สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1102 จิ่วหรงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยได้
สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาเปลี่ยนเป็นกังวลใจสุดขีด
ในเวลานี้ เยวี่ยไหวชิ่งมาดูแลซูจิ่นซีตามคำร้องขอจากถังเสวี่ย นางเพิ่งพบซูจิ่นซีเช่นกันจึงถามพร้อมกับอาอินว่า “ซูจิ่นซีเป็นอย่างไรบ้าง?”
อู๋จุนไม่ได้ตอบคำถามของทั้งสองคนในทันที ทว่าค่อยๆ เดินไปข้างหน้า นิ้วของเขาสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่ต้องการจับชีพจรที่ข้อมือของซูจิ่นซีอีกครั้ง หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงพูดด้วยสีหน้าซีดขาว
“อวัยวะภายในถูกทำลายเกือบทั้งหมด เลือดลมถูกปิดกั้น ลมหายใจตีกลับ และเส้นชีพจรส่วนใหญ่เสียหาย”
อันใดนะ???
อาอินกับเยวี่ยไหวชิ่งตกตะลึงอยู่ที่เดิม เหมือนถูกสายฟ้าฟาด
เยี่ยโยวเหยาจับคอเสื้ออู๋จุน “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอันใด?”
อู๋จุนยกยิ้มมุมปากอย่างไร้ความรู้สึก
“ข้าก็หวังว่าข้าจะพูดไร้สาระ ทว่าโยวอ๋องผู้สูงศักดิ์ ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้ามองไม่ออกเลยหรือ? เจ้ายังหลอกตัวเองอยู่อีกหรือ?”
อู๋จุนพูดกับเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่เคารพเสมอมา เขามักจะพูดชื่อตามด้วยคำว่า ‘เจ้าหลานชาย’ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกเยี่ยโยวเหยาว่า ‘โยวอ๋องผู้สูงศักดิ์’ แต่น้ำเสียงฟังดูเย้ยหยัน
เยี่ยโยวเหยาปล่อยมือทันทีและรีบวิ่งไปที่เตียงเหมือนคนบ้า เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน ถ่ายพลังภายในให้นางอย่างต่อเนื่อง
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! จิ่นซี… จิ่นซี เจ้าจะต้องไม่เป็นอันใด ข้ายังไม่อนุญาต เจ้ากล้าดีอย่างไร? มีข้าอยู่ ข้าจะต้องปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย”
ยกเว้นอาอินและอาจวินที่เพิ่งเข้าประตูมาเมื่อครู่ คนที่เหลือคือคนที่เคยสัมผัสเหตุการณ์ต่อสู้ และผ่านความเป็นความตายในอาณาจักรเทียนเหอ ไม่มีเหตุการณ์ใดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่าเขาไม่เคยเห็นเยี่ยโยวเหยาบ้าคลั่งเช่นนี้
เขาเหมือนคนบ้า สิ้นหวัง ไม่สนใจทุกสิ่ง และถ่ายเทพลังภายในเข้าสู่ร่างกายของซูจิ่นซีโดยไม่สนใจชีวิตตนเอง ไม่นานนักเขาก็หมดแรง เหงื่อไหลท่วมตัว ทว่าเขายังคงถ่ายเทพลังภายในให้ซูจิ่นซีอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของซูจิ่นซีเป็นเหมือนหลุมลึก ไม่ว่าจะถ่ายพลังภายในเข้าไปมากเพียงใดก็ไม่มีผลกับนางแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายนางอ่อนแอลงเรื่อยๆ ลมหายใจแผ่วเบาอย่างมาก
อู๋จุนจับมือเยี่ยโยวเหยา เขากำลังจะพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด ทว่าเยี่ยโยวเหยาสะบัดมือเขาออก ทั้งยังถ่ายพลังภายในของเขาต่อไป
อาอินทนไม่ได้จึงพูดโน้มน้าวว่า “โยวอ๋อง พวกเรารู้สึกเสียใจกับอาการของจิ่นซีในตอนนี้มาก พวกเราก็เสียใจและรู้สึกผิด… อย่างไรเสีย อย่างไรเสีย นางต้องบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ก็เพื่อเผ่าอวิ๋นหุนของเรา ทว่ามันไม่มีประโยชน์ที่ท่านจะถ่ายเทพลังภายในให้นางเช่นนี้ พวกเราคิดวิธีอื่นช่วยเหลือนางดีกว่า”
“วิธีอื่นหรือ…”
ฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยาที่ถ่ายเทพลังภายในพลันหยุดชะงัก ทว่านิ่งเงียบไม่ยอมพูดอันใด
สายตาของเยวี่ยไหวชิ่ง อาจวิน และอาอินหันไปทางอู๋จุน นอกจากหมอจากเผ่าอวิ๋นหุนทั้งสองคนแล้ว อู๋จุนเป็นคนเดียวที่รู้ด้านสมุนไพรและวิชาแพทย์ เห็นได้ชัดว่าหมอทั้งสองคนสู้เขาไม่ได้
อู๋จุนอดพูดไม่ได้ หากเขาทำได้ เขาสามารถใช้ชีวิตแลกชีวิตกับแม่นางพิษน้อย ทว่าถึงแม้เขาจะมอบชีวิตให้ก็ยังไม่มีทางช่วย
“เจ้าหุบเขาอู๋! ” เยวี่ยไหวชิ่งพูด “ท่านลองคิดหาวิธีเถิด!”
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ริมฝีปากของเขาก็สั่นเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็พูดออกมาไม่กี่คำ
“ข้า… ก็ไม่มีวิธีเช่นกัน”
“เป็นไปได้อย่างไร? ” เยวี่ยไหวชิ่งน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว “เยี่ยโยวเหยาจะทำอย่างไรถ้าไม่มีนาง เขาจะยังสนใจประชาชนในอาณาจักรเทียนเหออีกหรือ? พวกเราควรทำอย่างไรถ้าแม้แต่เขาก็ยังไม่สนใจ?”
นาง แคว้นของนาง ครอบครัว สหาย คนที่นางห่วงใย นางไม่ต้องการเห็นพวกเขาถูกควบคุมโดยผู้อื่นอีก หรือแม้แต่อยู่อย่างยากลำบากเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น
ขณะที่พูด แววตาของนางยังคงมองไปยังท่าทางสิ้นหวังของเยี่ยโยวเหยา
นางมีลางสังหรณ์ว่าถ้าซูจิ่นซีจากไปแล้ว เยี่ยโยวเหยาจะต้องไม่สนใจคนในใต้หล้าอีกต่อไป ทั้งยังอาจสังหารทุกคนในใต้หล้าด้วยซ้ำ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เยวี่ยไหวชิ่งก็กอดแขนอู๋จุนแน่น
“เจ้าหุบเขาอู๋ ข้าขอร้องท่าน โปรดช่วยชีวิตซูจิ่นซีด้วยเถิด …ช่วยพวกเราด้วย ท่านช่วยนางด้วย ข้าขอร้อง! ไม่ว่าท่านต้องการสมุนไพรชนิดใด ขอเพียงพูดออกมา ข้า เยวี่ยไหวชิ่งจะทุ่มเทกำลังสุดชีวิตช่วยท่านตามหามัน เจ้าหุบเขาอู๋… ”
เขาเป็นถึงปรมาจารย์ด้านสมุนไพร สมุนไพรในใต้หล้าไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นไปตามหา ทว่าตอนนี้ แม้ว่าเขาจะรู้จักสมุนไพรทั้งหมดในโลกนี้ เขาก็ไม่สามารถหาสมุนไพรที่สามารถช่วยชีวิตแม่นางพิษน้อยได้
เป็นถึงปรมาจารย์ด้านสมุนไพร เรียกตนเองว่าเทพโอสถ กลับรักษาชีวิตแม่นางพิษน้อยไม่ได้ เขายังใช้ชื่อจอมปลอมว่า ‘เทพโอสถ’ ไปเพื่ออันใด?
อาอินก็ร้องไห้ด้วยอีกคน นางร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เป็นเผ่าอวิ๋นหุนข้าที่ทำร้ายนาง ท้ายที่สุดเผ่าอวิ๋นหุนก็เป็นคนทำร้ายนาง… ”
ทว่าไม่มีเผ่าอวิ๋นหุน จะมีซูจิ่นซีในวันนี้ได้อย่างไร?
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงของเยี่ยโยวเหยาก็สำลักอยู่ในลำคอ เขาเงยหน้าขึ้นมองอู๋จุนและพูดว่า “เทพโอสถ!”
เยี่ยโยวเหยามักจะเรียกอู๋จุนทั้งชื่อและแซ่ ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกสมญานามของอู๋จุน และแฝงด้วยความจริงใจ แต่กลับซุกซ่อนความโศกเศร้า
อู๋จุนอับจนหนทาง หลังผ่านไปครู่ใหญ่เหมือนเขาจะคิดอันใดได้บางอย่าง ดวงตาของเขาเปล่งประกาย
“ข้านึกถึงคนผู้หนึ่ง บางทีเขาอาจเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยแม่นางพิษน้อยได้ในตอนนี้”
“ผู้ใด?” ทุกคนพูดเกือบจะพร้อมกัน
อู๋จุนพูดด้วยสีหน้าจริงจังมาก “จิ่วหรง!”
ประกายไฟที่เพิ่งลุกโชนดับลงในพริบตาเหมือนน้ำเย็นที่ไหลลงมาจากท้องฟ้า
อาอินเหลือบมองใบหน้าสิ้นหวังของเยี่ยโยวเหยาและเยวี่ยไหวชิ่ง พลางถามว่า “เจ้าหุบเขาอู๋ จิ่วหรงที่ท่านพูดถึงคือจิ่วหรง เจ้าสำนักแพทย์เทียนอีใช่หรือไม่?”
ไม่รู้ว่าอู๋จุนพยักหน้าหรือไม่ ความจริงแม้แต่เขาเองก็ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ทว่าสีหน้าของเขาเท่ากับยอมรับ
อาอินพูดอีกครั้งว่า “ว่ากันว่าคุณชายจิ่วเป็นดั่งเทพเซียน ที่อยู่ไม่แน่นอน แม้แต่คนในสำนักแพทย์เทียนอีก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด หากต้องการตามหาเขาเพื่อรักษาพระชายาโยวอ๋องคงหาได้ยากจริงๆ”
ทว่านางไม่รู้ พระชายาโยวอ๋องเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของคุณชายจิ่ว เขาที่ไม่ยอมพบผู้ใดเลย กลับพบนางเพียงคนเดียวเท่านั้น
และเรื่องที่นางไม่รู้อีกเรื่องคือ คุณชายจิ่วที่ราวกับเทพเซียนคนนั้น ตอนนี้ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
อาอินเห็นสีหน้าอู๋จุนดูแปลกไปเล็กน้อย จึงถามด้วยความสงสัยว่า “เป็นอันใดหรือ? หรือว่ามีปัญหาอื่นอีก? ”
อู๋จุนยิ้มเยาะกับตนเอง เขาโซเซไปสองก้าวและพูดว่า “ความคิดเห็นของข้า พูดไปแล้วก็ช่วยอันใดไม่ได้เลย จิ่วหรงไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว”
“ไม่ได้อยู่บนโลกนี้ หมายความว่าอย่างไร? หรือว่า…”
อาอินมีสีหน้ากังวลใจ อู๋จุนพูดสวนขึ้นก่อนคำพูดประโยคถัดไปของนาง “ตายแล้ว!”
“ตายแล้ว?” อาอินและอาจวินพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไร ข้าได้ยินมาว่าคุณชายจิ่วมีชีวิตมากว่าพันปีแล้ว เขาเป็นอมตะ! เขาจะตายได้อย่างไร? …ข่าวผิดพลาดหรือไม่?”