สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 38 ตอนที่ 1126 กลับเมืองเย่หลิน
หลังจากพายุฝนอันเร่าร้อนผ่านไป ซูจิ่นซีนอนอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา มือม้วนผมสีขาวหิมะของเขาอย่างอ่อนโยน นางเงยหน้ามองดวงตาของเยี่ยโยวเหยาที่เปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้ง
เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีขึ้น พาเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะหนังสือและจัดการกับเอกสารต่อ
“ท่านอ๋อง… ” จู่ๆ ซูจิ่นซีก็พูดขึ้น
“หืม? ”
“สถานการณ์ของเสด็จพี่บางครั้งก็ดีขึ้น บางครั้งก็คลุ้มคลั่งเสียสติ ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะกำเริบอีกเมื่อใด พวกเรารีบเดินทางกลับไปเมืองเย่หลินเถิด! จากนั้น… ข้าจะไปเยือนโลกสามเขตแดนสักครั้ง”
“ตกลง! พวกเราออกเดินทางพรุ่งนี้”
“เพคะ! ”
ซูจิ่นซีรู้สึกอยู่ในใจลึกๆ ว่า สถานการณ์ของมู่หรงฉีเกี่ยวข้องกับโลกสามเขตแดนอย่างแน่นอน หากไม่ใช่พิษที่ทำให้มู่หรงฉีแสดงอาการเช่นนี้ ก็มีเพียงเวทมนตร์ดำจากโลกสามเขตแดนเท่านั้นแล้ว
ซูจิ่นซีครุ่นคิดโดยไม่พูดอันใดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาเขียนตอบฎีกาเสร็จก็วางลงบนโต๊ะ ก่อนจะเชยคางของซูจิ่นซีและจุมพิตริมฝีปากแดงก่ำของนางแผ่วเบา “ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า! ”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มเล็กน้อยและคล้องคอเยี่ยโยวเหยา “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาเลิกคิ้วขึ้น แววตาหยุดอยู่ที่แขนขาวเรียวยาว “ซูจิ่นซี หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้อีก ข้าคงอ่านฎีกาไม่ได้แล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนงานราชกิจของท่านอ๋องแล้ว”
นางพูดพลางปล่อยเยี่ยโยวเหยาและลุกขึ้นยืน ก่อนจะเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยและเรียกบ่าวรับใช้ให้เข้ามาทำความสะอาดห้อง
หลังจากนั้น ซูจิ่นซีก็ไปห้องนอนของมู่หรงฉี
มู่หรงฉีตื่นอยู่และขอหนังสือจำนวนหนึ่งจากองครักษ์มาอ่าน สภาพของเขานับว่าดูดีทีเดียว ซูจิ่นซีตรวจชีพจรให้มู่หรงฉีเป็นประจำ หลังจากตรวจสอบครั้งหนึ่งก็ไม่พบความผิดปกติอันใด
สองพี่น้องพูดคุยกันชั่วครู่ มู่หรงฉีสอบถามอาการของตงหลิงหวงและซินอี๋ ซูจิ่นซีบอกไปตามตรง ทว่าเว้นเรื่องตอนที่เขาคลุ้มคลั่งจนทำร้ายตงหลิงหวงโดยไม่ได้ตั้งใจ และเรื่องที่ตงหลิงหวงบาดเจ็บสาหัส บอกเพียงว่าพวกนางพักรักษาตัวอยู่ห้องข้างๆ
“ทว่าเสด็จพี่ สภาพของท่านในเวลานี้ พยายามอย่าพบพวกเขาจะดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดอารมณ์แปรปรวนหลังจากพบหน้าจนสูญเสียการควบคุมอีก ข้ากลัวว่าท่านจะทำร้ายพี่สะใภ้กับซินอี๋”
มู่หรงฉีพยักหน้าเล็กน้อย หลังผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ ก็ถามว่า “ข้าทำร้ายพวกนางไปแล้วใช่หรือไม่? ”
ไม่คาดคิดว่ามู่หรงฉีจะมีความรู้สึกว่องไวจนสามารถคาดเดาได้ถูกต้อง ทว่าเวลานี้ ซูจิ่นซีไม่สามารถบอกความจริงได้
“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจัดคนมาดูแลชีวิตประจำวันของสองแม่ลูกเป็นพิเศษ พวกนางสบายดีอย่างมาก เสด็จพี่วางใจได้ ข้าจะรักษาท่านให้หาย พวกท่านยังมีเวลาอีกมากให้พบเจอกัน”
“เช่นนั้นต้องรบกวนเจ้าแล้ว จิ่นซี! ”
“ไม่มีปัญหา! ”
ครู่หนึ่ง มู่หรงฉีก็พูดอีกครั้งว่า “ข้าเป็นพี่ชาย ทว่าดูเหมือนข้าจะสร้างปัญหาให้เจ้าอยู่ตลอด! ”
“อันใดคือปัญหา? ” ซูจิ่นซีกล่าว “ไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่เคยรู้สึกว่าการอยู่กับพวกท่านเป็นปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น… เสด็จพี่ก็เคยช่วยข้าและเยี่ยโยวเหยาเช่นกัน”
“เจ้าคิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะ… ” มู่หรงฉีเลิกคิ้ว “จะว่าไปแล้ว เกี่ยวกับจักรวรรดิต้าฉินและสกุลเสวียนหยวน ทั้งยังมีความแค้นนองเลือดของพวกเราสองตระกูล ข้ายังติดค้างคำอธิบายแก่เยี่ยโยวเหยา”
แม้หลังจากเรื่องที่เขาไป่โถว เยี่ยโยวเหยาจะไม่เคยกล่าวถึงเรื่องราวความแค้นบัญชีเลือดของสองตระกูลต่อหน้านาง ทว่าซูจิ่นซีรู้ว่าในราชสำนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าขุนนางที่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดิต้าฉิน เยี่ยโยวเหยาต้องรับแรงกดดันมหาศาล ทว่าเขาไม่ยอมให้นางรู้ เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ซูจิ่นซีก็ปวดศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย
นางคลึงขมับแล้วพูดว่า “ช่างเถิด ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ค่อยว่ากันภายหลัง! ”
“ตกลง! ”
หลังจากสนทนากันอีกไม่กี่ประโยค ท้องฟ้าก็มืด ซูจิ่นซีจึงขอตัวกลับ
ยามกลางคืน เป็นอีกคืนที่มีพายุฝนกระหน่ำเร่าร้อน
ทว่าเช้าวันรุ่งขึ้น ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยากลับตื่นแต่เช้าเพราะต้องเดินทางกลับเมืองเย่หลิน
ก่อนออกเดินทาง มู่หรงฉีอาการกำเริบอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ตงหลิงหวงต้องการไปพบมู่หรงฉี ทว่าซูจิ่นซีห้ามไว้ จากนั้นไม่นานอาการของมู่หรงฉีก็สงบลง
หลังคลุ้มคลั่งอยู่หลายครั้ง โดยปกติแล้วซูจิ่นซีสามารถควบคุมอาการคลุ้มคลั่งของมู่หรงฉีได้ ทว่าซูจิ่นซีไม่สามารถควบคุมเวลาที่เขาคลุ้มคลั่งได้ และยิ่งไม่สามารถหาวิธีรักษาขั้นพื้นฐานได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้… ต้องไปหาสาเหตุที่โลกสามเขตแดนเท่านั้น หวังว่าจะได้เรื่องโดยเร็ววัน
ระหว่างเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกครั้งที่มู่หรงฉีคลุ้มคลั่ง ซูจิ่นซีสามารถควบคุมได้ทันเวลา เพื่อไม่ให้เขาทำร้ายผู้ใด
ในไม่ช้า ขบวนเดินทางก็มาถึงเมืองเย่หลิน
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งออกมาต้อนรับขบวนเสด็จด้านนอกเมือง
ฮ่องเต้มู่หรงฉีไม่อาจสูญเสียความสง่าผ่าเผยและตัวตนต่อหน้าขุนนางได้ ดังนั้นระหว่างทาง ซูจิ่นซีจึงแต่งพระองค์ครบเครื่องและสวมเสื้อคลุมมังกรให้เขา เขาจึงดูสง่าผ่าเผยน่าเกรงขามยามถึงเมืองเย่หลิน
ขณะที่ลงจากรถม้าขบวนเสด็จ มู่หรงฉีไม่ปล่อยให้พวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่คุกเข่าลุกขึ้น ทว่าเหยียบพรมแดงเดินเข้าไปในเมืองทีละก้าว
หลังจากเข้าเมือง พวกเขาก็เปลี่ยนเป็นขบวนเสด็จที่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จัดเตรียมให้และเดินทางเข้าไปในเมืองหลวง
ซูจิ่นซีให้ซูอวี้และสองพ่อลูกจงรุ่ยอันติดตามอยู่ข้างกายมู่หรงฉี เพื่อดูสถานการณ์ของเขาตลอดเวลา นอกจากนี้ นางได้สอนซูอวี้สองสามวิธีเพื่อระงับอาการคลุ้มคลั่งของมู่หรงฉี เมื่อพบความผิดปกติจึงควบคุมได้อย่างทันท่วงที
หลังจากนั้น ขุนนางคนสำคัญหลายคนก็มาพบเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี “คำนับมหาอุปราชแคว้นจงหนิง คำนับฉางอันกงจู่”
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ลงจากรถม้า
ซูจิ่นซีพูดว่า “เดินทางไกลเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ข้าเองก็เหนื่อยเช่นกัน ไม่ต้องมากพิธี! กลับวังเถิด! ”
ดังนั้นรถม้าของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจึงมุ่งหน้าตรงไปยังประตูพระราชวังและเปลี่ยนขบวนเสด็จในวังอีกครั้ง ตลอดเส้นทางมีผู้นำทางไปตำหนักจ้งหวา
แม้จะกลับมาถึงพระราชวังแคว้นหนานหลี ทว่าซูจิ่นซีไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย นางพักผ่อนเพียงครู่หนึ่งก็ไปวังหลังเพื่อพบมู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือ มู่หรงฉีก็อยู่เช่นกัน การพบหน้ากันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน จึงไม่อาจขาดคำพูดให้กำลังใจและความคิดถึงไปได้ มู่หรงอวิ๋นไห่กับจงซีจือเอ่ยถามสถานการณ์การรักษาในแคว้นเป่ยอี้กับซูจิ่นซีอย่างตื่นเต้น ซูจิ่นซีไม่เข้าใจรายละเอียดของสถานการณ์เช่นกัน จึงหยิบยกเรื่องที่รู้มาพูด หลังพูดไปแล้วครั้งหนึ่งก็ปาดน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นจึงบอกสถานการณ์ของมู่หรงฉีให้มู่หรงอวิ๋นไห่และจงซีจือฟัง
จงซีจือมีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ “เรื่องเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ฉีเอ๋อร์ เจ้าไปเจอสิ่งใดมากันแน่? ”
มู่หรงฉีส่ายศีรษะ “กระหม่อมก็ไม่รู้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ! ”
“เจ้ามานี่! ” จงซีจือกวักมือเรียกมู่หรงฉี
อย่างไรเสีย นางก็ไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของตนเอง มู่หรงฉีจึงไม่คุ้นเคยกับความสนิทสนมอย่างกะทันหันของจงซีจือเล็กน้อย ทว่าหลังจากเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินไปหาและยื่นข้อมือให้จงซีจือ
จงซีจือจับชีพจรให้เขาอย่างเงียบงัน ผ่านไปครู่ใหญ่ก็หันไปมองซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีพูดว่า “สิ่งที่ลูกตรวจพบก็คงเหมือนกับที่ท่านแม่เห็นเพคะ ตอนนี้สิ่งที่สามารถกำจัดได้อย่างสมบูรณ์ก็คือพิษ รายละเอียดอื่นๆ คงต้องไปเยือนโลกสามเขตแดนถึงจะรู้เพคะ”
“เจ้าจะไปโลกสามเขตแดนหรือ? ” มู่หรงอวิ๋นไห่และมู่หรงฉีต่างเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“เพคะ! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
มู่หรงฉีหัวเราะเยาะตนเอง “ข้าเป็นเสด็จพี่ที่เอาแต่สร้างปัญหาให้เจ้าเสียจริง! ”
“เสด็จพี่ ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้! ”
มู่หรงอวิ๋นไห่กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วก็ไปเถิด! ทว่าโลกสามเขตแดนมีอันตรายมากมาย ตอนไปก็พากำลังคนไปมากหน่อย พ่อจะช่วยจัดการให้เอง! ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ทว่าไม่ต้องเพคะ โยวเหยาจะไปพร้อมกับลูก นอกจากนั้น มากคนก็ยิ่งมากเรื่องเพคะ! ”
“เยี่ยโยวเหยาไปด้วย… ก็ดี! ” ระหว่างที่พูด มู่หรงอวิ๋นไห่มองลึกเข้าไปในดวงตาของซูจิ่นซี “บุตรสาวโตแล้ว มีความคิดเป็นของตนเองแล้ว”