สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 10 ตอนที่ 295 หมูบินได้
แม้ซูจิ่นซีคิดจะป้องกันมาโดยตลอด ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เรื่องที่ควรจะเกิดก็ยังคงเกิดขึ้น
ขณะที่หมูน้อยกลไกบินเข้ามา กูสือซานใช้มือจับมันไว้
“นี่คือสิ่งใด? ”
เหล่าองครักษ์พิษประหลาดใจ ต่างมองด้วยความสงสัยเช่นกัน
พวกเขาเคยเห็นนกบินได้ ทว่าไม่เคยเห็นหมูบินได้ ทั้งยังทำจากไม้อีกด้วย
ซูจิ่นซีกังวลใจเป็นอย่างมาก นางกลัวว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะให้หมูน้อยกลไกนำคำพูดที่สำคัญอันใดมา และกูสือซานจะค้นพบกลไกเปิดฟัง
สมองของซูจิ่นซีครุ่นคิดอย่างฉับไว เมื่อนึกอันใดบางอย่างได้ ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นในทันที
“กูสือซาน จะให้ข้าถอนพิษให้ท่านก็ย่อมได้ และข้าก็เห็นด้วยที่จะไปอยู่ฝั่งแคว้นไหวเจียงของท่าน ถวายฎีกาแสดงความภักดีต่อฝ่าบาทของพวกท่าน อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ได้ทำเพราะท่าน แต่เป็นเพราะประมุขหลานของพวกท่านต่างหาก”
“ประมุขหลาน? ”
“ใช่ ประมุขหลาน! ” ซูจิ่นซีพูดอย่างหนักแน่น “ก่อนหน้านี้ตอนที่ผู้คุมกฎซิ่งกำลังจะตาย นางได้แนะนำประมุขหลานให้กับข้า สามารถกล่าวได้ว่า ข้าคือคนที่ผู้คุมกฎซิ่งเสียสละชีวิตเข้าไปเป็นสายลับในจวนโยวอ๋อง ท่านราชครู ท่านว่าผู้คุมกฎซิ่งมีบุญคุณต่อข้าใหญ่หลวงเช่นนี้ ข้าจะทรยศต่อเขา ทรยศต่อประมุขหลานแล้วมาอยู่ฝ่ายเจ้าได้หรือ? ”
กูสือซานค่อยๆ หรี่ตาลงแสดงอารมณ์ยากหยั่งถึง “เจ้าเป็นคนของหลานอวี่ ข้ากลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นจงหนิงจะมีบุคคลอย่างที่เจ้ากล่าวมา”
แน่นอนว่ากูสือซานต้องไม่เคยได้ยินมาก่อน คำพูดของซูจิ่นซีเมื่อครู่ ล้วนพูดตามข้อมูลบางส่วนของแคว้นไหวเจียงที่นางได้ฟังมาจากซิ่งหลิวหลีและทูตซ้ายชุดดำก่อนหน้านี้ ทั้งนางยังแต่งเรื่องขึ้นเองตามอำเภอใจ จุดประสงค์เพื่อดึงความสนใจของกูสือซานออกจากหมูน้อยกลไก
“เหตุใดท่านราชครูถึงไม่ทราบ ข้าก็ไม่ชัดเจนนัก แต่ตามที่ข้ารู้มาทั้งหมด ตอนนั้นที่ข้าเข้าร่วมกับประมุขหลาน ท่านราชครูอยู่ในช่วงที่ตัดขาดจากโลกภายนอก! ”
ซูจิ่นซีไม่เพียงแต่ดึงความสนใจของกูสือซานได้สำเร็จเท่านั้น นางยังยั่วยุราชครูแห่งแคว้นไหวเจียงกับหลานอวี่ซึ่งเป็นผู้นำแห่งนิกายห้าพิษให้แตกหักกัน
อำนาจส่วนใหญ่ในแคว้นไหวเจียงอยู่ในมือของราชครู กูสือซาน นิกายห้าพิษเป็นเพียงที่นับถือในแคว้นไหวเจียงเท่านั้น ทว่ายังต้องฟังคำสั่งจากราชครูโดยตรง หรือก็คือกูสือซานผู้พิชิตใต้หล้าด้วยคมดาบ
ทุกวันนี้ เจ้านิกายหลานอวี่แห่งแคว้นไหวเจียง ให้ซูจิ่นซีเป็นหมากตัวสำคัญอยู่ในแคว้นจงหนิง ทว่าไม่ยอมรายงานกับเขา ผู้ที่เป็นหัวหน้าโดยตรง คงยากที่กูสือซานจะไม่สงสัยเจ้านิกายห้าพิษ
อย่างไรก็ตาม ความจริงได้ยืนยันแล้วว่า ความเจ้าเล่ห์ของกูสือซานไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับรู้ได้ ความคิดของเขานั้นรอบคอบกว่าคนธรรมดามากนัก
“อ๋อ? เป็นเช่นนั้นหรือ? ข้าขอถามพระชายาโยวอ๋อง การที่เจ้าละทิ้งตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง แล้วหันไปพึ่งพิงนิกายห้าพิษแห่งแคว้นไหวเจียงของข้า มีประโยชน์อันใดกับเจ้า? ”
คนโง่ยังรู้ดีว่า ตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องเพียบพร้อมไปด้วยความสูงศักดิ์น่าเคารพยำเกรง ไม่เหมือนกับการเป็นสุนัขรับใช้ให้กับนิกายห้าพิษแห่งแคว้นไหวเจียง
ทว่าซูจิ่นซีกลับยกยิ้มมุมปาก เผชิญหน้ากูสือซานด้วยความสงบนิ่ง
“เช่นนั้นข้าขอถามท่านราชครู ข้าร่วมมือกับท่าน จะมีประโยชน์อันใด? ”
ก็ไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะสู้การเป็นพระชายาโยวอ๋องได้ไม่ใช่หรือ?
แววตาของกูสือซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ซูจิ่นซีแสดงสีหน้าเย็นชา พูดสำทับอีกครั้งว่า “ข้าขอพูดตามตรงไม่ปิดบัง กล่าวถึงสถานะของข้า ก็เป็นเพียงบุตรสาวของอนุสกุลซู ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นขยะแห่งวงการแพทย์ แม้ตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องจะสูงศักดิ์สักเพียงใด สำหรับข้าแล้วก็เป็นเพียงสิ่งจอมปลอมเท่านั้น ทว่าสิ่งที่ข้าต้องการ คือการอาศัยความสามารถด้านวิชาแพทย์ของตนจนกลายเป็นหนึ่งในใต้หล้า”
คำพูดเช่นนี้พอจะดูสมจริงและดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม แม้แต่ซูจิ่นซีเองยังเชื่อในสิ่งที่ตนเองพูด
กูสือซานใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม พลางจ้องซูจิ่นซีด้วยความสนใจพักหนึ่ง ทว่าไม่พบเหตุผลใดๆ จากใบหน้าของซูจิ่นซี
เขาพูดหยั่งเชิงว่า “จากที่ข้าทราบมา ไม่ต้องพูดถึงแคว้นจงหนิงเลย ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ มีสตรีจำนวนไม่น้อยที่ต้องการอภิเษกสมรสกับโยวอ๋อง ทว่าเกียรติอันสูงส่งเช่นนี้ กลับถูกเจ้า… ซูจิ่นซีแย่งชิงไป ทั้งราชครูอย่างข้ายังได้ยินมาว่า โยวอ๋องหลงรักและเอาอกเอาใจเจ้าเป็นอย่างมาก! นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่มีใจให้เขา? ”
ซูจิ่นซียิ้มเยาะที่มุมปากอย่างเย็นชา
“เจ้ายิ้มอันใด? ”
“ท่านราชครู ท่านปรีชาสามารถ ไม่รู้หลักการที่ว่าดอกไม้บานเต็มที่ ผีเสื้อจะมาหาเองหรือ? ”
กูสือซานไม่รู้จริงๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ซูจิ่นซียิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเคยชินกับความลำบาก รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าสัจธรรมนั้น บนโลกมนุษย์มีทั้งดีและร้าย เป้าหมายของข้าไม่เหมือนกับสตรีนางอื่น สิ่งที่แสวงหาก็ไม่เหมือนกัน ในชีวิตนี้ข้าสามารถรุ่งโรจน์ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงโยวอ๋อง แม้เขาจะนำแคว้นจงหนิงทั้งแคว้นมาวางตรงหน้าข้า ตราบใดที่เขาขัดขวางงานใหญ่ของข้า ข้าก็จะไม่ยอมทน”
“ซูจิ่นซี! ”
ซูจิ่นซีกำลังพูดถึงประเด็นสำคัญอยู่ ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงที่ทั้งเดือดดาล ทั้งเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาดังขึ้น
เยี่ยโยวเหยา???
ซูจิ่นซีคิดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยโยวเหยาจะปรากฏตัวขึ้นในเวลาเช่นนี้
คำพูดเหล่านั้นที่นางพูดออกไปเมื่อครู่ เยี่ยโยวเหยาได้ยินทุกคำ ทุกประโยคหรือ?
พระเจ้า!
ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความบ้าคลั่ง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’
นางเห็นเพียงเยี่ยโยวเหยาในชุดสีดำราวเทพเซียน มือถือกระบี่ที่เต็มไปด้วยหยาดโลหิต เขาสังหารองครักษ์พิษที่เข้ามาขัดขวางตลอดทางด้วยแววตากระหายเลือด ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องศิลาทีละก้าว
หากไม่ใช่เพราะบรรยากาศที่อัดแน่นและกดดัน ทั้งเย็นชาทั้งคุ้นเคย จนทำให้ซูจิ่นซีแทบหายใจไม่ออก นางก็ยังคิดว่าตนเองตาฝาด มองผิดไป
ทำอย่างไรดี?
เมื่อเห็นสายตาที่เยี่ยโยวเหยามองมาทางนาง ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาได้ยินคำพูดเมื่อครู่เหล่านั้นของนางทั้งหมด ทั้งยังเข้าใจนางผิดไปเรียบร้อยแล้ว
นางควรทำอย่างไร?
ทำอย่างไร?
เยี่ยโยวเหยา… ปีศาจตนนี้ คงไม่สังหารนางไปด้วยกระมัง?
ซูจิ่นซีรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ส่วนจอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่ตามเยี่ยโยวเหยามาด้านหลังก็ได้ยินคำพูดของซูจิ่นซีเมื่อครู่ทั้งหมดเช่นกัน เขาดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากอดไหล่มู่หรงฉี พูดว่า “เจ้าฉีได้ยินแล้วใช่หรือไม่? คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่นี้ นางไม่สนใจเยี่ยโยวเหยา นางไม่เห็นตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องอยู่ในสายตา ฮ่า ฮ่า ฮ่า… เจ้าว่าข้ายังมีโอกาสหรือไม่? ข้าน่าจะมีโอกาสอยู่ใช่หรือไม่? ดูข้าหน่อยสิ วันนี้ข้าหล่อพอหรือยัง สง่างามพอหรือไม่? ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ข้าพบกับแม่นางพิษน้อย ข้าจะต้องสร้างความประทับใจให้แก่นาง”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดพลางหยิบกระจกบานเล็กออกมาส่องดูตนเองอย่างพอใจ
“เยี่ย… เยี่ยโยวเหยา… ”
สายตาของเยี่ยโยวเหยาทำให้ซูจิ่นซีตกใจจนถอยหลังไปสองก้าว
กูสือซานชักกระบี่ยาวออกมาขัดขวางเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยากวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือประชิดตัวกูสือซาน คมกระบี่ที่ทรงพลังโจมตีกูสือซาน จนทำให้เขาลอยไปชนผนังอย่างแรง
แววตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาไม่มองกูสือซานแม้แต่น้อย เขาเดินตรงไปหาซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีเริ่มหวาดกลัวเยี่ยโยวเหยาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตนเองควรทำอย่างไร เมื่อจะเปิดปากพูด ลิ้นก็กลับพันกัน“เยี่ย… เยี่ยโยวเหยา ท่านต้องฟังข้าอธิบาย เรื่องราว… เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านได้ยิน”
แววตาขึงขังของเยี่ยโยวเหยาค่อยๆ หรี่ลง นิ้วมือที่เย็นเฉียบบีบไปที่คางของซูจิ่นซีอย่างแรง จ้องนัยน์ตาทั้งคู่ของซูจิ่นซีอย่างเย็นชา
หัวใจของซูจิ่นซียิ่งเต้นกระหน่ำรุนแรงจนแทบจะหลุดออกจากคอหอย นางหลับตาทั้งคู่ พลางคิดในใจ ตายก็ตายวะ