สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 10 ตอนที่ 298 เยี่ยโยวเหยาเสียชีวิตแล้วหรือ?
“ค่ายกลเทวะแปดลักขณา ตามโหราศาสตร์ฉีเหมินตุ้นเจี่ย [1] แบ่งออกเป็นแปดประตู คือ เซิง ซัง ซิว ตู้ จิ่ง สื่อ จิงและคาย มีทิศตะวันตกเป็นธาตุทอง ทิศตะวันออกเป็นธาตุไม้ ทิศเหนือเป็นธาตุน้ำ และทิศใต้เป็นธาตุไฟ ตำแหน่งที่พวกเรายืนอยู่เป็นจุดศูนย์กลางของค่ายกลเทวะแปดลักขณา ก็คือธาตุดิน”
ในความคิดของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี และมู่หรงฉีทั้งสามคนเกิดเป็นรูปภาพยันต์แปดทิศ
“ประตูเซิงอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประตูซังอยู่ทิศตะวันออก ประตูตู้อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประตูซิวอยู่ทิศเหนือ ประตูจิ่งอยู่ทางทิศใต้ ประตูสื่ออยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประตูจิงอยู่ทางทิศตะวันตก และประตูคายอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ต้องสังหารประตูเป็นเพื่อทำลายมัน จากนั้นจะเกิดใหม่ในตำแหน่งประตูตาย”
หลังจากสิ้นเสียงคำพูดของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉีก็เหาะไปทางประตูเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเริ่มสังหารองครักษ์พิษที่อยู่ตรงตำแหน่งประตูเป็นนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาสังหารองครักษ์พิษไปจำนวนหนึ่ง เหล่าองครักษ์พิษที่ประตูเป็นก็กลายเป็นเม็ดทราย ลอยหายไปตามลม
จากนั้นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง ลมพัดโหมกระหน่ำ เม็ดทรายก่อร่างขึ้นอีกครั้ง เหล่าองครักษ์พิษกลับมาอยู่ที่เดิม ทั้งยังขยับเข้ามาในจุดศูนย์กลางตรงตำแหน่งที่ซูจิ่นซีกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่ายืนอยู่
เยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉีรีบกลับมายังตำแหน่งเดิม คอยปกป้องจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับซูจิ่นซีที่จุดศูนย์กลาง
“เสียงเคลื่อนที่ของกลไกเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เรียงลำดับตามเสียงหนักเบาคือ เหนือ ใต้ ตะวันตก และตะวันออก” ซูจิ่นซีพูดขึ้น
“กฎเริ่มต้นจากกลยุทธ์ กลไกกำเนิดจากใจ กระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนที่ทั้งค่ายกล เวลานี้ตำแหน่งของค่ายกลทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นหมุนทวนเข็มนาฬิกาแล้ว ทว่าดวงดาวประจำตำแหน่งสัตว์เทพยังอยู่ที่จุดศูนย์กลางยันต์แปดทิศ ตำแหน่งนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
“ประตูซังคือมังกรเขียว ประตูจิงคือเสือขาว ประตูจิ่งคือนกกระเรียนขาว ประตูซิวคือเต่าดำ ราชาสัตว์เทพคือมังกรเขียว สังหารประตูซังกระเรียนขาว”
ในเวลานี้ การแสดงออกของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าดูเอาจริงเอาจังเคร่งขรึม ไม่มีท่าทีหัวเราะหยอกเย้าเหมือนก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
หลังจากสิ้นเสียงคำพูด เยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉีก็เหาะไปทางประตูซังทิศตะวันออก และเริ่มสังหารองครักษ์พิษ
อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งจัดการองครักษ์พิษได้ ทว่าเหล่าองครักษ์พิษที่อยู่ตำแหน่งทิศตะวันออกกลับสลายตัวกลายเป็นเม็ดทราย ลอยไปตามลมอีกครั้ง
ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงในชั่วพริบตา เม็ดทรายฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้า ทะเลทรายไกลสุดสายตา แสงอาทิตย์แผดเผาแทบจะย่างคนให้แห้งเกรียมเลยทีเดียว
“สังหารกระเรียนขาว ประตูจิ่งทิศใต้”
เป็นเช่นเดิม หลังสิ้นเสียงคำพูดของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉีก็พุ่งไปทางทิศใต้ และเริ่มสังหารองครักษ์พิษอีกครั้ง
เดิมที ตามความเข้าใจของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเกี่ยวกับค่ายกลเทวะแปดลักขณานั้น เมื่อทำลายประตูจิ่งแล้ว ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากทำลายประตูทั้งแปดตามลำดับ ดวงตาค่ายกลจะปรากฏออกมาให้เห็นทันที
ทว่าผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมายของพวกเขา
หลังจากที่องครักษ์พิษทิศใต้หายไป ตำแหน่งประตูซิวทางทิศเหนือก็เกิดเสียงครืนดังกึกก้อง น้ำจำนวนมหาศาลหลั่งไหลมาราวกับเขื่อนแตก เป็นดั่งสัตว์ร้าย ทั่วท้องฟ้ามืดครึ้ม น้ำซัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งมาทางตำแหน่งธาตุดินที่ซูจิ่นซีกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่ายืนอยู่
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงเพียงนี้ ใบหน้าพลันถอดสี เขาเดินโซเซไปสองก้าว พลางยื่นมือออกไปคว้าตัวซูจิ่นซีและพูดว่า “แม่นางพิษน้อยรีบหนี”
แม้เขาจะยืนในตำแหน่งที่ใกล้ซูจิ่นซีมาก ทว่าเขายังช้าไปหนึ่งก้าว
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เยี่ยโยวเหยาก็มาถึงอย่างรวดเร็วและอุ้มซูจิ่นซีจากไป
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าคว้าได้เพียงอากาศ เขาล้มลงกับพื้น ตำแหน่งธาตุดินเหลือเพียงจอมวายร้ายไป๋เฉ่าผู้เดียว ทว่าไม่ทันการณ์เสียแล้ว น้ำที่ไหลบ่าซัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พัดจอมวายร้ายไป๋เฉ่าจมหายไปในพริบตา
“จอมวายร้าย! ”
มู่หรงฉีร้องเรียกด้วยความตกใจ ทำได้เพียงยืนมองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าถูกน้ำซัดกลืนหายไป
ซูจิ่นซีที่ถูกเยี่ยโยวเหยาเข้าไปช่วยออกมาจากตำแหน่งธาตุดิน เมื่อยืนบนพื้นและหันหลังกลับไปก็มองไม่เห็นจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแล้ว ตำแหน่งที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นเสาน้ำตั้งตรงชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า เสาน้ำนั้นกักน้ำไว้ไม่ให้กระจายออกไปโดยรอบทั้งแปดทิศ แต่กลับกลายเป็นวังน้ำวน หมุนเป็นเกลียวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
แม้ซูจิ่นซีจะมีท่าทีประหลาดใจ ทว่าไม่มีความหวาดกลัวแม้แต้น้อย ดวงตาของนางสงบนิ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็คว้าแขนของเยี่ยโยวเหยาและพูดว่า “รีบเข้าไปช่วยจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ตำแหน่งธาตุดินในเวลานี้คือประตูเป็น ทั้งยังเป็นดวงตาค่ายกล กูสือซานอยู่ด้านในเสาน้ำนี้เพคะ”
แววตาของเยี่ยโยวเหยาเปล่งประกาย เขาไม่ถามซูจิ่นซีว่ามองออกได้อย่างไร เขากับมู่หรงฉีทำเพียงกุมกระบี่เหาะเข้าไปแทงเสาน้ำ
เมื่อกระบี่แทงเข้าไปที่เสาน้ำ เสาน้ำที่เดิมทีหมุนวนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพลันแตกกระจาย และซัดโหมกระหน่ำไปรอบๆ ทั้งแปดทิศ
ซูจิ่นซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองเยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉีถูกน้ำซัดจมไปต่อหน้าต่อตา นางตกใจเป็นอย่างมาก ยืนตะลึงซวนเซถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
หรือว่านางจะผิดพลาด?
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
เพราะเหตุใด?
“เยี่ยโยวเหยา… ”
ซูจิ่นซีแทบจะร้องไห้ออกมา หลังจากอาการตกตะลึง นางเงยหน้ามองคลื่นน้ำที่กำลังพัดมาทางตนเองอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดแล้ว
เยี่ยโยวเหยาถูกคลื่นซัดจมหายไปแล้ว
เขาเสียชีวิตแล้วหรือ?
จะทำอย่างไรดี?
นางควรทำอย่างไร?
ในชั่วพริบตา ซูจิ่นซีรู้สึกว่าโลกของนางได้พังทลายลง
เยี่ยโยวเหยาจมน้ำตายไปเช่นนี้หรือ?
ความคิดของนางว่างเปล่า
ทว่าขณะที่ซูจิ่นซีเงยหน้าขึ้นมองคลื่นน้ำกำลังพัดมาทางตนเองนั้น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าพลันเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา นางกลับมาอยู่ในห้องศิลาในตอนแรก ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ เยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉี ทั้งสองถือกระบี่แทงเข้าไปที่ร่างกายของกูสือซาน
ค่ายกลถูกทำลายแล้ว!
ในที่สุดค่ายกลก็ถูกทำลาย!
เยี่ยโยวเหยาไม่เป็นอันใด
ซูจิ่นซีแย้มยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่นางยังคงเดินเข้าไปหา เพื่อตรวจสอบอาการของเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉีชักกระบี่กลับพร้อมกัน กูสือซานจึงกระอักเลือด คุกเข่าลงกับพื้น
“ราชครูอย่างข้าพ่ายแพ้แล้ว” กูสือซานยกยิ้มมุมปากแกมประชดตนเอง
เยี่ยโยวเหยามีท่าทีเย็นชา เขาชำเลืองสายตามองกูสือซาน และหันไปมองซูจิ่นซีพูดว่า “ทั้งซูจิ่นซีและชาติบ้านเมือง ข้าไม่ยอมยกให้ทั้งนั้น”
แววตาของซูจิ่นซีปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย
มู่หรงฉีก็ประหลาดใจเช่นกัน เขามองเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
กูสือซานยังคงพูดจาเย้ยหยัน “เยี่ยโยวเหยา ตั้งแต่โบราณมา สตรีกับชาติบ้านเมือง เลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดูแล้วข้าคงประมาทเจ้าเกินไป โยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิงก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้นเอง”
อุปนิสัยของเยี่ยโยวเหยาเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป เขาจะไม่พูดเถียงเรื่องไร้สาระ ทั้งยังไม่อธิบายหรือยืนยันอันใดให้มากความ
ทว่าเขากลับเดินไปยืนข้างกายซูจิ่นซีด้วยใบหน้าเย็นชาดังเดิม และพูดว่า “โบราณนานมาแล้ว เป็นเช่นไร ย่อมไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้า อ๋องอย่างข้าจะต้องครอบครองทั้งสตรีและชาติบ้านเมือง”
กูสือซานยังคงแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “โยวอ๋อง เจ้าช่างกล้ามาก เจ้าไม่กลัว… ”
กูสือซานยังไม่ทันพูดจบประโยค ก็เกิดเสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้น ซูอวี้ที่นอนอยู่บนเตียงหินเพราะถูกพิษเผ่าเหมียว หล่นไปนอนกับพื้น
ซูจิ่นซีรีบเข้าไปประคองตัวซูอวี้
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ”
เห็นได้ชัดว่าซูอวี้เริ่มกระอักเลือด แต่ยังคงแสดงท่าทางเข้มแข็ง เขาแย้มยิ้มให้ซูจิ่นซี และพูดว่า “พี่จิ่นซี พี่… พี่วางใจได้ อวี้เอ๋อร์ไม่เป็นไร… ไม่เป็นไร”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเดินเข้าไปหาซูอวี้ และตรวจอาการของเขา
“เยี่ยโยวเหยา สั่งให้เขามอบยาถอนพิษมา”
กระบี่ในมือเยี่ยโยวเหยาพาดไปบนลำคอของกูสือซานอีกครั้ง แม้ไม่ได้พูดอันใด ทว่าความหมายนั้นชัดเจนอยู่ในที
เวลานี้ คนที่รู้เรื่องพิษอย่างซูจิ่นซีกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าต่างยืนอยู่ข้างกายซูอวี้ ทว่าพวกเขาอยู่ห่างจากเยี่ยโยวเหยา มู่หรงฉี และกูสือซาน
กูสือซานเผยใบหน้าเจ้าเล่ห์
‘ตี๊ดตี๊ดตี๊ด’ ระบบถอนพิษแจ้งเตือน และแทบจะในเวลาเดียว ซูจิ่นซีส่งเสียงตะโกนว่า “เยี่ยโยวเหยา ระวังพิษ”
ทว่า…
ยังคงช้าไปหนึ่งก้าว
……
เชิงอรรถ
[1] โหราศาสตร์ฉีเหมินตุ้นเจี่ย เป็นการทำนายแบบโบราณจากประเทศจีน และยังคงใช้งานในจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า มาเลเซีย สิงคโปร์ และชาวจีนโพ้นทะเลในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความนิยมในการทำนาย Qimen Dunjia ยังขยายไปถึงประเภทอื่นๆ การทำนายจะรวมทั้งการทำนายการแพทย์ การจับคู่ การคลอดบุตร การเดินทาง ความมั่งคั่งส่วนบุคคล รวมถึงการใช้งานร่วมสมัยที่โดดเด่นที่สุดของธุรกิจและการเงิน วันนี้ Qimen Dunjia ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้