอื่น