สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 38 ตอนที่ 1114 กลัวเด็กทารก
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกสูญเสียความมั่นใจและทำอันใดไม่ถูก เขาไม่เพียงไม่ก้าวเท้าไปข้างหน้า ทว่ากลับเดินถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านอ๋องเป็นอันใดหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มดูแข็งทื่อ “ข้า ข้ารู้แล้ว! ”
รู้แล้ว?
หมายความว่าอย่างไร?
เกิดอันใดขึ้นกับเขา?
หรือว่า… เขาไม่ชอบเด็ก?
ซูจิ่นซีนึกในใจว่านางเคยถามเยี่ยโยวเหยาว่าเขาชอบลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิง
หรือว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ลูกผู้ชาย ชอบลูกผู้หญิงมากกว่า?
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
บุรุษในยุคนี้ล้วนชอบลูกผู้ชายมากกว่าลูกผู้หญิงมิใช่หรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กคนนี้คือบุตรคนแรก บุตรชายคนโต และบุตรชายในสายเลือดของเขาคนแรก!
ตามหลักแล้ว เด็กคนนี้จะต้องสืบทอดตำแหน่งต่อไปในอนาคต
ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่นมอี๋ก็แย้มยิ้มและพูดว่า “พระชายา พระองค์คงไม่รู้ ตั้งแต่ท่านอ๋องพบกับท่านอ๋องน้อยก็ชื่นชอบมาตลอด ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ดูเหมือนท่านอ๋องจะกลัวท่านอ๋องน้อย”
(°ー°〃) อันใดนะ?
เยี่ยโยวเหยากลัวบุตรชายของตนเองหรือ?
เกิดอันใดขึ้น?
ซูจิ่นซีมองด้วยสายตาตั้งคำถาม
บางเรื่องเหมือนจะพูดลำบาก แม่นมมีท่าทีลำบากใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อยและพูดกับเยี่ยโยวเหยาว่า “เยี่ยโยวเหยา เข้ามามากอดลูกชาย! ”
เยี่ยโยวเหยาเหมือนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นิ้วของเขาขยับเล็กน้อย แต่กลับไม่ทำอันใดอีก
“ท่านอ๋องทำอันใด? หมายความว่าอย่างไร? ท่านรังเกียจบุตรชายหรือ? ”
“ข้าไม่ได้…! ”
“ท่านอ๋องบอกว่าไม่ใช่ แล้วยืนนิ่งอยู่ทำอันใดอีก? ท่านรู้หรือไม่ เราสองแม่ลูกทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด โดยเฉพาะบุตรชายของท่าน ข้าอุ้มท้องเขา อาหารตกถึงท้องไม่กี่มื้อ ท่านเห็นไหมว่าตอนนี้เขาผอมมากแค่ไหน? ”
ในฐานะมารดา ซูจิ่นซีให้กำเนิดลูกและล้มป่วยหนัก นางไม่เพียงอารมณ์รุนแรง บุคลิกของนางดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย
เมื่อได้ยินซูจิ่นซีพูดว่าอาหารตกถึงท้องไม่กี่มื้อ เยี่ยโยวเหยาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าไปหา
ทว่าแทนที่จะอุ้มเด็กก่อน เขากลับถอดเสื้อนอกออกก่อน
“ท่านกำลังทำอันใด? ท่านถอดเสื้อผ้าเพราะเหตุใด? ” แม้ยังไม่ถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ต่อกับฤดูหนาว ทว่าชายแดนทางเหนือก็ยังมีอากาศหนาวในตอนเช้า
เยี่ยโยวเหยาพูดว่า “บนตัวข้ามีไอเย็น อาจจะทำให้ลูกตกใจได้”
แม้เสื้อคลุมตรงกลางใต้เสื้อคลุมนอกจะเป็นผ้าสีดำ ทว่าปักด้วยลวดลายงดงาม ดูอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย ไม่เหมือนกับเสื้อคลุมด้านนอกที่ทั้งลึกลับและเย็นชา
เยี่ยโยวเหยาอุ้มเด็กไว้ในอ้อมอก เด็กไม่ร้องไห้ ทว่าดึงคอเสื้อเยี่ยโยวเหยาและหัวเราะคิกคัก เหมือนว่าเด็กน้อยชอบเยี่ยโยวเหยามาก การเคลื่อนไหวเวลาที่อุ้มเด็ก เยี่ยโยวเหยาจะระมัดระวังเป็นอย่างมาก บางครั้งก็เหมือนทำอันใดไม่ถูก ทั้งยังระมัดระวังมากกว่าดูแล ‘ตุ๊กตาเครื่องเคลือบ’ อย่างซูจิ่นซีอีกด้วย
ซูจิ่นซีเห็นแล้วก็หัวเราะคิกคิกมีความสุข
“เยี่ยโยวเหยา ที่แท้ท่านกลัวลูกชายจริงๆ! ทว่าท่านอ๋องกลัวเขาเพราะเหตุใด? เขาตัวเล็กนิดเดียวและยังพูดไม่ได้ กัดท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด รอยยิ้มของเยี่ยโยวเหยาพลันค้างตึง
แม่นมอี๋อุทานออกมาว่า “เหตุใดท่านอ๋องน้อยถึงกัดจริงเจ้าคะ!” นางเห็นเยี่ยหลินเชวียกัดหน้าอกเยี่ยโยวเหยาจริงๆ
ทว่าเสื้อหนาอยู่บ้าง ฟันของเด็กก็มีไม่มากนัก ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เยี่ยโยวเหยายังบอกอีกว่า “ไม่มีอันใด!”
ซูจิ่นซีปิดปากอมยิ้มอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยามองทารกในอ้อมแขนด้วยความรักและเอ็นดู จากนั้นจึงหันไปมองซูจิ่นซี แววตาลึกซึ้งและอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขามองรอยยิ้มของซูจิ่นซีโดยไม่สามารถละสายตาไปได้
ท้องทะเลมหาสมุทร คำสาปเผ่าเม้ย โชคชะตาฟ้าลิขิต รอยยิ้มที่อ่อนโยนและสดใสของเจ้า
จิ่นซี โชคดีที่ข้าได้พบเจ้าอีกครั้ง
ทันใดนั้น สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้แปลกประหลาดจริงๆ
ซูจิ่นซียังคงแย้มยิ้ม โดยไม่รู้สึกตัวถึงความผิดปกตินั้น
แม่นมอี๋พูดว่า “ท่านอ๋องน้อยปัสสาวะอีกแล้ว! ”
แม่นมเฝิงพูดอีกว่า “ใช่เพคะ ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่ท่านอ๋องอุ้มท่านอ๋องน้อย ท่านอ๋องน้อยจะฉี่ใส่ท่านอ๋องเสียทุกครั้งเลยเพคะ? บ่าวคิดว่าวันนี้มีพระชายาอยู่ ท่านอ๋องน้อยคงจะไม่ทำเพื่อเห็นแก่พระองค์บ้าง”
o((⊙﹏⊙))o
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูจิ่นซีพลันแข็งทื่อ ทว่านางเห็นท่าทางที่ทำอันใดไม่ถูกของเยี่ยโยวเหยา และยังได้ยินคำพูดของแม่นมเฝิง นางต้องการหัวเราะแต่กลับไม่กล้าหัวเราะ
เยี่ยโยวเหยาเป็นคนที่รักความสะอาดมาก
แม่นมเฝิงอุ้มทารกออกจากอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา เพื่อพาเยี่ยหลินเชวียไปเปลี่ยนผ้าอ้อม
แม่นมอี๋พูดว่า “ท่านอ๋อง บ่าวจะไปหยิบเสื้อชุดใหม่ให้เพคะ ท่านอ๋องจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ตกลง! ”
เยี่ยโยวเหยาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ซูจิ่นซีเห็นท่าทางทนไม่ไหวของเขาจึงหัวเราะอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยาเดินมาที่เตียงซูจิ่นซี ช่วยกระชับผ้าห่มให้นางและพูดว่า “นอนดีๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัด! ”
“ข้านอนนานแล้ว ร่างกายรู้สึกตึงเล็กน้อย อยากออกไปข้างเดินเล่นข้างนอก! ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วไม่พอใจ เยี่ยโยวเหยาพูดว่า “ตอนบ่ายข้าจะพาเจ้าออกไปเดินเล่น”
“เพคะ! ”
ซูจิ่นซีพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา! ”
“หืม? ”
“บุตรชายฉี่ใส่ท่านไปกี่ครั้งแล้ว? ”
“…”
กี่ครั้งแล้ว เขาไม่เคยนับเลย หลายวันมานี้เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของซูจิ่นซี ทั้งยังไปจัดการเรื่องราวอีกมากมาย เวลาส่วนใหญ่แม่นมเฝิงและแม่นมอี๋จะเป็นคนดูแลท่านอ๋องน้อย เขาเองอุ้มไปไม่กี่ครั้งเท่านั้น
เยี่ยโยวเหยานั่งลงข้างเตียงซูจิ่นซี ค่อยๆ เข้าไปโอบกอดนาง
ซูจิ่นซีซบไหล่เยี่ยโยวเหยา มือของเขากระชับเสื้อของนาง
“จิ่นซี… ”
“เพคะ”
“ข้าขอโทษเจ้าที่ดูแลเจ้ากับลูกของเราไม่ดีพอ! ”
ซูจิ่นซีได้ยินน้ำเสียงหวาดกลัวของเยี่ยโยวเหยา
“ไม่มีอันใดต้องขอโทษ เยี่ยโยวเหยา ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องพูดคำพวกนี้”
“ทว่าหากไม่ใช่เพราะข้าประมาทเลินเล่อเสียเอง เจ้าก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ น้ำเสียงสดใสของนางดังอยู่ภายในกระโจม
“หากความลำบากเพียงเท่านี้ยังอดทนไม่ได้ เยี่ยโยวเหยา ท่านว่าข้าจะสามารถยืนหยัดเคียงข้างท่านได้อย่างไร? จะคู่ควรกับคำว่า ‘พระชายาโยวอ๋อง’ ได้อย่างไร? และจะคู่ควรกับความรักของท่านที่มอบให้ข้าหรือ? ”
ตกบ่ายพลันมีเมฆดำเข้าปกคลุม ท้องฟ้าเริ่มมีฝนพรำ เยี่ยโยวเหยายิ่งไม่ปล่อยให้ซูจิ่นซีออกไปเดินเล่นแน่นอน จากนั้นฝนก็ตกกระหน่ำหนักขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากกองทัพแคว้นเป่ยอี้เข้ายึดแคว้นตงเฉินได้แล้ว พวกเขาได้ก่อตั้งศาลาว่าการในแคว้นตงเฉิน และตั้งค่ายชั่วคราวที่ศาลาว่าการ เอกสารและข้อมูลทุกอย่างถูกส่งมาที่นี่ เป่ยถังเย่จัดการด้านการทหารและทางราชสำนักของแคว้นเป่ยอี้จากที่นี่
หลังออกจากเมืองเฟิง เป่ยถังเย่ก็รีบเดินทางมาศาลาว่าการเมือง ฝนตกหนักระหว่างทาง
“ท่านอ๋อง พวกเราหาที่หลบฝนก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนฝนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ” แม่ทัพคนหนึ่งพูดกับเป่ยถังเย่
เป่ยถังเย่นั่งอยู่ภายในเกี้ยว ทว่าน้ำฝนยังสาดเข้ามาภายในและตกกระทบเสื้อสีขาวราวหิมะของเขา เป่ยถังเย่พูดด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “หาที่หลบฝนให้เร็วที่สุด! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ทันใดนั้นเกี้ยวก็หยุดชะงัก เป่ยถังเย่ถามว่า “เกิดอันใดขึ้น? ”
แม่ทัพที่พูดเมื่อครู่ตอบว่า “ท่านอ๋อง เหมือนด้านหน้าจะมีคน! ”
ผู้ใด?
ลอบสังหาร?
“กี่คน? ”
“คนเดียว! ”
“คนเดียว ยังไม่รีบไปจัดการให้จบอีก! ”
“ทว่าเป็นสตรี! ”
สตรี?
แม่ทัพคนนั้นพูดอีกว่า “ดูเหมือนจะเป็นลมไปแล้ว! ”
“รีบไปดูว่าตายหรือยัง? ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงของแม่ทัพก็ดังมาจากด้านหน้า “ท่านอ๋อง นางยังไม่ตาย ทว่าสตรีนางนี้กระหม่อมรู้จัก นางคือนายน้อยแห่งหุบเขาร้อยบุปผา แม่นางถังเสวี่ย”