สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 37 ตอนที่ 1110 สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่
ซูอวี้ขมวดคิ้วและไม่ได้ตอบกลับในทันที
มู่หรงอวิ๋นไห่ค่อยๆ เดินลงมาจากบนบัลลังก์มาอยู่ตรงหน้าซูอวี้ “จิ่นซีเป็นบุตรสาวของเรา หากเป็นไปได้เราก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้อาการบาดเจ็บของนางหนักขึ้นไปอีก ทว่าตอนนี้กองทัพแคว้นเป่ยอี้ประชิดชายแดนแล้ว สงครามของทั้งสองแคว้นอยู่ตรงหน้าแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร! ”
“ไท่ซ่างหวงทรงทราบหรือไม่ว่าการต่อสู้กับแคว้นเป่ยอี้หลีกเลี่ยงไม่ได้? ”
“เรารู้ดี ทว่าเมื่อเปลวเพลิงสงครามลุกโชนขึ้น ผู้ที่ประสบทุกข์ยากคือพสกนิกร ตอนนี้คงถ่วงเวลาได้เพียงชั่วครู่”
ซูอวี้ยังคงนิ่งเงียบ
มู่หรงอวิ๋นไห่กล่าวอีกครั้งว่า “หลายวันมานี้ ประกาศจากทางราชสำนักได้แจ้งไปทั่วทุกหนแห่งเพื่อตามหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาจิ่นซี แคว้นเป่ยอี้มีสายสืบข่าวสารที่แม่นยำ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สถานการณ์ของซูจิ่นซี เป่ยถังเย่เก่งกาจด้านกลยุทธ์การศึก มีความทะเยอทะยานจะครองใต้หล้า ทว่าการชุมนุมซิ่งหลินครั้งล่าสุดที่เขามาแคว้นหนานหลี เรามองออกว่าเขามีความเห็นอกเห็นใจต่อจิ่นซีอยู่บ้าง นอกจากนี้ จิ่นซีเคยช่วยชีวิตเขา เชื่อว่าเขาคงไม่ลงมือกับซูจิ่นซีในเวลานี้แน่”
เพราะฉะนั้น มู่หรงอวิ๋นไห่จึงเชื่อว่า หากซูจิ่นซีเดินทางไปชายแดนแคว้นเป่ยอี้ครั้งนี้ นางจะปลอดภัย?
ไม่ใช่ว่าซูอวี้ไม่คิดเรื่องนี้ ทว่าเขาไม่กล้าเสี่ยงกับชีวิตของซูจิ่นซี
“ใต้เท้าซู พวกท่านตรวจอาการมาหลายวันถึงเพียงนี้ กลับยังไม่มีวิธีรักษาอันใด ให้จิ่นซีอยู่แคว้นหนานหลี พวกท่านก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วใช่หรือไม่? ”
ไม่แน่ว่าไปชายแดนแคว้นเป่ยอี้และพบเป่ยถังเย่ สถานการณ์อาจมีอันใดพลิกผันก็เป็นได้?
ซูอวี้ไม่กล้าคิดและไม่กล้าตัดสินใจ
เขาหันหน้าไปมองแสงอาทิตย์ที่สาดแสงเจิดจ้า เสียงนกร้อง กลิ่นดอกไม้บานด้านนอกหน้าต่าง
แคว้นเป่ยอี้…
เป่ยถังเย่มีวิธีช่วยพี่จิ่นซีจริงๆ หรือ?
แม่นางเยวี่ยหลี ท่านได้ยินคำอธิษฐานของข้าน้อยใช่หรือไม่?
มู่หรงอวิ๋นไห่ไม่ได้เร่งรัดซูอวี้ หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ซูอวี้ก็ถอนสายตากลับมา “ตกลง กระหม่อมจะไปจัดการพาพระชายาไปชายแดนแคว้นเป่ยอี้ จากนั้นให้คนไปที่เขตแดนดวงดาราเพื่อรอท่านอ๋อง เมื่อท่านอ๋องออกมาจากโลกสามเขตแดน ก็บอกท่านอ๋องให้ตรงไปพบกับพวกเราที่ชายแดนแคว้นเป่ยอี้”
มู่หรงอวิ๋นไห่พอใจมาก “ดีมาก! ให้จงรุ่ยอันไปกับพวกเจ้าด้วย ผู้นำสำนักแพทย์เทียนอีก็ไปกับพวกเจ้าด้วย! ”
หลังออกมาจากตำหนักจ้งหวา ซูอวี้ก็ไปจัดการเตรียมพร้อมทุกอย่าง
ก่อนที่เยี่ยโยวเหยาจะไปโลกสามเขตแดน เขาได้สั่งให้ฉินเทียนรับผิดชอบเรื่ององครักษ์วิหารวิญญาณที่อยู่ในแคว้นหนานหลี
ซูอวี้ไปหาฉินเทียนเป็นอันดับแรก โดยเล่าเหตุการณ์ในตำหนักจ้งหวาให้เขาฟัง ให้เขาส่งยอดฝีมือไปรอเยี่ยโยวเหยาบริเวณเขตแดนดวงดารา
มู่หรงอวิ๋นไห่จัดขบวนทหารแคว้นหนานหลีที่ดีที่สุดและเก่งกาจที่สุดเพื่อคุ้มกันซูจิ่นซีไปทางเหนือ อย่างไรเสีย มีกำลังพลมากขึ้นก็สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง ซูอวี้จึงไม่ได้ปฏิเสธ
ฉินเทียนพาองครักษ์วิหารวิญญาณที่เหลือบางส่วนมุ่งหน้าไปทางเหนือพร้อมซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ในขณะเดียวกันก็พาอู๋จุนไปด้วย
รถม้าไม่ได้หยุดพักระหว่างทาง ในที่สุดก็เดินทางมาถึงชายแดนทางเหนือในวันที่ห้า
ทว่าสถานการณ์ของซูจิ่นซีกลับแย่ลงเรื่อยๆ ในเวลานี้ผ่านไปห้าวันแล้วที่อู๋จุนมอบหัวใจเทพโอสถให้ซูจิ่นซี
เวลากลางคืน รถม้ามาถึงสถานที่ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนแคว้นเป่ยอี้สิบลี้ กองทัพได้ตั้งค่ายอยู่ที่นั่นเพื่อรอเยี่ยโยวเหยา และในเวลาเดียวกัน ฉินเทียนได้รับรายงานด่วนจากองครักษ์เงาวิหารวิญญาณว่าเยี่ยโยวเหยาได้ออกมาจากโลกสามเขตแดนแล้ว เขานำหัวใจสัตว์เทพโซ่วเหลียนมาได้ และกำลังมุ่งหน้ามาชายแดนแคว้นเป่ยอี้
ไม่รู้ว่าระหว่างทางสูญเสียม้าไปเท่าไร หลังพลบค่ำของวันที่สอง ในที่สุดเยี่ยโยวเหยากับถังเสวี่ย และกลุ่มองครักษ์วิหารวิญญาณก็เดินทางมาถึงชายแดน และได้พบกับซูอวี้และคนอื่นๆ
ท้องฟ้ามืด แสงอัสดงเบาบางลง
เสียงควบเท้าม้าดังมาแต่ไกล ฝุ่นฟุ้งกระจาย เขาสวมชุดสีดำขลับนั่งอยู่บนหลังม้า ห้อตะบึงจากระยะไกลเข้ามาใกล้ด้วยความเร็ว เหมือนตอนที่ไล่ตามซูจิ่นซีมาถึงเมืองเย่หลิน
แม้ซูอวี้จะไม่เห็นสถานการณ์วันนั้นด้วยตนเอง ทว่าได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้มาบ้าง
เมื่อเห็นสถานการณ์เบื้องหน้าจึงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
พริบตาเดียว เยี่ยโยวเหยาและคนอื่นๆ ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว
“ท่านอ๋อง! ” ฉินเทียนและคนอื่นๆ รีบเข้าไปจูงม้า
เยี่ยโยวเหยากระโดดลงมาจากม้าและส่งห่อผ้าให้ซูอวี้
มันหนักและยังอุ่นๆ ชั่งจากน้ำหนักมือก็รู้ว่าข้างในห่อผ้าคือหัวใจของสัตว์เทพโซ่วเหลียน
“จิ่นซีอยู่ที่ใด? ” เยี่ยโยวเหยาเอ่ยถาม
“อยู่ในกระโจมพ่ะย่ะค่ะ” ซูอวี้ตอบ
เยี่ยโยวเหยาไม่พูดให้มากความ เขาเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในกระโจมที่ซูจิ่นซีอยู่ หมอเทวดาและเทพโอสถแห่งสำนักแพทย์อีก็ตามเข้าไปเช่นกัน
ชุดสีเหลืองของถังเสวี่ยชุ่มไปด้วยเลือด ทั้งร่างแทบจะกลายเป็นมนุษย์เลือด กระทั่งตอนที่ถูกคนช่วยพยุงลงจากม้า แข้งขาก็อ่อนแรงเล็กน้อย
นางไม่ได้ถามเกี่ยวกับอู๋จุนทันทีว่าเป็นอย่างไร ทว่าถามถึงซูจิ่นซีแทน
“ผู้นำซู ซูจิ่นซีเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูอวี้ขมวดคิ้ว พลางส่ายศีรษะเล็กน้อย
ท่าทางของถังเสวี่ยไม่ค่อยดีนัก นางพึมพำอยู่ครู่หนึ่งด้วยความลำบาก แล้วเงยศีรษะขึ้นด้วยใบหน้าจริงใจ
“ผู้นำซู พวกท่าน… พวกท่านต้องช่วยนางให้ได้”
ซูอวี้ค่อนข้างแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่นางใส่ใจที่สุดควรเป็นอู๋จุน เห็นได้ชัดว่าตัวนางเองได้รับบาดเจ็บ แล้วเหตุใดซูจิ่นซีกลับเป็นสิ่งแรกที่นางเป็นกังวลเล่า?
ทว่าผู้ใดจะรู้ หากไม่มีซูจิ่นซี แม้อู๋จุนจะหายดี ทว่าเขาจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร?
โลกที่ไม่มีซูจิ่นซี โลกใบนี้สำหรับอู๋จุนแล้วคงเหมือนดั่งนรกกระมัง?
ถังเสวี่ยเหลือบมองไปยังกระโจมอีกหลังที่อยู่ไม่ไกลจากกระโจมของซูจิ่นซี ด้านในจุดเทียนไว้เรียบร้อยแล้ว มีองครักษ์หลายนายเฝ้าอยู่ที่ประตู จงเทียนโย่วเพิ่งออกมาจากกระโจมพอดี
อู๋จุนคงอยู่ข้างในกระมัง?
ทว่าถังเสวี่ยไม่ได้ถามเพื่อยืนยันกับซูอวี้ และไม่ได้ไปที่กระโจมนั้น ทว่านางหันหลังเดินไปยังทิศทางตรงกันข้าม
“แม่นางถังเสวี่ย ท่านจะไปที่ใด? ” ซูอวี้เอ่ยถาม
“ข้าเหนื่อยเล็กน้อย อยากหาที่พักผ่อน มีกระโจมว่างหรือไม่? ”
“กระโจมของแม่นางถังเสวี่ย ข้าน้อยให้คนเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“เช่นนั้นพาข้าไปเถิด! ”
“ตกลง! ”
บ่าวรับใช้รับคำสั่งจากซูอวี้และกำลังพาถังเสวี่ยไปที่กระโจม ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ขาของถังเสวี่ยก็อ่อนแรง จู่ๆ นางก็ล้มลงและหมดสติไป
“แม่นางถังเสวี่ย! ” ซูอวี้รีบส่งถุงผ้าในมือไปให้จงเทียนโย่วที่เดินมาอยู่ข้างกายเขา และเดินเข้าไปตรวจอาการถังเสวี่ย
ซูอวี้ขมวดคิ้วหนัก
“เป็นอย่างไรบ้าง? ” จงเทียนโย่วเอ่ยถาม
“นางถูกพิษ! ”
“ถูกพิษ? ถูกพิษของโลกสามเขตแดนหรือ? ”
ซูอวี้พยักหน้า
ไม่เพียงแต่ถูกพิษที่โลกสามเขตแดน ทว่ายังถูกพิษจากแม่น้ำฉางซือซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทะเลอู๋ว่างอีกด้วย
“มีทางแก้หรือไม่? ”
ซูอวี้ขมวดคิ้วหนักและไม่ได้ตอบในทันที ทว่าให้คนอุ้มถังเสวี่ยเข้าไปในกระโจม
ฉินเทียนกล่าวว่า “นี่มันปีซวยอันใดกัน เหตุใดคนสองคนถึงได้เกิดเรื่อง? คนหนึ่งอาการป่วยยังไม่ทันหายดี ส่วนอีกคนก็เกิดปัญหาขึ้นอีก”
ซูอวี้ฝังเข็มให้ถังเสวี่ยและป้อนยาสมุนไพร ทว่าในความเป็นจริงไม่ได้ช่วยอันใดแม้แต่น้อย
ส่วนเป็นพิษชนิดใดนั้น ในเวลาชั่วขณะหนึ่งเขายังมองไม่ออก ต้องหาโอกาสคุยกับเยี่ยโยวเหยาถึงรายละเอียดสถานการณ์ที่พวกเขาไปในโลกสามเขตแดนก่อนถึงจะแน่ใจ
ซูอวี้ให้จงเทียนโย่วเฝ้าอยู่ในกระโจมของถังเสวี่ย และจัดเตรียมบ่าวรับใช้สองคนอย่างระมัดระวัง ส่วนตนเองไปที่กระโจมของเยี่ยโยวเหยา
ตอนนี้ได้หัวใจของสัตว์เทพโซ่วเหลียนมาแล้วจึงไม่อาจล่าช้าได้อีก ต้องรักษาอู๋จุนโดยเร็วที่สุด