สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 38 ตอนที่ 1124 ฝนโปรยปรายและลมพัดยามค่ำคืน
ซูจิ่นซีกะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าใสซื่อ “ท่านอ๋อง จิ่นซีไม่ใช่แกงเม็ดบัวข้น จะคลายร้อนให้ท่านอ๋องได้อย่างไร? ”
มือของเยี่ยโยวเหยาโอบรอบเอวของซูจิ่นซีแน่น “เจ้าว่าอย่างไร? ”
ซูจิ่นซียังคงกะพริบตาอย่างต่อเนื่อง “จิ่นซีไม่ทราบ! ท่านอ๋องเสวยแกงเม็ดบัวข้นเถิด! ” นางพูดพลางใช้ช้อนคนน้ำแกงเม็ดบัวแล้วป้อนใส่ปากเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาไม่แม้แต่จะชายตามองเม็ดบัวในถ้วย ทว่ายื่นมือลูบขนตาที่กระพือราวกับผีเสื้อของซูจิ่นซีเบาๆ
“ซูจิ่นซี! ”
“หืม? ”
“เจ้าคือนางฟ้าของข้าจริงๆ ! ”
ซูจิ่นซีกลั้นยิ้มแล้วทานเม็ดบัวเสียเอง
“หากข้าเป็นนางฟ้า เช่นนั้นท่านอ๋องเป็นสิ่งใดหรือ? เป็นปรมาจารย์ในการจับนางฟ้า? โอ้ ไม่สิ จากสถานะของท่านอ๋องแล้วจะเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร น่าจะเป็นเทพสวรรค์ถึงจะถูก” นางพูดพลางกะพริบตาปริบๆ อีกครั้ง
วินาทีถัดมา เยี่ยโยวเหยาแย่งชามเคลือบหยกเขียวในมือของซูจิ่นซีมาแล้วเขวี้ยงไปอีกฝั่ง จากนั้นจึงพลิกตัวกดร่างของนางลงบนเก้าอี้
“ยังพูดว่าไม่ใช่นางฟ้าอีกหรือ? เริ่มยั่วยวนข้าอีกแล้ว! ”
“ใช่ที่ใดกัน? ” ซูจิ่นซีทำท่าทางไร้เดียงสา
ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็จุมพิตริมฝีปากของซูจิ่นซี ขบเม้มริมฝีปากชุ่มชื้นของนางอย่างรุนแรง ก่อนจะมองริมฝีปากแดงก่ำของนาง
“ยังบอกว่าไม่ใช่อีก? ตอนนั้นข้าอ่อนไหวต่อการยั่วยวนของเจ้าจนจิตใจสับสน เกือบพลาดท่าให้เจ้าหลายครั้งหลายครา ตอนนี้เจ้ายังกล้าใช้วิธีการเช่นนี้อีก! ”
ฎีกา จดหมาย และพู่กันพลันตกระเนระนาดบนพื้น
“ท่านอ๋องพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? คนที่เกือบพลาดท่าควรจะเป็นข้ามิใช่หรือ? ข้าเสียหาย! ”
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาเปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความปรารถนาที่ลุกโชน เขาขมวดคิ้วอย่างรุนแรง “ซูจิ่นซี! ”
“โอ้ ไม่ใช่! ก่อนหน้านั้น ใต้ต้นเหมยหลังสวนสกุลซู… ท่านอ๋องลืมแล้วหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยาพลิกกายกดทับซูจิ่นซี พลางโบกมือใหญ่ดังพรึบ ปลดผ้าคาดเอวของซูจิ่นซี
ตึง ตึง ตัง ตัง…
ฎีกากราบทูลทั้งหมดตกลงบนพื้น รอยพับด้านบนสุดถูกคลี่ออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งด้านบนเขียนว่า ‘พระชายาโยวอ๋องนำหายนะมาสู่บ้านเมืองและประชาชน’
เป็นฎีกากล่าวโทษซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีใช้สองแขนคล้องคอเยี่ยโยวเหยา การแสดงออกบนใบหน้ายังคงไร้เดียงสา
“ในเวลานั้นจิ่นซีถูกแม่เลี้ยงรังแก ถูกลูกพี่ลูกน้องและคู่หมั้นข่มเหง และเกือบถูกลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นบุตรชายคนโตหยามเกียรติ ชีวิตเวทนาเกินกว่าจะทนไหว กลับไม่คาดคิดว่า แม้แต่ท่านอ๋องยังเหมือนพวกเขา รังแกสตรีอ่อนแอเช่นข้า ท่านอ๋อง… ท่านช่างน่ารังเกียจเสียจริง” ปากนางพูดว่าน่ารังเกียจ ทว่ากะพริบตาปริบๆ และยกยิ้มมุมปาก
ดวงตาดำขลับลึกซึ้งของเยี่ยโยวเหยาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความปรารถนา “ซูจิ่นซี เจ้าพูดไร้สาระอันใด? ข้าเคยรังแกเจ้าที่ไหน? วันนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าที่… ”
พูดเพียงครึ่งเดียว เยี่ยโยวเหยาก็หยุดชะงัก ซูจิ่นซีกลั้นยิ้มพลางเอ่ยถาม “ข้าทำอันใด? ”
เปลวเพลิงปรารถนาที่ปรากฏบนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาพลันลุกโชน “เจ้าไม่รู้หรือ? ยังถามข้าอีก? ไม่รู้จักยางอาย! ”
ซูจิ่นซียังคงแย้มยิ้ม “ข้าไม่รู้เพคะ คือสิ่งใดหรือ? ท่านอ๋อง! ”
“เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าที่หยาบคายกับข้า! ”
“คิก คิก คิก! ” ซูจิ่นซีหัวเราะเสียงใส “ท่านอ๋องหมายถึง วันนั้นเป็นท่านที่พลาดท่าให้ข้าหรือ? คิก คิกคิก… ”
“ซูจิ่นซี! ” เยี่ยโยวเหยากัดฟันกรอด
จากกันหลายเดือน การจากลา การกลับมาพบกันอีกครั้ง และการจากลาอีกครั้ง ช่วงวันเหล่านั้น ความคิดถึงคะนึงหาที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ ความกังวล และความหวาดกลัวที่แทบทะลักออกมาในคราเดียวกลายเป็นการให้และรับ ในยามนี้ เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีไม่ต้องการอดทนอีกต่อไป ทั้งสองเพียงต้องการได้รับการชดเชยจากอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร ช่องว่างเหล่านั้นก็ไม่ถูกเติมเต็ม มีเพียงรสจูบอันร้อนแรงและการครอบครองครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้น
วันรุ่งขึ้น ผ้าม่านยาวพลิ้วไหวไปตามสายลม ซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตาขึ้น
บุรุษรูปงามราวภาพวาด ใบหน้าหล่อเหลาคมสันอยู่ข้างกาย แสงแห่งรุ่งอรุณอันอบอุ่นค่อยๆ สาดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง กระทบลงมาบนความยุ่งเหยิงของเมื่อคืนที่ราวกับพายุฝน
เผยให้เห็นอักษรตัวใหญ่ด้านบนสุด ‘พระชายาโยวอ๋องนำหายนะมาสู่บ้านเมืองและประชาชน’
ซูจิ่นซีพลิกกายหันไปหาเยี่ยโยวเหยาที่กำลังหลับใหล
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ลืมตา เขาซุกศีรษะกับซอกคอของซูจิ่นซีแน่นขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองข้างโอบเอวของนางแน่นขึ้นเช่นกัน
ซูจิ่นซียื่นมือออกไปลูบคิ้วเรียวยาวของเยี่ยโยวเหยาอย่างแผ่วเบา อาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลูบไล้ตั้งแต่สันจมูกไปจนถึงริมฝีปากบางเย็นเฉียบ
เมื่อนึกถึงความป่าเถื่อน เอาแต่ใจ และบ้าคลั่ง ทว่าขณะเดียวกันก็ละเอียดอ่อนและอ่อนโยน นางก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้
นางครุ่นคิดในใจว่า ‘ซูจิ่นซีหนอซูจิ่นซี! นี่คือวาสนาที่เจ้าสะสมมาชั่วชีวิตถึงได้พบบุรุษเช่นนี้ คนที่คอยอยู่เคียงข้างเจ้าไปทั้งชีวิตและไม่แยกจากกันตลอดชาติ รักและอยู่ด้วยกันอย่างเชื่อใจ’