สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 10 ตอนที่ 288 แล้วแต่อารมณ์
องครักษ์พิษเห็นกูสือซานไม่พูดอันใด จึงไม่กล้าเข้าไปก้าวก่าย เหลือองครักษ์เพียงสองนายคอยเติมฟืน ส่วนที่เหลือออกไปยืนรอด้านนอก
ซูอวี้มองออกอยู่แล้วว่า ซูจิ่นซีไม่ได้ถอนพิษ
ทั้งหมดล้วนเป็นการจงใจกลั่นแกล้งกูสือซาน
สมุนไพรเหล่านี้ แม้เขาจะไม่ได้ดูอย่างละเอียด ทว่าพรสวรรค์ด้านสมุนไพรของเขาก็ไม่ด้อย เมื่อได้กลิ่นจึงรู้ในทันทีว่า สมุนไพรเหล่านี้เอาไว้ใช้ทำอะไร
เหตุผลประการแรก สมุนไพรเหล่านี้เป็นตัวยาที่แพงและล้ำค่ามาก การถอนพิษให้กูสือซาน ไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรที่หายากเช่นนี้ ทว่าพี่จิ่นซีกลับเลือกใช้ เพราะต้องการผลาญคลังสมบัติของกูสือซาน
เหตุผลประการที่สอง ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ เรื่องเหล่านี้จะว่าไปก็ดูลึกลับซับซ้อน
แม้สมุนไพรเหล่านี้จะมีราคาแพง ทว่าเมื่อนำมารวมกันย่อมให้ผลลัพธ์ที่เกินคาด ไอร้อนที่กระจายออกมา ทำขึ้นเพื่อดึงดูดฝูงผึ้งหยกโดยเฉพาะ เนื่องจากน้ำในหม้อต้มมีอุณหภูมิร้อนจัด ผึ้งหยกจึงไม่สามารถดูดน้ำจากหม้อโดยตรงได้ พวกมันทำได้เพียงดูดไอน้ำที่เกาะอยู่บนตัวของกูสือซาน ทว่าเข็มเงินเหล่านั้นที่พี่จิ่นซีฝังบนร่างของกูสือซาน กลับเคลือบสมุนไพรบางอย่างที่ทำให้ผึ้งหยกตื่นตัว หลังจากที่ผึ้งหยกดูดกินสมุนไพรที่ทำให้ตื่นตัวแล้ว พวกมันก็จะต่อยกูสือซานอย่างบ้าคลั่ง
กูสือซานในเวลานี้เหมือนจะหลับตา กัดฟันปิดปากจนสนิท ไม่มีเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย ทว่าซูอวี้กับซูจิ่นซีรู้อยู่แก่ใจ กูสือซานอดกลั้นไว้จนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ซูอวี้อดหันหน้าไปมองซูจิ่นซีไม่ได้ นอกจากสายตาที่เคารพและชื่นชม ภายในใจยังต้องการอัดกูสือซานให้สาสมสักครั้ง
ในอนาคตแม้จะทำให้ผู้ที่มีอำนาจขุ่นเคือง แต่ไม่ควรทำให้พี่สาวของเขาโกรธเคือง!
ผู้ใดกล้าดีทำให้นางโกรธเคือง ต้องแย่เป็นแน่!
ทว่าซูอวี้ไม่มีทางทำให้ซูจิ่นซีโกรธอยู่แล้ว!
หลังจากผ่านไปหลายชั่วยาม ผึ้งหยกที่เกาะอยู่บนร่างของกูสือซานก็ตายทั้งหมด พวกมันค่อยๆ หล่นลงไปในหม้อ ซูจิ่นซีจึงสั่งให้นำตัวกูสือซานลงมา ไอน้ำร้อนที่อบตัวเขา กอปรกับการถูกผึ้งหยกต่อยทั่วตัว ทำให้ร่างกายของกูสือซานบวมแดง เดิมทีเอวและหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้ออยู่บ้าง ตอนนี้กลับบวมเป่งเหมือนถังน้ำดีๆ นี่เอง โดยเฉพาะใบหน้าที่หล่อเหลา คิ้วดาบอันงดงาม เวลานี้บวมอืดเหมือนหมูไปเสียแล้ว
กูสือซานถูกผึ้งหยกต่อยจนเจ็บปวดไปทั้งตัว เขาพูดกับซูจิ่นซีด้วยเสียงสั่นเครือไร้เรี่ยวแรงว่า “ซูจิ่นซี ถอนพิษเสร็จแล้วใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีไม่ได้รีบตอบคำถาม นางคว้ามือกูสือซานขึ้นมาแสร้งทำท่าตรวจชีพจร ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแสดงท่าทางพอใจและพูดว่า “อืม ดีมาก วันนี้ผลออกมาใช้ได้ พรุ่งนี้ทำต่ออีกครั้ง”
พรุ่งนี้ทำต่อ?
กูสือซานเบิกตาโพลง ใบหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อซูจิ่นซี
“ซูจิ่นซี ที่แท้เจ้าไม่ได้ถอนพิษให้ข้า ข้าจะ… ข้าจะสังหารเจ้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์… ”
กูสือซานกำลังจะออกคำสั่งให้องครักษ์มาจับตัวซูจิ่นซี ซูจิ่นซีจึงแสร้งทำท่าทีราวกับผู้บริสุทธิ์ พูดว่า “ข้าพูดเมื่อไรว่า การถอนพิษจะทำเพียงครั้งเดียว? ”
ไม่เพียงเท่านั้น ตอนเริ่มต้นถอนพิษ ซูจิ่นซีเคยบอกไว้แล้วว่า พิษนี้จะถอนในคราเดียวไม่ได้
กูสือซานจ้องมองซูจิ่นซีด้วยสายตาเย็นชาอยู่พักใหญ่ ทว่ากลับมองไม่เห็นแววพิรุธใดๆ จากนางแม้แต่น้อย
“เมื่อไรจะถอนพิษสำเร็จ? ”
“ไม่รู้”
ดวงตาของกูสือซานเผยไอสังหาร ซูจิ่นซีพูดอีกครั้งว่า “ท่านจะรีบร้อนไปเพื่อการใด? ข้ามีวิธีถอนพิษอยู่แล้ว เพียงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ในหนึ่งวันต้องทำการกำจัดพิษหนึ่งครั้ง และตรวจผลการรักษาหลังจากถอนพิษ หากร่างกายท่านแข็งแรง และผลการรักษาออกมาดี ใช้เวลาเพียงสามถึงห้าวันก็ถอนพิษได้สำเร็จ หากท่านไม่ให้ความร่วมมือ อาจใช้เวลาสิบถึงสิบห้าวัน ข้าก็ไม่แน่ใจ”
นั่นต้องดูอารมณ์ของนางด้วย
“สิบถึงสิบห้าวันหรือ? ”
กูสือซานบีบคอซูจิ่นซีอย่างดุดัน “เชื่อหรือไม่ ข้าสามารถบีบคอเจ้าให้ตายได้ทันที”
“เชิญตามสบาย! อย่างไรเสีย หากข้าตายไปแล้ว พิษนี้ย่อมไม่มีทางถอนได้ ท่านก็ไม่รอดเช่นกัน”
กูสือซานกัดฟันกรอด ดวงตาทั้งสองของซูจิ่นซีเผยให้เห็นถึงความรังเกียจ “ท่านคิดว่าข้าอยากอยู่ในสถานที่เฮงซวยเช่นนี้นานสิบถึงสิบห้าวันหรือ? ข้าก็อยากถอนพิษให้ท่านได้เร็วกว่านี้”
กูสือซานปล่อยมือจากลำคอของซูจิ่นซี เขาไม่ต้องการพูดอันใดในเวลานี้ คนที่ถูกแขวนอยู่บนหม้อต้มเป็นเวลานาน แม้จะมีร่างกายแข็งแรงเพียงใด ก็ไม่มีทางอดทนไหว
เวลานี้เขาต้องการกลับไปพักผ่อนเสียหน่อย
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจ นางพูดเตือนว่า “ยังมีอีกเรื่อง พิษของผึ้งหยกและยาที่ฝังพร้อมกับเข็มเงิน ทั้งยังมีไอร้อนของยาในหม้อต้ม เมื่อผสมรวมกันแล้วจึงสามารถถอนพิษบนร่างของท่านได้ ข้ารู้ว่าท่านมีความสามารถในการถอนพิษของผึ้งหยก แต่ท่านไม่ควรถอนพิษของมัน ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้ล้วนสูญเปล่า”
ถอนพิษผึ้งหยกไม่ได้ด้วยหรือ?
เช่นนั้นเวลานอนคืนนี้ บาดแผลจากเหล็กในผึ้งหยกจะทำให้เขาเจ็บปวดทรมานเพียงใด!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กูสือซานก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว เขากัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น อยากจะบดขยี้ซูจิ่นซีให้แหลกละเอียด แต่ต้องอดทนไว้
หลังจากที่กูสือซานเดินออกไป องครักษ์พิษก็เข้ามาเก็บหม้อต้มยา และออกไปจากห้องศิลา
“พี่จิ่นซี ท่านร้ายกาจจริงๆ ” ซูอวี้กระซิบโดยคิดว่าคนข้างนอกไม่ได้ยินแน่นอน
ซูจิ่นซีเดินมาด้านข้างซูอวี้และพูดว่า “เจ้าดูออกทั้งหมดหรือ? ”
“อืม! ” ซูอวี้พยักหน้า
“ความจริงแล้ว กูสือซานไม่ได้เป็นคนโง่” ซูจิ่นซีพูดขึ้น “แม้เขาจะสงสัยว่าข้าตั้งใจกลั่นแกล้งเขา แต่เขาก็ไม่กล้าทำอันใดบุ่มบ่าม คงเกรงว่าข้าอาจใช้วิธีนี้ถอนพิษให้เขาจริงๆ หากเขาไม่เชื่อใจข้า พิษของเขาก็ไม่มีทางถอนได้อีกเลย”
กลยุทธ์นี้เรียกว่าสงครามจิตวิทยา
“ทว่าพี่จิ่นซี ท่านต้องระมัดระวังด้วยนะขอรับ”
“อืม”
ซูจิ่นซีพยักหน้า ดวงทั้งสองมองซูอวี้ที่ถูกมัดมือมัดเท้า บริเวณมือยังพอไหว แต่บริเวณขาเริ่มมีรอยช้ำเลือดที่ผิวหนัง เพราะต้องรับน้ำหนักตัวทั้งหมด
“อดทนอีกหน่อย พี่จะให้พวกเขาปล่อยเจ้าลงมาให้ได้”
แท้จริงแล้วซูอวี้เจ็บปวดทรมานที่สุด แต่ยังคงแสดงความเข้มแข็ง เขาเผยรอยยิ้มให้ซูจิ่นซีพลางพูดว่า “พี่จิ่นซี ท่านวางใจได้ อวี้เอ๋อร์ไม่เป็นอันใด อวี้เอ๋อร์ยังอดทนไหวขอรับ”
ซูจิ่นซีไม่พูดอันใดอีก นางป้อนอาหารและน้ำให้ซูอวี้ด้วยตนเอง
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ซูจิ่นซีนึกเสียใจที่ตนไม่เป็นวรยุทธ์
ชีวิตคนเราก็เหมือนต้นหญ้า ในสังคม คนที่แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด คนที่อ่อนแอย่อมถูกบดขยี้ดั่งมดปลวก การไม่รู้วรยุทธ์เป็นความด้อยค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ซูจิ่นซีสาบานกับตนเองอย่างมุ่งมั่นว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป นางจะหาโอกาสเรียนรู้วรยุทธ์ และจะต้องทำให้สำเร็จ!
“พี่จิ่นซี ท่านอ๋องจะมาช่วยพวกเราหรือไม่? ” ซูอวี้ถามขึ้นหลังจากทานอาหารที่ซูจิ่นซีป้อนให้หนึ่งคำ
เยี่ยโยวเหยาจะมาช่วยพวกเขาทั้งสองหรือไม่?
ซูจิ่นซีก็ไม่ทราบเช่นกัน ทั้งยังไม่แน่ใจว่า เยี่ยโยวเหยาทราบหรือไม่ว่านางถูกกูสือซานจับตัวมา
ตอนที่เดินทางมาถึงตำบลผูหลิวก่อนหน้านี้ นางมากับฮองเฮาและคนขับรถม้าอีกหนึ่งคนเท่านั้น
คนขับรถม้าถูกกูสือซานสังหารไปแล้ว ส่วนฮองเฮา…
ในเมื่อฮองเฮาออกมาจากพระราชวังแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่นางจะกลับเข้าไปอีก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่นางจะกลับไปแจ้งข่าวให้เยี่ยโยวเหยาทราบ นางคงได้พบกับหลวงจีนทุศีลแล้ว และคงหนีไปกับหลวงจีนทุศีลแล้วเช่นกันกระมัง?
นางจะบอกหลี่ซื่อเรื่องที่ซูจิ่นซีถูกลักพาตัวไปหรือไม่?
แม้หลี่ซื่อจะทราบข่าว ทว่าเขาจะไปแจ้งข่าวนี้กับเยี่ยโยวเหยาหรือไม่? เขาจะใจกล้าถึงเพียงนั้นหรือไม่?
หากหลี่ซื่อไปแจ้งข่าวกับเยี่ยโยวเหยา เรื่องที่เขาช่วยเหลือหลวงจีนทุศีลออกมาคงไม่สามารถปิดบังอันใดได้อีก
เยี่ยโยวเหยา… เขาคงไม่มาช่วยชีวิตพวกนาง!
ซูจิ่นซีทอดสายตามองแผ่นหินบนพื้นอยู่นาน ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอันใด
ซูอวี้ไม่อยากรบกวนซูจิ่นซี จึงไม่ส่งเสียงเรียก
แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีไม่รู้เลยว่า เวลานี้เยี่ยโยวเหยาไม่เพียงรู้เรื่องที่นางถูกกูสือซานจับตัวมาเท่านั้น เขายังเข้ามาในหุบผาราชันพิษเพื่อช่วยเหลือนาง ทว่าสิ่งที่เขาต้องเผชิญนั้นเลวร้ายยิ่งนัก