สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 10 ตอนที่ 282 ยกขึ้นมาเปรียบเทียบกันไม่ได้
ทว่าขณะที่เข็มเหมันต์เทวะในมือของซูจิ่นซีกำลังจะแทงไปที่ลำคอของกูสือซาน ราวกับกูสือซานมีดวงตาด้านข้าง เขาหันหลังกลับมาอย่างรวดเร็ว และชักดาบกดไปบนคอของซูจิ่นซีอีกครั้ง
“แม่นาง ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องเล่นลูกไม้นี้กับข้า”
คิดไม่ถึงว่ากูสือซานจะมีแผนรับมือ เขาไม่ได้เชื่อซูจิ่นซีตั้งแต่แรก
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น
“เพียงเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยยังกล้าทำร้ายข้า อย่าให้มันมากนัก! ” กูสือสานพูดพลางใช้มือข้างหนึ่งสกัดจุดซูจิ่นซี
จงเหมยจวงคิดจะเคลื่อนไหว แต่ก็ถูกกูสือซานสกัดจุดไว้เช่นกัน
กูสือซานแบกซูจิ่นซีไว้บนไหล่ ก่อนจะเดินออกไป เขาพูดกับจงเหมยจวงที่อยู่ในรถม้าและมองตามด้านหลังของเขาด้วยเสียงหยิ่งทะนงว่า “บอกโยวอ๋องของพวกเจ้า หากต้องการตัวซูจิ่นซี ก็เอาอาณาเขตแคว้นจงหนิงมาแลกกับข้า ฮ่าฮ่าฮ่า… ”
เมื่อเยี่ยโยวเหยาเร่งตามมาถึงตำบลผูหลิว ซูจิ่นซีก็ถูกกูสือซานจับตัวไปแล้ว
เยี่ยโยวเหยาคลายจุดให้จงเหมยจวง แววตาของเขาเย็นชาจนทำให้ผู้คนตกใจ แม้หิมะด้านนอกจะเหน็บหนาว ทว่าลมหายใจจากร่างของเขากลับหนาวเหน็บยิ่งกว่า ทำให้ความอบอุ่นภายในรถม้าสลายหายไป
“ซูจิ่นซีไปที่ใด? ”
จงเหมยจวงเอ่ยปากพูดอย่างเชื่องช้า “โยวอ๋อง ซูจิ่นซีถูกคนจับตัวไปแล้ว”
“ผู้ใด? ”
ทันใดนั้น ลมหายใจของเยี่ยโยวเหยาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น จงเหมยจวงตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาหวาดกลัว และพูดว่า “ข้าได้ยินซูจิ่นซีเรียกคนผู้นั้นว่า กูสือซาน”
“กูสือซาน? ”
เยี่ยโยวเหยาเอ่ยสามคำนี้ออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร
ในใจของจงเหมยจวงครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่ายังไม่ได้บอกเยี่ยโยวเหยา “โยวอ๋อง คนผู้นั้นยังพูดอีกว่าหากต้องการช่วยซูจิ่นซี ให้ท่านนำแผ่นดินแคว้นจงหนิงไปแลกเปลี่ยน! ”
หิมะโปรยปราย ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปด้วยความขมขื่น เนื่องจากท้องฟ้ามืดลงเล็กน้อย จงเหมยจวงจึงมองความรู้สึกบนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาไม่ชัดเจนนัก
ทว่านางได้ยินน้ำเสียงเย็นชาและแดกดันของเยี่ยโยวเหยาอย่างชัดเจน “หึ สตรีของข้า แท้จริงแล้วสามารถเทียบกับแคว้นทั้งแคว้นได้ทีเดียว”
จงเหมยจวงตกตะลึงในทันที นางไม่เข้าใจความหมายในคำพูดเยี่ยโยวเหยานัก ทว่าความหมายโดยคร่าวๆ ที่นางเข้าใจคือ ซูจิ่นซีกับแคว้นไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
ทว่าในใจของโยวอ๋องเห็นแคว้นสำคัญกว่า หรือเห็นซูจิ่นซี สตรีนางนั้นสำคัญกว่ากันแน่?
หากวันหนึ่งมีคนเอาชีวิตของซูจิ่นซีมาข่มขู่ให้เขาปล่อยวางแว่นแคว้นจริงๆ เขาจะเลือกสิ่งใด?
จงเหมยจวงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหตุใดในใจของนางจึงมีคำถามเช่นนี้ ทว่าไม่นาน นางก็ไม่มีจิตใจนึกถึงเรื่องพวกนี้อีก เพราะดวงตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยากวาดมองมาที่นาง เขาออกคำสั่งเสียงเย็นชากับองครักษ์เงาที่อยู่ด้านหลังว่า “คุมตัวกลับไปวิหารวิญญาณ”
องครักษ์เงารีบเข้ามาขับรถม้าทันที
จงเหมยจวงไม่รู้ว่ามู่หรงอวิ๋นเกออยู่ในมือของเยี่ยโยวเหยาแล้ว นางกอดโครงรถม้าไว้แน่น พลางพูดอย่างร้อนใจว่า “ไม่ เยี่ยโยวเหยา ท่านจับข้ากลับไปเช่นนี้ไม่ได้ ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอีก”
เรื่องสำคัญมากของนางคือ การรอมู่หรงอวิ๋นเกอ ตอนที่นางตัดสินใจดื่มยาแสร้งตายที่ซูจิ่นซีให้นั้น นางได้ตัดสินใจละทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรีของฮองเฮา ละทิ้งหน้าที่ของตน และละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง นางต้องการหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับอวิ๋นเกอ
หากวันนี้ยังไม่ได้พบกับมู่หรงอวิ๋นเกอ นางจะไม่ไปจากที่นี่แน่นอน
อย่างน้อยนางต้องการแน่ใจว่า ตอนนี้มู่หรงอวิ๋นเกอเป็นตายอย่างไร
น่าเสียดาย คำสั่งของเยี่ยโยวเหยาหนักแน่นดั่งภูเขา ไม่ยอมให้นางขัดขืน
องครักษ์เงาสกัดจุดจงเหมยจวงและคุมตัวนางไว้ในรถม้า ก่อนจะขับรถม้าออกไปทันที
จงเหมยจวงทำได้เพียงนอนอยู่บนรถม้าอย่างไม่เต็มใจนัก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างมองไปยังผ้าม่านรถม้าที่โบกสะบัดตามสายลม อ้อนวอนขอร้องเยี่ยโยวเหยาที่ไร้ความปรานี
น่าเสียดายที่เยี่ยโยวเหยามองไม่เห็น แม้จะมองเห็น เขาก็ไม่สนใจ
ความอ่อนโยนของเขา ความเมตตาของเขา ข้อยกเว้นของเขา ชีวิตนี้มีให้ซูจิ่นซี สตรีนางนี้ผู้เดียวเท่านั้น
องครักษ์เงาพาจงเหมยจวงจากไปแล้ว เยี่ยโยวเหยากระโดดขึ้นบนม้า กำลังจะไล่ตามกูสือซานไป ทันใดนั้นทางด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้น
เยี่ยโยวเหยาหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา เขาเห็นจอมวายร้ายไป๋เฉ่าในชุดสีแดง และบุรุษผู้หนึ่งที่สวมชุดสีขาวนวลจันทร์
“รนหาที่ตาย! ” เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงเย็นชา
“จะว่าไป เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับเจ้า ทว่าวันนี้ ข้าต้องการสตรีในรถม้าผู้นี้ หากเจ้าไม่ยอมมอบให้ พวกเราคงต้องต่อสู้กันสักยก ก่อนหน้านี้ข้าสู้กับเจ้าไม่ชนะ ทว่าวันนี้ข้ามีผู้ช่วยมาด้วยอีกคน เพื่อผลัดกันต่อสู้กับเจ้า”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดพลางชี้ไปที่ชายในชุดขาวนวลจันทร์ด้วยท่าทางวางอำนาจยิ่งนัก
คนผู้นี้คือมู่หรงฉี แม้เขาจะสวมหน้ากากไว้บนใบหน้า ทำให้เยี่ยโยวเหยามองไม่ชัดว่าเขามีหน้าตาเช่นไร แต่ดูจากกำลังภายใน สามารถตัดสินได้ว่า วรยุทธ์ของคนผู้นี้ไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดอันใด เขาค่อยๆ ชักกระบี่ปลายอ่อนออกจากเอว ชี้ปลายกระบี่ไปบนพื้น แสดงท่าทางราวกับว่า ‘ใครขวางข้า ต้องตาย’
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าก็ไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน เขานำแส้ยาว อาวุธของตนออกมา พลางฟาดแส้ยาวกลางอากาศ ทำให้หิมะที่อยู่บนพื้นลอยขึ้นมา มู่หรงฉีใช้กระบี่เช่นกัน แม้เขาจะยืนอยู่ด้านหลังจอมวายร้ายไป๋เฉ่า มือข้างหนึ่งไพล่หลัง ส่วนมืออีกข้างจับกระบี่ยาวไว้ในมือ และชี้กระบี่ลงบนพื้นในท่าเตรียมพร้อม เขาไม่ได้วางมาดเหมือนจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทว่ากลับดูแข็งแกร่งกว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเล็กน้อย
องครักษ์เงาที่ยืนอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยาต่างจ้องเขม็งด้วยท่าทางขึงขัง
“เยี่ยโยวเหยา หากมีความสามารถ วันนี้ก็มาต่อสู้กันตัวต่อตัว สั่งให้เหล่าสุนัขรับใช้ของเจ้าถอยออกไป” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูด
เยี่ยโยวเหยาดวงตาจดจ้อง “พวกเจ้าทั้งหมดถอยไป! ”
สิ้นเสียงคำพูดของเยี่ยโยวเหยา องครักษ์เงาทั้งหมดก็ถอยออกไปทันที
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าสะบัดแส้ยาวในมือโจมตีเยี่ยโยวเหยา ไม่นานนักทั้งสามคนก็ปะทะกันชุลมุนหลายกระบวนท่า
ในตอนเริ่มต้น เพลงกระบี่ของเยี่ยโยวเหยามีพลังล้นเหลือและเหนือกว่า ทว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าใช้พิษสลับไปมา มู่หรงฉีก็บุกต่อเนื่องอย่างไม่ยอมลดละ เยี่ยโยวเหยาต้องป้องกันพิษจากจอมวายร้ายไป๋เฉ่า และต้องรับมือกระบวนท่าต่อสู้ของทั้งสอง ทำให้เขาเสียเปรียบอยู่พอสมควร
องครักษ์เงาทำงานเป็นเงาปกป้องเยี่ยโยวเหยา พวกเขาไม่สามารถนั่งมองเยี่ยโยวเหยาถูกรุมโจมตีโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้ ดังนั้นจึงปรากฏตัวยืนอยู่ด้านหน้าเยี่ยโยวเหยาอย่างพร้อมเพรียง
“ถุย! ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าสบถด่า “เยี่ยโยวเหยา เจ้ามันเชื่อใจไม่ได้”
“การต่อสู้ของเจ้าก็ใช่ว่าจะเปิดเผยตรงไปตรงมา”
แม้เยี่ยโยวเหยาจะร้ายกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถรับมือจากทั้งสองคนที่ขนาบโจมตีทั้งซ้ายขวา และหนึ่งในนั้นยังแอบใช้พิษอีกด้วย!
เขาไม่รู้เรื่องวิชาพิษแม้แต่น้อย
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้สั่งให้องครักษ์เงาถอยไป พวกเขายืนต่อสู้อยู่ด้านหน้าเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาตั้งใจโจมตีไปที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าโดยเฉพาะ
ทว่าครั้งนี้เยี่ยโยวเหยาลงมืออย่างไร้ความปราณี แท้จริงแล้ว เมื่อเยี่ยโยวเหยาลงมือกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ก็ไม่เคยปราณีมาก่อน
คลื่นเสียงหวีดหวิวของแส้ยาวในมือจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ฟาดใส่เยี่ยโยวเหยาอย่างต่อเนื่อง เยี่ยโยวเหยากวัดแกว่งกระบี่แปรผันไร้ทิศทางเข้าโจมตีจอมวายร้ายไป๋เฉ่า แต่ละกระบวนท่ามุ่งเน้นสังหาร จอมวายร้ายไป๋เฉ่าทำได้เพียงปัดป้องเยี่ยโยวเหยาที่พุ่งเข้าโจมตีอย่างไม่ลดละ
“บัดซบ! ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าสบถด่าเสียงต่ำ แส้ยาวของเขาถูกผ่ากลาง แววตาของเยี่ยโยวเหยาจ้องเขม็ง จากนั้นก็โจมตีไปที่หว่างคิ้วของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าอย่างรวดเร็ว