สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 10 ตอนที่ 273 เสียงผนังอีกด้าน
ระหว่างทาง พวกนางหลบหลีกองครักษ์ที่เดินลาดตระเวนไปได้ไม่น้อย และไม่ประสบอันตรายใดๆ
ในเวลานี้ องครักษ์ภายในพระราชวังต่างเข้มงวดเป็นอย่างมาก ทว่าองครักษ์ในตำหนักบูรพายังคงเป็นคนของไท่จื่อ ฮ่องเต้ไร้ซึ่งอำนาจ อำนาจของไท่จื่อย่อมเสื่อมถอยลง ดังนั้นองครักษ์ที่ดูแลตำหนักบูรพาจึงไม่มีความเป็นระเบียบ ทั้งยังปล่อยปละละเลย แม่นมเจิ้ง ฮองเฮา และแม่นมจู ทั้งสามคนจึงเข้ามาในตำหนักได้อย่างง่ายดาย
แม่นมจูจำได้ว่า เส้นทางลับในตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ตำหนักบูรพา ตรงห้องบรรทมของไท่จื่อ
เวลานี้ยามเฉิน ไท่จื่อคงตื่นจากบรรทมแล้วเป็นแน่ และคงไปที่ตำหนักจ้งหวาเพื่อเฝ้าพระศพของฮองเฮา ภายในห้องบรรทมย่อมไม่มีผู้ใดแน่นอน
ทั้งสามคนตรงไปที่หน้าต่างห้องบรรทมของไท่จื่อด้วยความรวดเร็ว หลังจากฟังความเคลื่อนไหวด้านในอย่างละเอียด จนแน่ใจแล้วว่าไท่จื่อไม่อยู่ด้านใน จึงค่อยๆ ย่องเข้าไป
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า ทุกการเคลื่อนไหวของพวกนางล้วนอยู่ในสายตาขององครักษ์เงาที่เยี่ยโยวเหยาสั่งให้มาสะกดรอยตาม
ในห้องบรรทมของไท่จื่อไม่มีผู้ใดอยู่เลย ภายในห้องมีกลิ่นสุราคละคลุ้ง
“เหอะ! ไท่จื่อเสวยสุราไปมากเท่าใดกัน? ” แม่นมจูได้กลิ่นสุรากระแทกจมูก จึงพูดขึ้น
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน ก็เห็นว่าบนพื้นและบนโต๊ะต่างมีไหสุราวางระเกะระกะไปทั่ว
“ในเวลานี้โยวอ๋องควบคุมอำนาจในราชสำนักไว้ทั้งหมด ตำหนักเฉิงเฉียนและตำหนักบูรพามีเพียงแค่ชื่อเท่านั้น ทั้งยังประสบกับเรื่องการสิ้นพระชนม์ของไทเฮากับฮองเฮาอีก ไท่จื่อย่อมเศร้าโศกเสียใจเป็นธรรมดา เจ้าจะสนใจเรื่องนั้นเพื่ออันใด? รีบหาเส้นทางลับก่อนเถิด” แม่นมเจิ้งพูดขึ้น
ตอนที่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ และเยี่ยเซินถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท พวกนางจำได้ว่าตำหนักบูรพาได้รับการปรับปรุงใหม่อีกครั้ง ไม่รู้ว่าเส้นทางลับก่อนหน้านี้จะถูกผู้อื่นปิดทางไปแล้วหรือยัง
ทั้งสามช่วยกันค้นหากลไกเปิดเส้นทางลับภายในห้องบรรทมอย่างละเอียด
นางจำได้ว่า ในตอนนั้นกลไกอยู่รอบๆ แท่นบรรทม ทว่าเวลาผ่านมานานจนนางลืมไปเสียสนิท ตอนนี้จึงไม่ทราบว่ากลไกอยู่ตรงจุดใดแน่
ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังหาไม่พบ เสียงรอบนอกตำหนักดังใกล้เข้ามาทุกที หลายครั้งหลายคราก็มีคนเดินผ่านมาทางห้องบรรทม พวกนางกลัวว่าจะมีผู้ใดเข้ามาพบก่อนที่จะหากลไกทางลับเจอ
“หรือว่าตอนที่ปรับปรุงใหม่ ช่องทางถูกปิดตายไปแล้ว? ” แม่นมจูถามขึ้น
“ไม่แน่นอน” แม้ฮองเฮาจะไม่ทราบถึงเหตุการณ์ในปีนั้น แต่กลับกล้ายืนยันพูดว่า “ตามนิสัยของเยี่ยเซิน หากรู้ว่ามีทางลับอยู่ที่นี่ เขาไม่มีทางทำลายทิ้ง เขาจะต้องใช้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน”
นี่เป็นหนทางที่สามารถปกปิดการกระทำและแผนลับต่างๆ ไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ และแสดงพฤติกรรมภายนอกให้ผู้อื่นเกิดข้อสงสัยจนฝ่ายตรงข้ามหลงกล หากผู้อื่นต้องการขุดคุ้ยคงยากที่จะทำได้สำเร็จ เยี่ยเซินเป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูง เขาต้องใช้ประโยชน์จากเส้นทางลับนี้แน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดเส้นทางนี้
ไม่รู้ว่าแม่นมเจิ้งไปสัมผัสโดนสิ่งใดเข้า แท่นบรรทมที่อยู่ด้านข้างพลันเกิดการเคลื่อนไหว ตรงกลางแท่นบรรทมเปิดออก เสียงเคลื่อนที่ของกลไกดังขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเส้นทางแคบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“เป็นที่นี่แน่นอน” แม่นมเจิ้งพูดด้วยความดีใจ
“ฮองเฮา บ่าวจะประคองท่านเข้าไปก่อนเพคะ” แม่นมจูพูด
ฮองเฮาพยักหน้า เดินเข้าไปพร้อมกับแม่นมจู
แม่นมเจิ้งจัดระเบียบสิ่งของบนเตียงให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม เพื่อไม่ให้ผู้ใดดูออกว่าเคยมีคนแตะต้อง จากนั้นจึงเดินตามเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วก็หากลไกในเส้นทางลับเพื่อปิดประตู
ทางเดินภายในเส้นทางลับนั้นแคบมาก ทั้งยังมืดสนิท โชคดีที่ปากทางเข้ามีคบเพลิงวางไว้ แม่นมเจิ้งจุดไฟที่คบเพลิงและเดินนำทางทุกคน
“ฮองเฮากล่าวไว้ไม่มีผิด เส้นทางลับนี้ไท่จื่อทรงซ่อมแซมจนสมบูรณ์ และเคยใช้ประโยชน์จากมันมาก่อน ในปีนั้นพวกเราปิดกั้นเส้นทางลับนี้ ตามหลักการแล้วไม่ควรเป็นเช่นนี้”
“ไม่รู้ว่าทางออกของเส้นทางลับนี้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หากหลบหนีออกไปได้โดยง่ายก็คงดี แต่ถ้าทางออกของเส้นทางลับเป็นสถานที่ที่ยุ่งยาก เกรงว่าคงออกไปได้ไม่ง่ายนัก”
“เดินออกไปก่อนเถิด! เรือมาถึงปากทางออกย่อมต้องมีทางไป [1] ครั้งนี้สวรรค์ต้องเข้าข้างพวกเรา เรื่องราวยุ่งยากต่างๆ ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ยังกลัวเส้นทางลับเล็กๆ ที่ไม่มีทางออกอีกหรือ? ”
“แม่นมจู เจ้าพูดอันใด? ” จู่ๆ แม่นมเจิ้งก็หยุดเดิน นางขมวดคิ้วถามแม่นมจู
แม่นมจูไม่เข้าใจว่าแม่นมเจิ้งต้องการสิ่งใด แต่นางก็ยังพูดย้ำประโยคเดิม “ข้าพูดว่า ยังกลัวเส้นทางลับเล็กๆ ที่ไม่มีทางออกอีกหรือ? ”
“ไม่ใช่ ประโยคหน้า”
“ประโยคหน้าหรือ? ” แม่นมจูสงสัยเล็กน้อย
ฮองเฮาราวกับคิดอันใดได้เช่นกัน นางพูดย้ำประโยคก่อนหน้านี้ของแม่นมจูอีกครั้ง “นางพูดว่า… เรื่องราวยุ่งยากต่างๆ ก็ผ่านมาได้ด้วยดี”
“ใช่ ประโยคนี้” แม่นมเจิ้งขมวดคิ้ว “พวกเจ้าไม่รู้สึกหรือว่า เรื่องของพวกเราในคืนนี้ราบรื่นจนเกินไป? ”
“ทำไม เจ้าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่พออีกหรือ? พวกเราผ่านเรื่องอันตรายมาหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ? ” แม่นมจูความคิดค่อนข้างช้า นางจึงไม่เข้าใจนัก
แม่นมเจิ้งกับฮองเฮาสบตากันพลางพูดว่า “โยวอ๋องไม่เหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป พวกเราสามารถปิดบังเขาได้ง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”
“ฮองเฮา เรื่องที่พบโยวอ๋องหน้าประตูตำหนักจ้งหวา ทำให้บ่าวใจคอไม่ดีมาตลอดทาง บ่าวมีความรู้สึกว่า ในตอนนั้นองครักษ์ไม่ได้พบกับพวกเราโดยบังเอิญ ทว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เรื่องที่บ่าวกับแม่นมจูเข้ามาช่วยเหลือท่าน เขาต้องรู้เรื่องทั้งหมดแล้วแน่นอนเพคะ”
“ยิ่งไปกว่านั้น โยวอ๋องคงมองออกแล้วว่าข้าแปลงโฉมมาเช่นกัน” ฮองเฮาพูดอย่างมั่นใจ
คำพูดของแม่นมเจิ้งกับฮองเฮา ทำให้แม่นมจูตกใจมาก
“พวกเจ้า… สิ่งที่พวกเจ้าพูดมาทำให้ข้าตกใจ หากเป็นเช่นนั้นจริง ตอนนี้พวกเรายังสามารถอยู่ในที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยอีกหรือ? ”
แม่นมเจิ้งกับแม่นมจูสบตากัน
แม่นมเจิ้งไม่พูดอันใด ฮองเฮาพูดขึ้นว่า “นี่คงเป็นเรื่องที่โยวอ๋องทรงพระปรีชา ทั้งยังเป็นจุดที่น่ากลัวมากของเขา บางทีเขาอาจมีเป้าหมายอื่นอีก”
“เป้าหมายอื่นหรือ? โยวอ๋องจะมีเป้าหมายอันใดอีก? ในเมื่อตอนนั้นเขาจับพิรุธพวกเราได้แล้ว เพียงจับตัวพวกเจ้าไปก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือ? เหตุใดต้องเสียเวลาด้วยเพคะ? ”
แม่นมเจิ้งมองแม่นมจูด้วยสายตาดุดัน “เจ้าช่างโง่จริงๆ ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้มีชีวิตรอดอยู่ในวังได้อย่างไร? หากในตอนนั้นโยวอ๋องจับพวกเราแล้วจะมีประโยชน์อันใด? โยวอ๋องต้องมีแผนอื่นแน่นอน”
“มีแผนอื่น? เขาคิดจะวางแผนอันใดกับพวกเราหรือ? ”
“ใครจะไปรู้เล่า? ” แม่นมเจิ้งปกปิดความคิดแปลกประหลาดไว้ภายใต้แววตา “ในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเราคือ พาฮองเฮาไปส่งถึงมือพระชายาโยวอ๋องอย่างปลอดภัย จากนั้นก็กินยาถอนพิษ ขอเพียงมีชีวิตรอด เรื่องอื่นล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา”
“ใช่ พวกเรารีบไปกันเถิด! ” แม่นมเจิ้งไม่ต้องการนึกถึงเรื่องอื่นอีกแล้ว
ฮองเฮารู้สึกว่า แม่นมเจิ้งต้องรู้อันใดบางอย่างแน่นอน ทว่านางไม่ต้องการถามให้มากความ ทำเพียงเดินตามแม่นมเจิ้งกับแม่นมจูออกไปโดยไม่พูดอันใดอีก
ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นแสงสว่างอยู่ด้านหน้า
“มีทางออก” แม่นมจูพูดอย่างดีใจ
“ชู่ว… ” แม่นมเจิ้งรีบปิดปากแม่นมจูทันที
ตรงนี้อยู่ใกล้กับทางออก หากบริเวณทางเข้าหรือทางออกเป็นเหมือนกัน ตรงนี้ก็อาจเป็นห้องของใครบางคน เสียงของพวกเราอาจทำให้ผู้อื่นได้ยินได้
แม่นมจูล่วงรู้ จึงเงียบปากในทันที
แม่นมเจิ้งเป่าคบเพลิงให้ดับ ทั้งสองค่อยๆ เดินไปที่ทางออกอย่างเงียบเชียบ ด้วยความระมัดระวัง
ยิ่งพวกนางเดินเข้าใกล้ทางออกมากเท่าใด แสงจากด้านหน้าก็ยิ่งสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ บริเวณโดยรอบยิ่งสว่างมากขึ้น
ทว่าในขณะเดียวกัน เสียงที่ไม่น่าฟังเท่าใดนักก็ดังขึ้นจากด้านนอกเส้นทางลับ
เสียงเสพสังวาส ครวญครางหอบกระเส่าของสตรีที่กำลังมีความสุขอยู่กับชายหนุ่ม ดังขึ้นเรื่อยๆ
……
เชิงอรรถ
[1] เรือมาถึงปากทางออกย่อมต้องมีทางไป สุภาษิตจีน ใช้ในความหมายเชิงอุปมาว่า ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก