สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1106 หนังสือท้ารบของแคว้นเป่ยอี้
จงซีจือร่ำไห้สะอึกสะอื้น “นางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ข้าจะไม่รู้สึกเสียใจได้อย่างไร? ข้า… ข้าอยากจะตายไปพร้อมกับนางด้วยซ้ำ! ” นางกุมหน้าอกร้องไห้แทบขาดใจ “ทว่า… ทว่าข้าไม่สามารถให้ท่านและคนอื่นๆ เสียสละตนเองไปมากกว่านี้แล้ว! และทนไม่ไหว… ทนไม่ไหวที่ต้องเห็นนางถูกพวกเราปฏิบัติอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่คิดถึงชีวิตตนเองเช่นนี้”
ลมหายใจของซูจิ่นซีแผ่วเบา ในเวลาสั้นๆ เพียงเจ็ดวัน นางไม่ได้ดื่มน้ำหรือทานอาหารเลย ทั้งนางยังอ่อนล้าและซูบผอมลงไปมาก
ทุกครั้งที่จงซีจือเห็นซูจิ่นซี นางรู้สึกเจ็บปวดใจมากจนอยากจะตายแทนซูจิ่นซี
ทว่าแม้จะตายแทน ซูจิ่นซีก็ไม่ดีขึ้น!
หากในโลกนี้ยังมีวิธีรักษา ต่อให้ต้องขึ้นภูเขามีด ลงอ่างน้ำมัน ต่อให้ต้องข้ามน้ำข้ามภูเขา ต่อให้ชาติหน้า ชาติหน้าหน้า และกลับชาติมาเกิดในอนาคต ต่อให้นางต้องทนทุกข์ทรมาน นางยินดีที่จะไปค้นหา ขอเพียงทำให้ซูจิ่นซีอาการดีขึ้นก็พอ
ทว่าไม่มี!
ไม่มีความหวังเลยสักนิด!
นางเป็นมารดา มารดาของซูจิ่นซี จะทนดูนางตายได้อย่างไร?
“ขอเพียงหญิงชราอย่างข้ายังมีลมหายใจ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าคนใดยอมแพ้ ไม่อนุญาต! ” ฮูหยินเฒ่าจงหยิบไม้เท้าที่อยู่ด้านข้างกระแทกพื้นสองครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องประชุม
จงรุ่ยอันออกไปพร้อมกับฮูหยินเฒ่าจง ด้วยเกรงว่านางจะโกรธจัดจนทำให้หัวใจของนางเต้นเร็วและอาจเป็นอันใดไปได้
จงเทียนอี้ประคองจงซีจือไปห้องด้านหลัง
หมอเทวดา เทพโอสถ ยังคงให้เหล่าลูกศิษย์ค้นหาในตำราแพทย์ต่อไป
ซูอวี้ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุม
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน เขายืนอยู่บนบันไดสูงนอกห้องประชุม แสงจันทร์สาดส่องลงมาเหมือนสายน้ำ ส่องลงบนพื้นกระทบร่างของเขาอย่างเงียบงันและสงบนิ่ง
เขาเงยหน้าขึ้น หลับตา และค่อยๆ กำถุงกำยานหอมในมือแน่น
ถุงหอมในมือไม่ได้มีการเย็บปักแบบพิเศษอันใด ซูอวี้ซื้อมาจากตามท้องถนนในเมืองหลวงแคว้นจงหนิง เป็นการปักจากครอบครัวคนทั่วไป
สิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในไม่ใช่เครื่องหอม แต่เป็นผลซานจาตากแห้งเสียบไม้สามผลซึ่งเคยเป็นขนมถังหูลู่
ใช่ ผลซานจา
การอำลาที่วิหารเทพซีหวังหมู่บนเขาคุนหลุนเป็นการจากลาตลอดกาล หลานเยวี่ยหลีไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เลย ยกเว้นผลซานจาสามผลนี้ที่เขาพบในตำหนักจวนอี้อ๋อง สถานที่ที่นางเคยอาศัยอยู่
ผลซานจาสามผลที่เขาเคยซื้อให้นาง
“แม่นางเยวี่ยหลี… ”
ซูอวี้พูดแผ่วเบา ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนและสุภาพ ทว่าน้ำเสียงกลับสั่นเทาเล็กน้อย หางตาสั่นระริกเหมือนกำลังควบคุมความรู้สึกเจ็บปวดใจบางอย่าง
“หากเจ้าอยู่ที่ภูเขาคุนหลุนศักดิ์สิทธิ์จริง จงคุ้มครองพระชายา… ไม่ พี่ซูจิ่นซีให้พลิกจากร้ายกลายเป็นดี ฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด… สุขภาพแข็งแรงตลอดไป”
ภายในวังซีหัว ซูจิ่นซีกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยลมหายใจแผ่วเบา ครู่หนึ่งก็หายใจเข้า ครู่หนึ่งก็หายใจออก การหายใจแต่ละครั้งทำให้หัวใจของนางกำนัลที่อยู่ด้านข้างเป็นกังวล เกรงว่านางจะหายใจออกและหยุดหายใจไปเลย
เยี่ยโยวเหยาอยู่กับซูจิ่นซีไม่ยอมห่างไปไหน ทว่ายังมีเรื่องมากมายรอให้เขาจัดการ ในตอนนี้เพิ่งกลับมาจากคุยการกับไท่ซ่างหวง มู่หรงอวิ๋นไห่แคว้นหนานหลี
ภายใต้การนำทัพของเป่ยถังเย่แคว้นเป่ยอี้ เขาได้เข้ายึดแคว้นตงเฉินแล้ว ตอนนี้ธงรบของแคว้นเป่ยอี้ได้โบกสะบัดอยู่ที่ชายแดนแคว้นหนานหลี ทั้งเขายังได้เขียนหนังสือท้ารบกับแคว้นหนานหลีอย่างเปิดเผย
ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วยาม หนังสือท้ารบได้ส่งมาถึงมือมู่หรงอวิ๋นไห่
เยี่ยโยวเหยาเดินมาที่เตียงของซูจิ่นซี นางกำนัลที่อยู่ข้างเตียงทำความเคารพเขาและถอยออกไป
เขานั่งลงข้างเตียงซูจิ่นซี จับมือที่เย็นเฉียบของนาง หากเขาไม่มีวรยุทธ์ หากเขาไม่สามารถสัมผัสถึงชีพจรที่อ่อนแอของนาง เขาคงคิดว่ามือที่เย็นชานี้เป็นของคนตาย
“จิ่นซี… ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทอดยาว “ข้า… ข้าแทบจะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว ในชีวิตนี้ ข้าไม่เคยหวาดกลัวสิ่งใด ทว่าไม่มีเจ้า ชีวิตของข้าจะมีความหมายอันใด ที่ข้าครอบครองใต้หล้าจะมีประโยชน์อันใดอีก? ”
“จิ่นซี… ”
คำตอบที่มอบให้เขาคือความเงียบสงัดภายในห้อง
เขาค่อยๆ ก้มหน้าลง วางศีรษะบนแขนของซูจิ่นซีและหลับตา
บางครั้งแผ่นหลังก็สั่นเทาเล็กน้อย
ในตอนนี้ เขายังจดจำการสนทนากับมู่หรงอวิ๋นไห่หลังจากเห็นหนังสือท้ารบของแคว้นเป่ยอี้ในตำหนักฉินเจิ้งได้
มู่หรงอวิ๋นไห่พูดว่า “โยวอ๋อง แม้แผ่นดินแคว้นหนานหลีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่าน ทว่าจิ่นซียังมีสายเลือดของเชื้อพระวงศ์และสกุลจง ตอนนี้แคว้นหนานหลีไร้ซึ่งแม่ทัพที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้ต้องพึ่งพาท่านอ๋องแล้ว”
มู่หรงอวิ๋นไห่พูดพลางยื่นตราราชลัญจกรมาเบื้องหน้าเขา
เขาไม่รับและนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะถามไปว่า “ไม่มีข่าวจากมู่หรงฉีเลยหรือ? ”
มู่หรงอวิ๋นไห่ส่ายศีรษะ “บุตรของข้า ทุกอย่างเพียบพร้อม ทว่าเขาไม่สามารถผ่านด่านความสัมพันธ์นี้ไปได้ ครั้งนี้… ข้าเกรงว่าเขาจะไม่กลับมาแล้ว”
อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยารู้ดีว่ามู่หรงฉีไม่ใช่คนเช่นนั้นเด็ดขาด เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทิ้งประชาชนแคว้นหนานหลีเพื่อเห็นแก่เรื่องส่วนตัวของตน มันไม่ใช่ตัวตนของเขาและไม่ใช่อุปนิสัยของเขา
เมื่อต้นเดือน เยี่ยโยวเหยาได้แยกกับเขาที่ชายแดนระหว่างแคว้นจงหนิงกับแคว้นหนานหลี มู่หรงฉีไปตามหาตงหลิงหวงที่แคว้นตงเฉิน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวใดๆ เขาต้องประสบอันตรายแน่นอน
เยี่ยโยวเหยาได้ส่งคนไปตามหาแล้ว
เขาถอยหลังหนึ่งก้าวและพูดว่า “ไท่ซ่างหวงไม่ต้องกังวล ข้าได้ส่งคนไปตามหาแล้ว เมื่อได้ข่าวข้าจะแจ้งให้ท่านทราบทันที ส่วนราชลัญจกรนี้… ท่านเก็บไว้เถิด! ”
ม่านตาของมู่หรงอวิ๋นไห่พลันหดลง “โยวอ๋อง ความหมายของท่านคือ ต้องการยืนดูอยู่เฉยๆ หรือ? ”
“หากจิ่นซีตื่นในตอนนี้ นางคงไม่ปล่อยให้ข้ายืนเฉยแน่”
มู่หรงอวิ๋นไห่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็วางใจได้”
เขาพูดพลางยื่นราชลัญจกรมาเบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง
“หากโยวอ๋องตัดสินใจช่วยแคว้นหนานหลีโจมตีแคว้นเป่ยอี้ในครั้งนี้ แสดงว่าท่านมีบุญคุณกับแคว้นหนานหลีและสกุลมู่หรงของข้า โยวอ๋องสมควรรับตราราชลัญจกรนี้”
หากมู่หรงอวิ๋นไห่ยื่นตราราชลัญจกรนี้ให้เขาเมื่อหลายปีก่อน เขาจะยอมรับมันโดยไม่ลังเล รวมถึง… อาจจะโจมตีแคว้นหนานหลีทั้งหมด
เพราะในตอนนั้นแคว้นหนานหลียังเป็นส่วนหนึ่งในแผนรวบรวมใต้หล้าของเขา อีกทั้งสกุลมู่หรงและสกุลฝูแห่งจักรวรรดิต้าฉินของเขาเคยมีความแค้นฝังลึกต่อกัน
ทว่าในตอนนี้… ชีวิตและความตายของซูจิ่นซีไม่แน่นอน หากเขารับตราราชลัญจกรนี้จริง เท่ากับว่าเขาฉวยโอกาสจากความเดือดร้อนของผู้อื่น
เขาไม่ต้องการทำเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องการใช้วิธีนี้รังแกซูจิ่นซีและครอบครัวของนาง
“ไท่ซ่างหวงกระทำเช่นนี้ หรือว่าท่านลืมความบาดหมางฝังลึกระหว่างสกุลมู่หรงและสกุลเสวียนหยวนที่มีต่อจักรวรรดิต้าฉินของข้าแล้ว? ”
มู่หรงอวิ๋นไห่ตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาเดินโซเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ทว่าข้าไม่ได้แก้แค้นในเวลานี้” พูดจบก็หันหลังเดินออกไป และพูดเสียงดังว่า “แม้แคว้นหนานหลีจะเป็นดินแดนของสกุลมู่หรง ทว่าเป็นสิ่งที่พระชายาผู้เป็นที่รักของข้าต้องการปกป้อง ข้าก็จะปกป้องแทนนาง หลังจากนี้สามวัน ข้าจะเคลื่อนทัพเข้าประชิดชายแดนแคว้นเป่ยอี้ รอจนจิ่นซีฟื้นขึ้นแล้ว ข้าจะไปประจันหน้ากับกองทัพแคว้นเป่ยอี้ด้วยตนเอง”