สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1103 พ่อลูกพบกัน
หากเป็นข่าวที่ผิดพลาดจริง ทุกคนคงจะดีใจมากกว่านี้
ทว่านั่นเป็นสิ่งที่ซูจิ่นซีเห็นกับตาตนเอง และนางเป็นคนพูดเอง
นางคือคนในโลกที่ไม่ต้องการให้จิ่วหรงตาย คำพูดที่ออกจากปากนาง จะเป็นเท็จได้อย่างไร?
เยวี่ยไหวชิ่งยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าหวังว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องจริง”
อู๋จุนหันหลังกลับและทุบกำปั้นลงบนผนังกำแพง “ข้าก็ต้องการให้เรื่องนี้ไม่ใช่ความจริง”
ภายในห้องเงียบสนิท ไม่มีผู้ใดส่งเสียงและพูดสิ่งใด
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เยวี่ยไหวชิ่งก็พูดขึ้นมาว่า “ข้ามีวิธีหนึ่ง”
“วิธีใด? ”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่นาง
เยวี่ยไหวชิ่งพูดว่า “นอนเฉยๆ อยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี เท่ากับรอความตาย เช่นนั้นพวกเราพาซูจิ่นซีออกไปจากที่นี่ก่อน ภูมิประเทศของสำนักแพทย์เทียนอีอันตราย อาการของซูจิ่นซีอยู่ในขั้นวิกฤติ นางไม่มีทางขึ้นไปได้ พวกเราพานางไปสกุลจงก่อน จากนั้นติดประกาศไปทั่วอาณาจักรเพื่อตามหาหมอชื่อดัง”
ทุกคนนิ่งเงียบ
นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งเหมือนกัน ทว่าวิธีนี้… มีความหวังน้อยมาก
ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ ยกเว้นจิ่วหรงแล้ว คนที่มีทักษะทางการแพทย์สูงส่งทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว คนหนึ่งก็คือคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง ส่วนที่เหลือก็ไม่มีวิธีรักษา ยังต้องสรรหาหมอที่มีชื่อเสียงอันใดอีก
หากจะมีคนที่มีทักษะทางการแพทย์เหนือกว่าพวกเขา เขาคงปรากฏตัวในงานชุมนุมซิ่งหลินเมื่อสองสามปีก่อนแล้ว ไม่มีทางเร้นกายจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
เยวี่ยไหวชิ่งเห็นสีหน้าทุกคนหดหู่ จึงพูดต่ออีกว่า
“แม้มีความหวังน้อยนิด ทว่าต่อให้มีความมั่นใจเพียงหนึ่งในหมื่น เราก็ไม่ควรยอมแพ้ใช่หรือไม่? อีกทั้ง… ข้าหมายถึง ถ้าจิ่วหรงยังไม่ตายจริงๆ เขาก็คงไม่ต้องการให้ซูจิ่นซีเป็นอันตรายอันใด! ”
ใช่!
หากจิ่วหรงยังไม่ตายจริงๆ เขาแค่เพียงซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งเท่านั้นเล่า?
ดวงตาของทุกคนดูเหมือนจะค่อยๆ จุดประกายความหวังขึ้นใหม่
นางหันไปหาถังเสวี่ยและพูดอีกครั้งว่า “พวกเราสามารถแจ้งซูอวี้ ผู้นำสกุลซู ทุกท่านลืมไปแล้วหรือ? เขาเป็นคนที่ชนะในการชุมนุมซิ่งหลิน เป็นเซียนแพทย์ แม้เขาไม่ได้คำนับจิ่วหรงเป็นอาจารย์ แต่ข้าได้ยินซูจิ่นซีเคยบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของเขา จิ่วหรงเป็นผู้แนะนำสั่งสอนกับมือ แม้พวกเราจะไม่มีวิธีรักษา บางทีเขาอาจจะมีวิธีรักษาก็ได้? ”
“ใช่! ” จู่ๆ อู๋จุนก็หันหลังกลับมาด้วยท่าทางดีใจ “ข้าลืมเด็กคนนี้ไปได้อย่างไร? ไปหาเขา! บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด? แล้วข้าจะพาเขามาที่นี่! ”
เยวี่ยไหวชิ่งพูดว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ผู้นำซูน่าจะอยู่ที่จวนสกุลซูเมืองหลวงแคว้นจงหนิง”
“ข้าจะไปตามเดี๋ยวนี้! ” เขาพูดพลางเดินออกไปข้างนอก ขณะที่เดินถึงหน้าประตู เขาก็หันหลังกลับมาพูดว่า “ทุกคน พาแม่นางพิษน้อยไปสกุลจง”
ทว่าเขายังไม่ทันออกนอกประตู อาอินก็พูดรั้งไว้ “เจ้าหุบเขาอู๋ ตามที่ข้ารู้มา แคว้นจงหนิงห่างจากหุบเขาเมฆาพอสมควร หากท่านทั้งไปและกลับ ทั้งยังต้องไปแคว้นหนานหลีอีก ต่อให้ท่านอดหลับอดนอนตลอดทางก็ต้องใช้เวลาเดินทางเจ็ดถึงแปดวันกระมัง? ถึงในเวลานั้น ข้าไม่รู้ว่าซูจิ่นซียังมีชีวิตอยู่รอเจ้ากลับมาหรือไม่? ”
อู๋จุนขมวดคิ้วเครียด
สิ่งที่อาอินพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ทว่าไม่ไปก็ไม่ได้!
เขาพูดว่า “ต่อให้ข้าจะวิ่งจนตัวตาย ข้าก็จะพาเด็กคนนั้นกลับมาหาพวกเจ้าภายในเวลาสามวัน ไม่ต้องกังวล! ”
อาอินส่ายศีรษะ “เจ้าหุบเขาอู๋ช่างเป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวจริงๆ ทว่าเรื่องแบบนี้ ไม่ควรใช้ชีวิตของเจ้าหุบเขาอู๋มาล้อเล่นได้”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ”
อาอินเหลือบมองที่แขนเสื้อของอู๋จุน “ข้าจำได้ว่าซูจิ่นซีได้รับจดหมายจากท่านก่อนหน้านี้ มีนกตัวเล็กบินมามิใช่หรือ? คิดว่าสิ่งของชิ้นนั้นต้องเป็นของเจ้าหุบเขาอู๋ เหตุใดเจ้าหุบเขาอู๋ถึงไม่ใช้มันส่งจดหมายไปถึงผู้นำซู ให้เขาไปที่สกุลจง ทำเช่นนี้สามารถลดเวลาเดินทางได้มากทีเดียว”
“ใช่แล้ว เจ้าหมูน้อยบิน! สมองข้าเลอะเลือน! พอข้าประหม่า ข้าจะลืมทุกอย่าง! ”
พูดจบเขาก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง
จากนั้นอู๋จุนจึงใช้เจ้าหมูตัวน้อยบินส่งจดหมายถึงซูอวี้
อาอินและอาจวินไปเตรียมรถม้าและม้าจำนวนหนึ่ง
การต่อสู้ภายนอกแพ้ชนะชัดเจนแล้ว จิ้นหนานเฟิง เยวี่ยอวิ๋นซวง และคนอื่นๆ แยกเป็นสองทาง ฆ่าฟันกองทัพเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรจนล่าถอยไป ในที่สุดราชาเฮยซาหู่และราชาปีศาจก็ล่าถอยไปพร้อมกับทหารที่เหลือจนถึงเขตแดนดวงดารา และกลับเข้าไปในโลกสามเขตแดน
เยวี่ยอวิ๋นซวงต้องการพาคนบุกตามเข้าไปอีก ทว่าจิ้นหนานเฟิงรั้งเอาไว้
ทหารจนตรอกอย่าไล่ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่คุ้นเคยสภาพแวดล้อมในโลกสามเขตแดน หากไล่ตามไป เหตุการณ์อาจพลิกผันได้
เยวี่ยอวิ๋นซวงฟังคำพูดจิ้นหนานเฟิงจึงหยุดไล่ตาม
ทั้งสองรออยู่ด้านนอกหมู่บ้านเผ่าอวิ๋นหุนพร้อมกับกองทัพของพวกเขา
เพียงแต่ว่าคนของเผ่าอวิ๋นหุนได้รับบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน สถานที่เกิดเหตุเศร้าสลดอย่างมาก
เด็กและคนชราที่ซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางลับก่อนหน้านี้ ไม่ได้ไปไหน พวกเขาอยู่ในเส้นทางลับตลอดเวลา ในเวลานี้ สงครามสงบลง ทุกคนจึงออกมาจากเส้นทางลับ
มีคนส่งเสียงโห่ร้อง บางคนเสียใจที่สูญเสียคนที่รักไป ภาพนี้ดูแล้วอดสูอย่างมาก
อาอินและอาจวินเตรียมรถม้าอย่างรวดเร็ว เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีเข้าไปในรถม้าด้วยตนเอง
เดิมทีทั้งสองต้องการไปที่แคว้นหนานหลีกับทุกคนเพื่อช่วยเหลือในการรักษาซูจิ่นซี ทว่าสงครามเพิ่งจะสงบ เผ่าอวิ๋นหุนมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการจึงไม่สะดวกที่จะออกไป
เยวี่ยไหวชิ่งพูดว่า “องค์หญิงอาอิน องค์ชายอาจวิน ท่านทั้งสองวางใจได้ หากอาการของซูจิ่นซีคืบหน้า พวกเราจะส่งข่าวมาบอกพวกท่านโดยเร็วที่สุด”
“เช่นนั้นก็เป็นเรื่องดีมากทีเดียว รบกวนทุกท่านแล้ว” อาอินพูดพลางทำความเคารพทุกคนพร้อมกับอาจวิน
ทุกคนไม่พูดอันใดอีก เตรียมจะออกเดินทาง
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง… ”
ทว่าก่อนที่รถม้าจะเคลื่อนตัว ทันใดนั้นก็มีเสียงสตรีนางหนึ่งดังมาจากด้านหลัง จากนั้นก็มีเสียง ‘อุแว้’ ของทารกดังแสบแก้วหู
ทุกคนตกตะลึงและมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น ทว่าร่างกายของเยี่ยโยวเหยาชะงักเล็กน้อยและไม่หันกลับไปมอง
แม่นมอี๋อุ้มทารกเดินผ่านฝูงชนที่ยอมหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ นางค่อยๆ เดินไปยังทิศทางของรถม้า แม่นมเฝิงเดินตามหลังด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เมื่ออาอินเห็นก็ขมวดคิ้วทันที “เด็กหิวใช่หรือไม่? เหตุใดจึงร้องไห้หนักเช่นนี้”
“ทูลองค์หญิง เพิ่งป้อนนมเพคะ! ” นางพูดพลางเหลือบมองไปทางเยี่ยโยวเหยา
ทารกในอ้อมกอดของแม่นมอี๋ร้องไห้ มือเล็กๆ เอื้อมคว้าไปยังทิศทางของรถม้า
เหมือนทุกคนจะเข้าใจอันใดบางอย่าง สายตาของทุกคนหันไปมองเยี่ยโยวเหยา ทว่าเยี่ยโยวเหยายังไม่หันหลังกลับมา
“ทารกนี้คงเป็นท่านอ๋องน้อยแคว้นจงหนิงกระมัง? ” เสียงของถังเสวี่ยดังขึ้นทางด้านหลังทุกคน ดวงตาสดใสของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว นางเดินไปหาแม่นมเฝิง “ขอข้าดูหน่อยเถิด”
มองครั้งแรกถังเสวี่ยก็ยิ้มหวาน เสียงคมชัดของนางทำให้หัวใจของทุกคนอ่อนลงราวกับหยดน้ำ
“ท่านอ๋องน้อยงดงามจริงๆ เหมือน… ซูจิ่นซี เจ้าดูสิ ตา คิ้ว และจมูกของเขาเหมือนซูจิ่นซีมากทีเดียว”
อาอินแย้มยิ้มตอบ “ใช่ ตอนที่คลอดออกมา ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น ใบหน้าถอดแบบออกมาจากพระชายาโยวอ๋องเลย”
เยวี่ยไหวชิ่งยังพูดเสริมว่า “ท่านอ๋องน้อยใบหน้าเหมือนพระมารดา ไม่รู้ว่าเมื่อโตขึ้นจะงดงามมากเพียงใด ข้าเกรงว่าจะเป็นเด็กหนุ่มรูปงามมากทีเดียว”
“ทว่า ระหว่างคิ้ว ปาก ใบหน้าอิ่มเอิบ กลับเหมือนโยวอ๋องมากกว่า” ถังเสวี่ยพูดพลางตะโกนใส่ด้านหลังเยี่ยโยวเหยา “โยวอ๋อง ท่านรีบลงมาดูท่านอ๋องน้อยสิ!”