สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 38 ตอนที่ 1112 เจรจาสงบศึกที่เมืองเฟิง
นอกประตูเมืองทางทิศเหนือ สตรีสิบสองคนกำลังยืนเรียงแถวอยู่บริเวณพื้นที่โล่ง พวกนางขับขานเสียงเพลงอย่างพร้อมเพรียงกัน สวมผ้าไหมพลิ้วไหวงดงาม ใบหน้าแต่ละคนงดงามราวกับนางฟ้าบนสรวงสวรรค์
ฝูงชนแออัดเบียดเสียด เยี่ยโยวเหยาเดินพลังภายในเหาะผ่านฝูงชนลงบนประตูเมืองอย่างมั่นคง
เสียงกลองผสานเสียงขลุ่ย กลีบดอกไม้โปรยปราย
เป่ยถังเย่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าไหมสีขาวดอกโบตั๋นสูงศักดิ์ มือข้างหนึ่งถือพัด ใบหน้าสง่างาม ท่วงท่าพราวเสน่ห์ นั่งอยู่ด้านหน้าหญิงงามทั้งสิบสองคนที่เล่นดนตรีอยู่ข้างหลัง ด้านหลังนางรำเป็นทหารแคว้นเป่ยอี้สามพันนาย
แม้เสื้อสีขาวหิมะของเขาจะดูแตกต่างจากทหารสามพันนายที่เต็มไปด้วยท่าทีขึงขังดุดัน ทว่าไม่ทำให้รู้สึกถึงความแปลกแยกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จิ้นหนานเฟิงเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาคิดในใจว่า ‘สร้างภาพโอ้อวด เสแสร้งปั้นแต่ง เจ้านี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มาที่นี่เพื่อเจรจาสร้างพันธมิตรหรือว่าพาสาวงามมาเที่ยวเล่นไปทั่วกันแน่?’
“โยวอ๋อง ไม่เจอกันเสียนาน! ” เป่ยถังเย่พูดพลางโบกพัดไปมา
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอันใด
เป่ยถังเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “โยวอ๋อง ท่านยืนอยู่บนกำแพงเมืองสูงตระหง่านเช่นนี้เพื่ออันใด? หรือว่ากลัวนางรำสิบสองคนของข้าทำร้ายท่าน? ไม่สิ โยวอ๋องคงจะกลัวทหารสามพันนายที่อยู่ข้างหลังข้า” เขาพูดพลางแสดงสีหน้าภูมิใจในตนเอง “แม้จะมีเพียงสามพันนาย ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับโยวอ๋องกระมัง? ทว่าทหารสามพันนายของข้าไม่ใช่คนธรรมดา ทุกคนได้รับการฝึกฝนอย่างหนักและเข้มงวด หากโยวอ๋องจะหวาดกลัว… ก็คงเป็นไปได้”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดนั้น ลมเย็นก็พัดมาจากด้านหลังของเยี่ยโยวเหยา องครักษ์เงาและองครักษ์คุ้มกันกลุ่มหนึ่งออกมาจากที่หลบซ่อนในกำแพงเมือง แม้จะมีจำนวนองครักษ์น้อยกว่าทหารสามพันนายของเป่ยถังเย่ ทว่าทุกคนสวมชุดสีดำ สีหน้าเย็นชาดุดัน ไอสังหารคุกรุ่น ดั่งปีศาจร้ายที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก
แม้เขาจะคาดไว้แล้วว่าเยี่ยโยวเหยาต้องพาองครักษ์วิหารวิญญาณมาด้วยแน่ ทว่าเป่ยถังเย่เห็นกับตาแล้วก็ยังตกตะลึงเล็กน้อย
เขารีบโบกพัดกลบเกลื่อนท่าทางตกใจนี้ “โยวอ๋อง พาองครักษ์มามากมายเช่นนี้เชียวหรือ? คนตั้งมากมาย ถ้าเกิดมีการต่อสู้ขึ้นมา ทหารแคว้นเป่ยอี้ของข้าอาจล่วงเกินได้! หากเรื่องนี้ลือกันออกไป ผู้อื่นอาจพูดได้ว่า ข้า เป่ยถังเย่รังแกเยี่ยโยวเหยา! ”
คนผู้นี้ ช่าง… บ้าไปแล้วจริงๆ !
จิ้นหนานเฟิงและองครักษ์ต่างกำอาวุธในมือแน่น แรงกระตุ้นรอบตัวเย็นชาสุดขั้ว
เยี่ยโยวเหยาไพล่สองมือไว้ด้านหลังและกระโดดลงจากกำแพงเมือง
“รังแกหรือไม่นั้น รบกันเดี๋ยวก็รู้! ”
องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังเยี่ยโยวเหยากระโดดลงมาจากบนกำแพงเมืองเช่นกัน เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทหารสามพันนายของแคว้นเป่ยอี้ก็จับอาวุธกันอย่างพร้อมเพรียง เตรียมพร้อมเข้าสู้รบ
ทว่าเป่ยถังเย่กลับยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ทหารเก็บอาวุธ
“วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อต่อสู้”
ไม่ใช่เพื่อต่อสู้จริงๆ ทว่ามาเพื่อเจรจา
“ในเมื่อได้พบกันแล้ว ข้าก็คงไม่พูดอ้อมค้อมอันใดอีก” เป่ยถังเย่พูดเสียงดัง “เยี่ยโยวเหยา ข้าต้องการให้ท่านถอยร่นกองทัพกลับไปสามพันลี้ และยกสิบเมืองให้กับแคว้นเป่ยอี้ จากนี้ไป ท่านกับข้าหยุดทำศึกยี่สิบปี ต่างคนต่างอยู่อย่างสันติ หลังจากยี่สิบปีจะเป็นเช่นไร ค่อยหารือกันอีกครั้ง”
ถอยร่นกองทัพสามพันลี้และยกสิบเมืองให้อีกด้วย?
คนผู้นี้บ้าไปแล้ว!
ไม่ต้องพูดถึงเยี่ยโยวเหยาที่ทนไม่ได้ จิ้นหนานเฟิงฟังแล้วก็ทนไม่ได้เช่นกัน
“ช่างอวดดีเกินไปแล้ว เป่ยถังเย่ กองทัพแคว้นจงหนิงของข้า นำทัพโดยแม่ทัพใหญ่หลาน ตอนนี้เข้าประชิดชายแดนแคว้นเป่ยอี้แล้ว เจ้ากล่าวเช่นนี้ ไม่กลัวลิ้นจะขาดหรืออย่างไร? ”
เป่ยถังเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางโบกพัดไปมาแผ่วเบา
“โยวอ๋องอยู่ในภาวะสิ้นหวังเช่นนี้เชียวหรือ? ไม่มีแม้แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นสักคนออกมาเสนอตัว ถึงต้องให้ผู้บัญชาการองครักษ์กล่าวคำพูดเช่นนี้? ”
จิ้นหนานเฟิงแสดงสีหน้าหม่นหมองเมื่อรู้ว่าเขาทำให้ท่านอ๋องต้องเสียเกียรติ จากนั้นจึงก้มหน้าเดินกลับไปยืนด้านหลังเยี่ยโยวเหยา ไม่กล้าพูดอันใดแม้แต่คำเดียว
อย่างไรก็ตาม อำนาจของเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ลดลงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ในทางกลับกัน เขายังมีท่าทางเคร่งขรึมกดดัน และไม่มีท่าทียอมแพ้แต่อย่างใด
เยี่ยโยวเหยาเลิกคิ้วขึ้น พลางพูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าอ๋องแห่งแคว้นเป่ยอี้ เจ้าอาศัยความสามารถเช่นไรถึงได้ร้องขอเงื่อนไขเช่นนี้? และถือดีอย่างไรว่าข้าจะยอมเจ้า? ”
เป่ยถังเย่พูดอย่างเพลิดเพลินกับเสียงเพลง “ก็เพราะ… โยวอ๋อง ท่านต้องการช่วยชีวิตซูจิ่นซีมิใช่หรือ?! ”
ชีวิตของซูจิ่นซี?
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาที่สงบนิ่งราวกับน้ำลึกพลันเกิดคลื่นกระเพื่อม เขาเงยหน้าขึ้นมองเป่ยถังเย่
เป่ยถังเย่หยิบหนังสือเล่มเล็กจากแขนเสื้อคลุมสีขาวหิมะ และยื่นให้แม่ทัพที่อยู่ด้านข้าง สั่งให้เขายื่นให้เยี่ยโยวเหยา
ไม่นานนักแม่ทัพแคว้นเป่ยอี้ก็ยื่นหนังสือเล่มเล็กมายังเบื้องหน้าของเยี่ยโยวเหยา
ผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาถึงค่อยรับและเปิดออกดู
เขาได้ยินเพียงเสียงของเป่ยถังเย่ที่พูดทอดยาวว่า “สิ่งที่ข้าต้องการคือสิบเมืองในหนังสือเล่มนี้ น้อยกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด… หากจะให้มากกว่า ข้าก็ไม่ปฏิเสธ”
สิบเมืองนี้ ทั้งหมดเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและเจริญรุ่งเรืองที่สุดในแคว้นจงหนิงและแคว้นซีอวิ๋น หากยกสิบเมืองนี้ให้จริงๆ แผนการใหญ่และความยากลำบากที่อดทนรอมากว่าสิบปีของเยี่ยโยวเหยาก็จะสูญเปล่า
จิ้นหนานเฟิงยืนอยู่ข้างหลังเยี่ยโยวเหยา เขาเห็นตัวอักษรในหนังสือนั้น แม้จะทำให้เยี่ยโยวเหยาต้องเสียเกียรติหากผู้บัญชาการองครักษ์เอ่ยปากในสถานการณ์เช่นนี้ ทว่าเขาอดกลั้นไม่ได้จริงๆ
เขากำหมัดแน่น ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ
“ท่านอ๋อง ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ”
แต่ดูเหมือนเยี่ยโยวเหยาจะไม่ได้ยินคำพูดของจิ้นหนานเฟิง เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเปล่งประกายด้วยความหวัง
“เจ้าช่วยชีวิตจิ่นซีได้หรือ? ”
เป่ยถังเย่พูดว่า “โยวอ๋องคิดเช่นไร? หมากตัวนี้แลกกับสิบเมืองได้หรือไม่? ”
ดวงตาแห่งความหวังของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความลึกซึ้งมากขึ้น “เจ้าจะใช้วิธีไหนช่วยชีวิตนาง? ”
ด้วยอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นเป่ยอี้ ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ของเขาคุนหลุน มีแม้กระทั่งวิธีที่จะทำให้คนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หากสามารถช่วยชีวิตของซูจิ่นซีได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอันใด เยี่ยโยวเหยาถามประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เป่ยถังเย่พูดว่า “เรื่องนี้โยวอ๋องไม่ต้องรู้ก็ได้ ในเมื่อข้ากล้าเสนอเงื่อนไขสงบศึกสร้างพันธมิตรครั้งนี้ ข้าก็ย่อมมีวิธีช่วยชีวิตนางได้”
“เจ้าไม่กล่าวออกมาให้เข้าใจ ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร? ”
เดิมที เขาได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะตายไปพร้อมกับซูจิ่นซี แต่บัดนี้ราวกับมีแสงสว่างลอดผ่านมาในสถานที่อันมืดมิดอ้างว้าง ย่อมทำให้เขาตื่นเต้นเป็นธรรมดา อารมณ์ของเขาปั่นป่วน ทว่าเขาต้องยืนยันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของซูจิ่นซี
เป่ยถังเย่รู้ดีว่าคนอย่างเยี่ยโยวเหยาไม่ใช่คนที่หลอกง่าย เขาจึงพูดเน้นเสียงว่า “สายเลือดโดยตรงของสกุลเป่ยถังข้า ในชีวิตหนึ่งมีโอกาสใช้วิชาลึกลับสามครั้ง ข้าสามารถใช้วิชาลึกลับนี้ช่วยชีวิตนางได้ ไม่เพียงเท่านั้น ทว่ายังสามารถเสริมพลังให้กับนางได้อีกด้วย”
วิชาลึกลับ?
เยี่ยโยวเหยาครุ่นคิดครู่หนึ่ง และพูดว่า “ได้ยินมาว่าอ๋องแคว้นเป่ยอี้ใช้วิชาลึกลับไปแล้วสองครั้ง และมีโอกาสเหลือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โอกาสอันล้ำค่าเช่นนี้ เจ้าเต็มใจใช้กับพระชายาของข้าหรือ? ”
ขณะที่พูด เยี่ยโยวเหยากัดฟันเน้นหนักที่คำว่า ‘พระชายาของข้า’ ราวกับเตือนเป่ยถังเย่ว่า ซูจิ่นซีเป็นสตรีของเขา
เป่ยถังเย่หัวเราะเสียงดัง “ทุกคนต่างพูดกันว่าโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง ผู้ที่เย็นชาและน่าสะพรึงกลัว ไม่เคยมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและหวงแหน ทว่าตั้งแต่อภิเษกพระชายา เขาก็กลายเป็นคนมีรักลึกซึ้งและหวงแหนสุดขั้ว เป็นเช่นนั้นจริงๆ”