สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 38 ตอนที่ 1129 ร่างที่คล้ายกับจิ่วหรง
ปีศาจน้อยที่เฝ้าทางเข้ารีบคลานเข้าไป
“ท่านอ๋อง เกิด… เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ”
“ไปให้พ้น ผู้ใดให้พวกเจ้าเข้ามา! ”
ทันใดนั้น แก้วสุราก็กระแทกใส่ศีรษะของปีศาจน้อยตนนั้นอย่างรุนแรง
“ขอรับๆ ๆ ! ”
ปีศาจน้อยรีบคลานออกมา ทว่าขณะที่ประตูกำลังจะปิด เสียงอันน่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัวก็ดังมาจากด้านในอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน เอาสุรามา! ”
“ขอรับๆ ๆ ! ”
ปีศาจน้อยตอบรับแล้วรีบไปเอาสุรา
ผ่านไปไม่นาน ไหสุราสี่ห้าใบก็ถูกอุ้มเข้าไป
กลิ่นสุราฉุนตีขึ้นจมูกอย่างแรง ซูจิ่นซีใช้มือปัดกลิ่นฉุนใต้จมูกไปมาแล้วถือโอกาสเหลือบมองเข้าไปด้านใน
เป็นจริงดั่งคาด นางเห็นเพียงเงาร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่แน่นหนายืนอยู่กลางตำหนักใหญ่ บนพื้นเต็มไปด้วยไหสุราและเครื่องเรือนที่กระจัดกระจาย
ทว่าเงาร่างนั้น…
ค่อยๆ ซ้อนทับกับเงาร่างของใครอีกคนที่อยู่ในใจของซูจิ่นซี
“เป็นอันใดหรือ? ”
เมื่อเยี่ยโยวเหยาเห็นว่าสีหน้าของซูจิ่นซีผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเอ่ยถาม
ซูจิ่นซีแสดงสีหน้าแปลกประหลาด “ไม่รู้ว่าข้าคิดมากไปเองหรือไม่? ถึงรู้สึกว่าราชาเฮยซาหู่ผู้นั้นคล้ายกับคนผู้หนึ่งมาก”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน จู่ๆ เสียงของราชาเฮยซาหู่ก็ดังขึ้นภายในตำหนัก “จิ่วหรง จิ่วหรง หากเจ้าเป็นผู้นำเผ่าสมุนไพรจะเป็นอย่างไร? ”
จิ่วหรง…
ร่างกายของซูจิ่นซีพลันแข็งทื่ออย่างรุนแรง เมื่อสบตากับเยี่ยโยวเหยา ทั้งคู่ต่างเห็นความประหลาดใจในดวงตาของอีกฝ่าย
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ลุกขึ้นและเจาะรูเล็กๆ ที่กระดาษหน้าต่าง ก่อนจะมองเข้าไปด้านใน
นางเห็นเพียงภาพวาดที่แขวนอยู่ในตำหนักใหญ่
บนภาพวาดเป็นบุรุษสวมชุดสีขาวหิมะ ให้อารมณ์ดั่งเทพเซียน เท้าเหยียบอยู่บนหลังนกกระเรียน รูปลักษณ์สง่างามเช่นเดียวกับจิ่วหรง
ร่างกายของซูจิ่นซีแข็งทื่ออีกครั้ง
ด้านหน้าภาพวาด บุรุษในชุดคลุมสีดำยกไหสุราขึ้นจากพื้นและเงยศีรษะดื่มอึกใหญ่ จากนั้นก็ชี้ไม้ชี้มือไปที่บุรุษในภาพวาดและพูดต่อ
“ยัง… ยังหนีไม่พ้นอีก? ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน จากนี้ต่อไป สามอาณาจักรเจ็ดดินแดนจะไม่มีเงาร่างของเจ้าอีกแล้วจิ่วหรง กระทั่งดวงจิตวิญญาณก็ไม่เหลือเลยสักดวง และทั้งหมดนี้เพียงเพื่อมอบให้สตรีผู้นั้นเพียงผู้เดียว จิ่วหรง คุณชายจิ่ว… ท่านพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้หรือ? ท่านเคยนึกเสียใจหรือไม่? ”
ร่างของซูจิ่นซีตกตะลึงแข็งทื่ออยู่ตรงหน้าต่าง
คนด้านหลังค่อยๆ ยื่นมือมาจับหัวไหล่ของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีเบนสายตากลับมาและพยักหน้าเล็กน้อยให้เยี่ยโยวเหยา เพื่อสื่อความหมายว่าตนเองไม่เป็นอันใด จากนั้นจึงมองเข้าไปภายในตำหนักใหญ่อีกครั้ง
“เจ้าและข้าต่อสู้กันมาทั้งชีวิต… ” ราชาเฮยซาหู่กล่าว “ไม่สิ หากพูดให้ถูก น่าจะเป็นข้าที่แอบวางแผนกับเจ้ามาตลอดชีวิต กลับไม่คิดว่าแผนการของเจ้าไม่เคยอยู่เคียงข้างข้าเลย นับประสาอันใดกับเผ่าสมุนไพรของข้า คุณชายจิ่ว จิตใจของเจ้าช่างยิ่งใหญ่เสียจริง ทว่าก็เล็กมากเช่นกัน… เล็กจน… ใส่นางได้เพียงผู้เดียว… ”
“ในเมื่อคุณชายจิ่วชอบนางถึงเพียงนั้น ข้าจึงอยากจับนางมาฝังไว้กับคุณชายจิ่ว เพื่อให้พวกเจ้าได้อยู่ด้วยกันตลอดไป กลับไม่คิดว่า ท้ายที่สุดแล้ว… ข้าก็ปล่อยให้นางหนีไปได้”
“อย่างไรก็ตาม คุณชายจิ่ววางใจได้ ขอเพียงซูจิ่นซียังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบ ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะส่งนางไปอยู่กับคุณชายจิ่ว”
ยิ่งฟัง ภายในใจของซูจิ่นซีก็ยิ่งสับสน
การตายของจิ่วหรง สุดท้ายแล้วเกี่ยวข้องกับนาง นี่เป็นปมที่ติดอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของซูจิ่นซีมาโดยตลอด พอวันนี้ได้ยินคำพูดนี้ของ ‘ราชาเฮยซาหู่’ ก็ยิ่งตีรวนจนเกินจะรับไหว นางโซเซถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่ฝ่าเท้าแตะบนพื้น แม้การเคลื่อนไหวจะไม่มากนัก ทว่าคนที่อยู่ด้านในกลับได้ยิน
“ผู้ใด? ”
เมื่อสิ้นเสียง เงาร่างสีดำลึกลับก็จู่โจมมาทางนี้ทันทีจนหน้าต่างทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ ฝ่ามือใหญ่ราวกับกรงเล็บอินทรีโจมตีใส่ใบหน้าของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่องเพื่อหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่าย ‘ชริ้ง’ นางเรียกกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมาทันที
เมื่ออีกฝ่ายเห็นซูจิ่นซีชัดเจน มุมปากพลันเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “ย่ำจนรองเท้าศึกกลับไม่พบ ยามได้มากลับไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย ข้ากำลังคิดหาวิธีไปตามหาเจ้า ไม่คาดคิดว่า ซูจิ่นซี เจ้าจะรนหาที่ตายเสียเอง”
ซูจิ่นซียกยิ้มเย็นชาเช่นกัน “จิ้นอี้เฉิน? ”
แม้อีกฝ่ายจะไม่พูด ทว่าซูจิ่นซีมั่นใจในตัวตนของเขาอย่างมาก “คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ จู่ๆ ราชครูผู้ยิ่งใหญ่ก็หายตัวไปจากเขาเมฆาไม่หวนคืน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่พบร่องรอยอีกเลย กลับไม่คิดว่าเขาจะมาหลบอยู่ที่แดนร้อยสัตว์อสูร ปลอมตัวเป็นราชาเฮยซาหู่ เช่นนั้นราชาเฮยซาหู่ตัวจริงอยู่ที่ใด? เกรงว่าคงถูกราชครูสังหารไปแล้วกระมัง? เหอะ… ราชครูฝีมือร้ายกาจจริงๆ แม้แต่ราชาเฮยซาหู่ยังไม่รอดจากเงื้อมมือของเจ้า หากข่าวนี้แพร่ออกไปยังดินแดนที่เหลือในโลกสามเขตแดน ลองคิดดูว่าพวกเขาจะว่าอย่างไร? ”
“หึ! ” จิ้นอี้เฉินกระชากเสียงเย็นชา “ดีดลูกคิดรางแก้วกระทบเสียงดัง [1] ทว่าเจ้าหมดโอกาสแล้ว! ”
ระหว่างที่พูด ทันใดนั้นเขาก็โจมตีใส่ซูจิ่นซีอีกครั้งด้วยท่วงท่าดุดัน ไอสังหารพลุ่งพล่าน นอกจากนี้แต่ละกระบวนท่ายังใช้พิษเสริมอีกด้วย
ในเวลาเดียวกัน ปีศาจน้อยจำนวนมากต่างโจมตีมาจากทุกทิศทาง ล้อมซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาไว้ตรงกลาง
ซูจิ่นซีจัดการกับจิ้นอี้เฉิน ส่วนเยี่ยโยวเหยาจัดการกับเหล่าปีศาจน้อย
ปีศาจน้อยล้อมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จากความสามารถของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาแล้วย่อมไม่เกรงกลัว ทว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเอิกเกริกมากเกินไปและดึงดูดความสนใจจากดินแดนที่เหลือในโลกสามเขตแดน
เมื่อตำแหน่งของพวกเขาถูกเปิดเผย จุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้คงสูญเปล่า
ซูจิ่นซีตะโกนเสียงดัง “เยี่ยโยวเหยา พวกเราถอย! ”
“ตกลง! ”
ดังนั้นทั้งสองจึงสู้กับจิ้นอี้เฉินและปีศาจน้อยไปพลาง ถอนกำลังออกนอกแดนร้อยอสูร
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าทันทีที่ถอนกำลังออกจากแดนร้อยอสูรได้ไม่นาน ด้านตรงข้ามก็มีกลุ่มก้อนสีดำปรากฏขึ้น ราชาปีศาจหยินพร้อมเหล่าลูกสมุนปีศาจและสัตว์อสูรขนาบข้างเข้ามาโจมตี
ราชาปีศาจหยินตะโกนเสียงดัง “ได้ยินมาว่าวันนี้โลกสามเขตแดนมีแขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยมเยือน เห็นเช่นนี้ก็เป็นไปตามคาด โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีหรือไม่! ”
ซูจิ่นซีกัดฟันกรอด ทว่าไม่ได้พูดอันใด
ราชาปีศาจหยินสั่งเสียงเย็นชาว่า “ทุกคน เชิญโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋องเข้าสู่แดนปีศาจ หากได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเส้นผม ข้าจะจัดการพวกเจ้า! ”
“ขอรับ! ” ลูกสมุนปีศาจและสัตว์อสูรตอบรับพร้อมกันตีวงล้อม
ปากพูดว่า ‘เชิญ’ ทว่าลงมืออย่างไร้ปรานี
แม้พลังโจมตีของลูกสมุนปีศาจและสัตว์อสูรจะไม่อ่อนแอ ทว่าจากความสามารถของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาในตอนนี้ พวกเขาก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน
เพียงแต่ หากพวกเขาสู้กันเช่นนี้ต่อไปคงไม่ใช่ความตั้งใจแรกเริ่มของพวกเขา!
ซูจิ่นซีกำลังพิจารณาว่าจะหาทางหลบหนีออกไปอย่างไร หากไม่ได้จริงๆ ก็ออกไปจากโลกสามเขตแดนให้ได้ก่อน แล้วค่อยหาโอกาสเข้ามาอีกครั้ง
ขณะที่กำลังคิดพิจารณา รอบด้านพลันเกิดลมกระโชกแรง ทรายสีเหลืองพัดหมุนเต็มท้องฟ้า พายุทรายหนาวเหน็บพัดจนทุกคนลืมตาไม่ขึ้น
ร่างบอบบางของปีศาจน้อย ลูกสมุนปีศาจ และสัตว์อสูรจำนวนมากถูกพายุทรายหมุนจนปลิวหายไปไม่เห็นแม้เงา
“ท่าน… ท่านพญายม… ”
ท่ามกลางความโกลาหล ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด จู่ๆ ก็ร้องเสียงดัง ลูกสมุนปีศาจ สัตว์อสูร และปีศาจน้อยจำนวนมากต่างตกใจกลัวจนหนีเตลิดเปิดเปิง
“ท่าน… ท่านพญายม? ถอย ยังไม่รีบถอยอีก… ” ราชาปีศาจหยินสั่งเสียงเย็นชา คิดจะพาลูกสมุนปีศาจและสัตว์อสูรถอยกลับ
ทว่าถอยไปได้ไม่ไกลนัก เงาร่างในชุดขาวหิมะ สะอาดสะอ้านไร้ที่ติ ให้อารมณ์ราวกับเทพลงมาจุติก็ลอยจากฟ้าลงมาเบื้องหน้าพวกเขา และขวางทางพวกเขาเอาไว้
ราชาปีศาจหยินใบหน้าซีดเผือด เขารีบคุกเข่าหมอบแนบเท้าคนผู้นั้น “ท่าน… ท่านพญายม ไม่ทราบว่าท่านพญายมมาถึงแล้ว โปรดอภัยที่ข้าน้อยไม่ได้ไปต้อนรับ ท่านพญายมโปรดอย่าถือโทษ”
เมื่อมองร่างสะอาดสะอ้านไร้ที่ตินั้นกับเงาในความทรงจำ มันช่างสอดคล้องกันอย่างไร้ข้อกังขา
ก้นบึ้งในหัวใจของซูจิ่นซีเหมือนถูกบางสิ่งทำให้ปวดร้าวอย่างรุนแรง นางก้าวไปด้านหน้าสองก้าวด้วยท่าทีเหม่อลอย
ร่างนั้นค่อยๆ หันหลังกลับมา…
————————————————-
เชิงอรรถ
[1] ดีดลูกคิดรางแก้วกระทบเสียงดัง อุปมาสำหรับคนที่ฉลาดและมั่นใจในตนเองและมักถูกเปิดเผยมากเกินไป สิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้น