สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 38 ตอนที่ 1122 หวานชื่น
ซูจิ่นซีไม่ได้ยินเสียงของเยี่ยโยวเหยา
ขณะที่หลับ นางขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ว่านางกำลังฝันถึงเรื่องอันใด เพียงพึมพำว่า “เสด็จพี่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะรักษาท่านให้หายอย่างแน่นอน! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แรงปรารถนาในก้นบึ้งหัวใจที่เร่าร้อนของเยี่ยโยวเหยาพลันสั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองเผยความอ่อนโยน แม้ในดวงตาดำขลับลึกซึ้งยังมีแรงปรารถนาอันเร่าร้อนดั่งเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน ทว่าดูเหมือนเขาจะพยายามอดกลั้นไว้
เยี่ยโยวเหยาผลักศีรษะของซูจิ่นซีที่วางอยู่บนหน้าอกออกเล็กน้อย มองพวงแก้มของนางด้วยสายตาจริงจัง ในที่สุดแววตาของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏความอ่อนโยนและความรักใคร่ จากนั้นจึงกอดศีรษะของซูจิ่นซีแน่นอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยาผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง ซูจิ่นซีพลิกตัวจะลุกขึ้น
เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ ลืมตา
ซูจิ่นซีกระโดดลงจากเตียงโดยไม่สนใจเรื่องสวมรองเท้า นางวิ่งเข้าไปในห้องด้านในและเห็นมู่หรงฉีนอนอยู่บนเตียงอย่างปลอดภัย จึงจับหน้าอกและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เยี่ยโยวเหยาเดินมาจากด้านหลัง เขาอุ้มซูจิ่นซีกลับไปยังที่นอนอีกครั้ง ก่อนจะสวมรองเท้าให้ซูจิ่นซี พลางพูดด้วยความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “พื้นเย็นมาก! ”
ซูจิ่นซีพูดว่า “ข้าไม่ได้ตกใจจนตกเตียง! เพียงต้องการพิงสักครู่เท่านั้น กลับไม่คิดว่าจะงีบหลับไป หากท่านพี่ของข้าตื่นขึ้นมาและเกิดคลุ้มคลั่งอีกครั้งจะทำอย่างไร? ”
“ข้าก็อยู่ที่นี่! ”
“ท่านอ๋องก็งีบหลับไปเหมือนกัน! ”
น้ำเสียงของซูจิ่นซีแฝงการตำหนิเล็กน้อย เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สบสายตาที่สดใสและสวยงามของซูจิ่นซี
เมื่อเห็นสีหน้าของเยี่ยโยวเหยาเปลี่ยนไป ซูจิ่นซีจึงโน้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากของเยี่ยโยวเหยา “ข้าขอโทษ! ข้าไม่ได้ตั้งใจตำหนิท่านอ๋อง ข้าเพียงเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการของพี่ฉี ท่านอ๋องก็ไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืนเช่นกัน ข้ารู้ว่าท่านเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก เช่นนั้นท่านอ๋องพักผ่อนสักหน่อยเถิด! ”
“ตกลง! ”
ซูจิ่นซีต้องการพูดปลอบใจเยี่ยโยวเหยา โดยไม่ทันได้สนใจไฟแห่งความปรารถนาในดวงตาของเยี่ยโยวเหยาซึ่งอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว
“เช่นนั้นท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าอยู่เฝ้าที่นี่เอง”
ซูจิ่นซีพูดจบก็ปล่อยมือ เตรียมจะลุกขึ้นยืน กลับไม่คิดว่า เงาร่างสีดำจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เยี่ยโยวเหยาโน้มตัวลงมาบรรจงจุมพิตริมฝีปากบอบบางของนาง
ซูจิ่นซีตกตะลึงกับการกระทำที่กะทันหันนั้น นางผลักเยี่ยโยวเหยาออกไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเวลากลางวันแสกๆ อีกทั้งมู่หรงฉียังนอนอยู่ข้างใน!
ทว่าเยี่ยโยวเหยาโอบกอดนางแน่น ไม่ให้โอกาสนางดิ้นหลุด และเนื่องจากซูจิ่นซีกังวลว่าจะรบกวนมู่หรงฉี นางจึงไม่กล้าใช้กำลังมากเกินไปและหยุดต่อต้าน ปล่อยให้เยี่ยโยวเหยาจุมพิตตามอารมณ์
ริมฝีปากบางเย็นเฉียบสัมผัสริมฝีปากของนาง ปลายลิ้นชอนไชซุกไซ้เร่าร้อน ซูจิ่นซีค่อยๆ ปลดปล่อยอารมณ์และค่อยๆ หลับตา เริ่มตอบสนองกลับเยี่ยโยวเหยา ทั้งสองจุมพิตกันอย่างดูดดื่มจนร่างกายของซูจิ่นซีอ่อนระทวย สอดประสานกับเสียงครางกระเส่า ทว่าทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยากลับเคลื่อนไหวผละออกจากริมฝีปากของซูจิ่นซี คล้อยต่ำลงมาที่ขมับ ขบเม้มใบหูของซูจิ่นซีแผ่วเบา เคล้นคลึงอย่างอ่อนโยน ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านเล็กน้อยด้วยความเสียวซ่าน นางพยายามครุ่นคิดบางอย่างภายในใจ ทว่านางไม่สามารถเข้าใจอันใดได้ จนกระทั่งฝ่ามือเย็นเฉียบของเยี่ยโยวเหยาซุกเข้ามาภายในชุดชั้นในของนาง ทันใดนั้นภายในใจของนางก็เกิดเสียงร้องดังขึ้น นางรีบจับมือของเยี่ยโยวเหยาและผลักเขาออกไป
“เยี่ยโยวเหยา เราทำที่นี่ไม่ได้! ”
เยี่ยโยวเหยาบรรจงจูบอีกครั้ง เขาซุกไซ้ซอกคอของซูจิ่นซี พลางพูดเสียงต่ำที่ข้างใบหูของนางอย่างพยายามจะอดกลั้น “จิ่นซี ข้าคิดถึงเจ้า มาก! ”
แก้มของซูจิ่นซีแดงก่ำราวกับสีดอกท้อ ทว่านางพยายามข่มอารมณ์อย่างเต็มที่ และผลักเยี่ยโยวเหยาออกไปอีกครั้ง
“ไม่ได้ เยี่ยโยวเหยา”
ดวงตาดำขลับลึกซึ้งของเยี่ยโยวเหยาเปี่ยมด้วยไฟปรารถนาแรงกล้า เขาบดขยี้ไปที่ซอกคอของซูจิ่นซี “เช่นนั้นเรากลับไปที่ห้อง”
“ไม่ได้! ” ซูจิ่นซีส่ายศีรษะเล็กน้อย “พี่ฉีอาจตื่นได้ตลอดเวลา หากเขาคลุ้มคลั่งอีก ข้าเกรงว่าซูอวี้และฉินเทียนจะไม่สามารถควบคุมเขาได้”
เยี่ยโยวเหยาคว้าแขนของซูจิ่นซี พลางดึงนางเข้ามาหาตัวเล็กน้อย ดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาแทบจะกลืนกินซูจิ่นซีทั้งตัว
“ซูจิ่นซี ข้าอดกลั้นมานานมากแล้ว! ”
ซูจิ่นซีมองท่าทางของเยี่ยโยวเหยาที่เหมือนเด็กกำลังร้องขอขนม แต่กลับไม่สามารถกินขนมได้ตามใจจึงโกรธกระฟัดกระเฟียด นางแอบลอบยิ้มไม่ได้
นางจับแก้มของเยี่ยโยวเหยาและบรรจงจูบที่หน้าผากของเขาอีกครั้ง “ท่านอ๋อง เช่นนั้นก็อดกลั้นอีกนิด เวลายังอีกยาวไกล”
เดิมทีเยี่ยโยวเหยาอดกลั้นจนเกินจะข่มอารมณ์แล้ว! การจุมพิตที่หน้าผากครั้งนี้ของนาง! เหมือนการกระตุกหนวดเสืออย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังแตะก้นเสืออีกด้วย
เยี่ยโยวเหยากัดฟันพูดว่า “ซูจิ่นซี เจ้า… ช่างกล้าหาญมากจริงๆ ! ”
ซูจิ่นซีกะพริบตาสดใสและงดงาม ขนตายาวของนางดั่งผีเสื้อโบยบิน
“ข้ากล้าหาญอย่างไรหรือ? ท่านอ๋อง ความกล้าหาญของข้าเล็กกว่าหนูเสียอีก ท่านอ๋องก็รู้ดี”
เยี่ยโยวเหยาไม่สามารถทำอันใดนางได้ เขายื่นมือออกไป ต้องการสัมผัสซูจิ่นซี ทว่าดูเหมือนเขาไม่รู้ว่าควรสัมผัสที่ใด กลัวสัมผัสตัวนางแล้วจะไม่สามารถระงับอารมณ์พลุ่งพล่านได้อีก ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้านนอก ไม่อยากอยู่ที่นี่อีก ประโยคที่พูดออกมาเต็มไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาแกมเอ็นดูรักใคร่ ทั้งยังเป็นการบังคับเล็กน้อย ไม่ให้ซูจิ่นซีปฏิเสธ
“คืนนี้กลับไปนอนที่ห้อง! ”
เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของซูจิ่นซีก็สดใสมากขึ้น
นางพบว่า… หลังจากไม่ได้พบกันนาน เยี่ยโยวเหยายังคงเหมือนเดิม… ทั้งวางอำนาจและน่ารัก!
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องด้านในเพื่อดูอาการของมู่หรงฉีอีกครั้ง
มู่หรงฉียังไม่ฟื้น ซูจิ่นซีตรวจชีพจรของเขาอีกครั้ง ชีพจรยังสงบนิ่งและเป็นปกติ
ทันใดนั้น องครักษ์จากด้านนอกก็เดินเข้ามา ซูจิ่นซีเดินออกไปถาม
“เกิดอันใดขึ้น? ”
“ทูลพระชายา รัชทายาทตงหลิงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ”
“บอกฉินเทียนให้มาเฝ้าที่นี่! ” ทันทีที่พูดจบ นางก็รีบไปที่ห้องของตงหลิงหวง
ในที่สุดตงหลิงหวงก็ฟื้นแล้ว ทว่าใบหน้าของนางซีดขาวราวกับกระดาษ สภาพของนางพูดได้ว่าน่าสงสารจับใจ
เมื่อเห็นซูจิ่นซีเดินเข้ามา ตงหลิงหวงก็ต้องการลุกขึ้น
ซูจิ่นซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่ละคน อยากตายเพื่อกลับชาติไปเกิดใหม่นักหรือ? ”
ตงหลิงหวงพูด “ข้าขอโทษ พระชายาโยวอ๋อง ข้ารู้ว่าสร้างปัญหาให้เจ้าอีกแล้ว ทว่า… ทว่าข้าเป็นห่วงอาการของมู่หรงฉี ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูจิ่นซีเดินไปข้างเตียงและจัดให้ตงหลิงหวงนอนลงไป จากนั้นจึงยกแขนของตงหลงหวงขึ้นมาเพื่อตรวจชีพจร พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วง พี่ฉีสบายดี! เมื่อครู่เพิ่งฟื้นขึ้นมาครั้งหนึ่ง เขายังมีสติสัมปชัญญะ ไม่คลุ้มคลั่งแล้ว”
หลังพูดจบก็กำชับเสียงแข็งว่า “ทว่าสภาพของเจ้าในตอนนี้ยังไปพบเขาไม่ได้ อาจจะกระตุ้นเขาได้”
ตงหลิงหวงพยักหน้าเล็กน้อย “ตกลง! เขาก็เป็นแบบนี้ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เกิดอาการคลุ้มคลั่งได้ตลอดเวลา”
“ชีพจรดีขึ้นมากแล้ว” ซูจิ่นซีปล่อยมือแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าอธิบายให้ข้าฟัง! เพราะเหตุใดเขาถึงมีอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเช่นนี้ เขากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? หลายวันที่ผ่านมา พวกเจ้าไปเจออันใดมาบ้าง? ”
ซูจิ่นซีรู้ว่าตงหลิงหวงมีอาการอ่อนแออย่างมาก ไม่สมควรสอบถามนางในเวลานี้ ทว่าเวลาไม่คอยท่า สถานการณ์ของทั้งสองคนไม่อาจยืดเยื้อต่อไปได้อีก อาการคลุ้มคลั่งของมู่หรงฉีก่อนหน้านี้มีพลังมากขึ้นจนเชือกเทวะอาจมัดเขาไม่อยู่อีกต่อไป เกรงว่าหากเกิดคลุ้มคลั่งอีกครั้ง เขาอาจอาละวาดไปทั่วเมืองเฟิง