สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 10 ตอนที่ 285 พิษเจ็ดวันสลายวิญญาณ
เยี่ยโยวเหยารีบสกัดจุดตนเอง เพื่อระงับพิษไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายชั่วคราว
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ามีความสามารถในการถอนพิษ ดังนั้นเขากับมู่หรงฉีจึงไม่ถูกพิษ เขามองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาลำพองใจ
ไม่รู้ว่ามู่หรงฉีหยิบยาถอนพิษออกมาจากตัวจอมวายร้ายไป๋เฉ่าตั้งแต่เมื่อใด เขายื่นยาถอนพิษให้เยี่ยโยวเหยา พลางพูดว่า “โยวอ๋อง นี่คือยาถอนพิษ ท่านรีบทานก่อนเถิด! ข้างหน้าอาจมีอุปสรรคที่ยุ่งยากกว่านี้ สุดท้ายยังต้องใช้วรยุทธ์รับมือ”
เยี่ยโยวเหยายังคงแสดงท่าทีเกรงใจต่อฉีอ๋องแห่งแคว้นหนานหลี “ไม่ต้อง ขอบใจท่านมาก! ” จากนั้นเยี่ยโยวเหยาก็เดินเข้าไปด้านในตำหนักหุบผาราชันพิษ
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ารีบชิงยาถอนพิษกลับมาจากมือของมู่หรงฉี “จะว่าไป เจ้าทำเช่นนี้ผิดหลักคุณธรรมยิ่งนัก! ยืมดอกไม้ถวายพระก็พอทำเนา ยังมีใจช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามอีก เจ้าเป็นพี่น้องกับใครกันแน่? ”
มู่หรงฉีเห็นท่าทางไร้เหตุผลของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างเสียมิได้ และเดินตามเยี่ยโยวเหยาเข้าไป
“เฮ้… เจ้าฉี เจ้ามาประคองข้าหน่อยสิ! เจ้าจะรีบเดินไปที่ใด! รอข้าด้วย! ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่ายกมือจับหน้าอก ก่อนจะเดินไล่ตามมู่หรงฉีไป
ในเวลานี้ ซูจิ่นซีถูกกูสือซานคุมขังไว้ในตำหนักหุบผาราชันพิษ ทว่าไม่ใช่สถานที่ที่ซูจิ่นซีเคยมาก่อนหน้านี้ เพราะสถานที่นั้นถูกเยี่ยโยวเหยาทำลายหมดแล้ว
ตอนที่เข้ามา กูสือซานปิดตาทั้งสองข้างของซูจิ่นซี แต่เขาไม่รู้ว่า ซูจิ่นซีมีอาคมกำไลปี่อั้น ทำให้การฟังของนางฉับไวกว่าคนปกติมาก การปิดตาจึงไม่สามารถปิดกั้นซูจิ่นซีจากการวิเคราะห์เสียงตลอดเส้นทางเดิน และตำแหน่งทางเข้าของสถานที่แห่งนี้
ตำแหน่งของพวกเขาในตอนนี้ อยู่ห่างจากปากถ้ำด้านล่างหุบเขาราชันพิษที่ซูจิ่นซีเคยมาราวสามเท่า
ระหว่างทางที่ผ่านมายังมีสิ่งกีดขวาง เช่น เขาวงกต หนูพิษ หมอกพิษ ยุงพิษ
ผู้ที่ไม่มีวิชาพิษ เมื่อรุกล้ำเข้ามาย่อมเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ในมุมหนึ่ง ซูจิ่นซีหวังว่าเยี่ยโยวเหยาจะมาช่วยชีวิตนาง แต่อีกมุมหนึ่ง นางกลับหวังว่าเยี่ยโยวเหยาจะไม่มา เพราะเขาไม่รู้เรื่องพิษแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าพิษที่มีอยู่ตลอดเส้นทางตั้งแต่ปากถ้ำจนถึงตำหนัก ทั้งกูสือซานยังเปลี่ยนชนิดพิษที่ใช้ตรงหน้าผาทางเข้าหุบเขาใหม่ทั้งหมด หากเยี่ยโยวเหยาไม่พาผู้ชำนาญด้านพิษมาด้วย คงยากที่จะลงมาถึงก้นหุบเขาได้
แต่ซูจิ่นซีไม่รู้ว่า ที่จริงเยี่ยโยวเหยาเดินทางมาถึงแล้ว และเป็นดั่งที่นางคาดไว้ เยี่ยโยวเหยาถูกพิษระหว่างทางที่ลงมาจากหน้าผา
ซูจิ่นซีค่อยๆ หลับตาลง หวนนึกถึงระหว่างทางที่กูสือซานพานางมา นางได้ยินอะไรบ้าง ระบบถอนพิษตรวจพบอะไรบ้าง ทันใดนั้น ประตูหินห้องลับก็เปิดขึ้น
ซูจิ่นซียังไม่เปิดเปลือกตาขึ้น ทำเพียงนั่งอย่างสงบ ทว่านางกลับได้ยินเสียงของซูอวี้
“พี่จิ่นซี”
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้น เห็นกูสือซานกับลูกสมุนของเขานำตัวซูอวี้เข้ามา
“พระชายาโยวอ๋อง ข้ารู้ว่าลงมือกับท่านไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นจึงได้เชิญน้องชายของท่านมาด้วย เป็นเช่นไร ญาติสนิทพบกันอีกครั้ง ดีใจหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีไม่มีท่าทีหุนหัน นางขมวดคิ้วถาม “กูสือซาน เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่? ”
กูสือซานไม่รีบร้อนตอบคำถามซูจิ่นซี แต่กลับยกมือเรียกคนที่อยู่ด้านหลัง
ทันใดนั้นก็มีคนแบกกระทะน้ำมันเข้ามาหนึ่งใบ และขาตั้งอีกหนึ่งอัน
ไม่นานนักก็ประกอบขาตั้งกับกระทะน้ำมันเสร็จ เดิมทีน้ำมันในกระทะถูกตั้งไฟร้อนจัดจนเดือดปุดๆ มาก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าองครักษ์พิษของกูสือซานยังคงจุดไฟที่ด้านล่างกระทะน้ำมันอีกครั้ง ทำให้ดวงไฟลุกโชน
“ใครก็ได้ มานี่! เชิญคุณชายน้อยสกุลซูขึ้นไปบนกระทะน้ำมันที” กูสือซานโบกมือเรียกลูกน้องสองคนให้มัดมือมัดเท้าซูอวี้ และแขวนซูอวี้ไว้ด้านบนกระทะน้ำมัน
ศีรษะของซูอวี้อยู่ห่างจากน้ำมันเดือดเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น
จนถึงตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ซูจิ่นซีจะไม่รู้ว่า กูสือซานต้องการทำอันใด
“มีเงื่อนไขอันใดก็เอ่ยปากมาตามตรง ไยต้องทำร้ายเด็กด้วยเล่า! ”
กูสือซานหัวเราะคำโต และพูดว่า “ซูจิ่นซี เจ้าช่างใจเด็ดเสียจริง ข้ามีเงื่อนไขไม่มาก เพียงเจ้าช่วยถอนพิษให้ข้าก็เท่านั้น”
พิษที่ซูจิ่นซีใช้กับกูสือซานนั้น แม้กูสือซานจะให้หมอพิษจำนวนมากมาช่วยกันถอนพิษ ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถปรุงยาถอนพิษออกมาได้
แม้การกลับไหวเจียงอาจมีวิธีถอนพิษ ทว่าตอนนี้เขายังกลับไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีหนึ่งขึ้นมา คือการจับตัวซูจิ่นซี และใช้ซูอวี้บีบบังคับให้ซูจิ่นซีมอบยาถอนพิษให้เขา
ซูจิ่นซีหัวเราะออกมาคำโต ไม่เพียงหัวเราะดังกว่ากูสือซานเมื่อครู่เท่านั้น เสียงหัวเราะของนางยังแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน
“ข้าว่านะ กูสือซาน ท่านเป็นถึงราชครูแห่งแคว้นไหวเจียง ผู้กุมอำนาจไว้ในมือ ทว่าท่านมีความสามารถเพียงเท่านี้เองหรือ? ท่านเก่งกาจนักไม่ใช่หรือ? ทั้งยังมีเหล่าสมุนหมอพิษอีกมากมาย แต่พวกเขาล้วนเป็นเพียงสวะ ไร้ประโยชน์”
ใบหน้าของกูสือซานเปลี่ยนเป็นถมึงทึง เขากัดฟันกรอด ชี้นิ้วไปทางซูอวี้ “ทอดมือทั้งสองของเจ้าเด็กคนนี้ก่อน”
องครักษ์พิษดึงมือของซูอวี้ที่ถูกมัดไว้ แขวนเป็นแนวตั้งกับกระทะน้ำมัน จากนั้นก็ค่อยๆ ลดเชือกที่มัดเท้าของซูอวี้ลงมา
เมื่อเห็นมือทั้งสองข้างของตนอยู่ห่างจากผิวน้ำมันเพียงครึ่งเมตร ทว่าซูอวี้ไม่ส่งเสียงร้องขอชีวิตแม้แต่น้อย เขากลับตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “พี่จิ่นซี อวี้เอ๋อร์ไม่กลัว อวี้เอ๋อร์ไม่กลัว! ”
ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏความตื่นตระหนก นางรีบพูดกับกูสือซานว่า “ตกลง เพียงถอนพิษไม่ใช่หรือ? เจ้าปล่อยซูอวี้ก่อน”
ขณะที่มือทั้งสองข้างของซูอวี้อยู่ห่างจากผิวน้ำมันเพียงหนึ่งในสาม กูสือซานก็ยกมือขึ้น องครักษ์พิษจึงหยุดการเคลื่อนไหวได้พอดิบพอดี
กูสือซานแย้มยิ้ม แสดงท่าทีไม่ต้องการเสียเปรียบ “ถอนพิษก่อน! ”
ซูจิ่นซีกัดฟันกรอด “ตกลง! ”
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางไม่ต้องการเอาชีวิตของซูอวี้มาทำการต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น เพียงถอนพิษเท่านั้น นางไม่ได้เสียหายอันใด
ยิ่งไปกว่านั้น… นางถอนพิษให้ก็เรื่องหนึ่ง นางหาวิธีถอนพิษได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง และนางสามารถถอนพิษได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน
“เจ้าต้องการสิ่งใด? ” กูสือซานถามด้วยความดีใจ
“ข้าขอตรวจชีพจรก่อน”
กูสือซานลังเลเล็กน้อย
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเย้ยหยัน “ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่ไม่เป็นวรยุทธ์ หรือว่าราชครูอย่างท่านจะกลัวข้า? ”
กูสือซานเดินเข้าไป พลางยื่นมือให้ซูจิ่นซีโดยไม่คิดลังเลอีก
เป็นเหมือนทุกครั้งก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีทำการตรวจชีพจร และตรวจสอบพิษ เพื่อปกปิดไม่ให้เห็นพิรุธเท่านั้น ความเป็นจริง ระบบถอนพิษได้วิเคราะห์ข้อมูลการถอนพิษไว้หมดแล้ว
“จะถอนพิษนี้ทั้งหมดในคราเดียวคงไม่ได้” ซูจิ่นซีพูด
กูสือซานไม่เชื่อ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง “พิษของเจ้า ทว่าเจ้ากลับไม่สามารถถอนพิษได้ ผู้ใดจะเชื่อ? อย่าคิดล้อเล่นกับข้า”
ซูจิ่นซีแสดงท่าทีไม่แยแส นางพูดว่า “เชื่อหรือไม่สุดแล้วแต่เจ้า สถานการณ์ในตอนนั้นคับขันมาก ข้าหยิบพิษออกมาได้ก็สาดออกไปส่งเดช ไม่รู้ว่าใช้พิษอันใด และไม่แน่ใจว่าใช้ไปมากน้อยเพียงใด”
“นี่คือพิษอันใด”
“พิษเจ็ดวันสลายวิญญาณ”
“เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อพิษชนิดนี้มาก่อน”
แน่นอนว่าต้องไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะมันเป็นพิษในยุคปัจจุบัน ทั้งซูจิ่นซียังตั้งชื่อเรียกขึ้นมาตามใจชอบ
ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้อธิบายกับกูสือซานให้มากความ นางเพียงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
“เจ้ายิ้มอันใด”
“ยิ้มเยาะที่เจ้าเป็นเหมือนกบในกะลา! ” ใบหน้าของซูจิ่นซีแสดงความสะใจอย่างยิ่ง
กูสือซานโมโหจนกัดฟันกรอด ทว่าเขาจำต้องอดทน “พูดจาไร้สาระให้น้อยหน่อย เริ่มถอนพิษเถิด! ต้องการตัวยาอันใด? ใช้เวลานานเท่าไรจึงขจัดพิษได้ทั้งหมด? ”