สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 11 ตอนที่ 328 ศิษย์น้องเล็กจิ่นซี
ซูจิ่นซีต้องการลุกขึ้น แต่นางพบว่ามือทั้งสองของตนถูกเยี่ยโยวเหยากุมไว้จนไม่สามารถขยับได้
นางค่อยๆ เลื่อนสายตามองมือทั้งสองของเยี่ยโยวเหยา มองใบหน้าที่เย็นชานั้น นางพบว่าแท้จริงแล้ว ขนตาของเยี่ยโยวเหยานั้นยาวมาก ทั้งยังดำสนิท ทำให้อยากยื่นมือออกไปเขี่ยเล่น ทว่านางยังยั้งมือไว้ได้
ซูจิ่นซีเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน มองอยู่หลายครา ทว่าทุกครั้งนางเพียงเฝ้ามองเยี่ยโยวเหยาอย่างเงียบงัน นางมองอย่างหลงใหลเสียอาการ มองด้วยสายตาเหม่อลอย
เมื่อก่อนมีคนกล่าวว่า โลกนี้มีเส้นทางรักที่ดื่มด่ำ หากมีอยู่จริง ซูจิ่นซีก็ปรารถนาให้เยี่ยโยวเหยาเป็นเส้นทางรักที่ดื่มด่ำสายนั้น
เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างหวาดหวั่นและเกรงกลัวเยี่ยโยวเหยา แต่เมื่อได้พบเขาก็ยังอดเข้าไปใกล้ชิดไม่ได้ รวมถึงนางด้วย
เยี่ยโยวเหยาคิ้วกระตุก ขณะที่เขากำลังจะลืมตาขึ้น ซูจิ่นซีพลันมุดศีรษะกลับเข้าไปในอ้อมอกของเยี่ยโยวเหยาด้วยความตกใจและแสร้งหลับตาลง
เมื่อเยี่ยโยวเหยาลืมตาขึ้น ก็แย้มยิ้มมุมปากด้วยความรักใคร่ ราวกับรู้ว่าก่อนหน้านี้ซูจิ่นซีทำอันใด เขากอดนางให้แน่นมากขึ้น ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
หลังจากนั้นอีกสามวัน พวกเขาก็เดินทางมาถึงหุบเขาเทพโอสถ
ไม่ทราบว่าวันนี้เป็นวันใด ก่อนหน้านี้ที่ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยามาเยือนหุบเขาเทพโอสถ ไม่ได้มาเพื่อขอสมุนไพรมากมายเช่นนี้ ทว่าวันนี้ประตูใหญ่ของหุบเขาเทพโอสถกลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คน
ซูจิ่นซีคำนวณคร่าวๆ ในใจ หากทุกคนใช้เวลาหนึ่งเค่อในการขอสมุนไพร เมื่อคิดตามลำดับและรอจนถึงลำดับของพวกเขา จะต้องใช้เวลาอีกประมาณครึ่งเดือน
หากรอจนถึงตอนนั้น หลานเยวี่ยหลีคงไปพบยมบาลก่อนแล้ว
ดังนั้นซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาจึงไม่ได้เข้าไปหาจอมวายร้ายไป่เฉ่าในหุบเขาเทพโอสถด้วยเส้นทางปกติ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาค้นหาด้านในหุบเขาเทพโอสถอยู่นานกลับไม่พบจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
สุดท้ายพวกเขาก็พบกับผู้ดูแลหุบเขาเทพโอสถ จึงได้สอบถาม “จอมวายร้ายไป๋เฉ่าอยู่ที่ใด? ”
ผู้ดูแลเป็นบุรุษอายุราวห้าสิบกว่าปีผู้หนึ่ง ดูฉลาดมีความสามารถและมีสายตาเฉียบแหลม แม้หุบเขาเทพโอสถจะมีกฎเกณฑ์มากมาย ทว่าเขาดูออกว่าซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาไม่ใช่คนธรรมดา จึงแสดงท่าทางเคารพนอบน้อมอย่างมาก
“ท่านทั้งสองต้องการพบเจ้าหุบเขาของพวกเราหรือ? ช่างน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหุบเขาของพวกเราออกจากหุบเขาไปได้เกือบครึ่งเดือน ตอนนี้ยังไม่กลับมาขอรับ”
เกือบครึ่งเดือน?
ก่อนหน้านี้ซูจิ่นซียังสงสัยว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่ได้กลับจวน เพราะครั้งสุดท้ายนางเห็นเขาที่หุบผาราชันพิษ ต่อมาเขายังใช้กลไกหมูน้อยส่งข้อความมาให้นาง บางทีเขาคงอยู่กับมู่หรงฉี ผู้ใดจะรู้!
ทว่าพวกเขาต้องการสมุนไพรในหุบเขาเทพโอสถเท่านั้น จอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะอยู่หรือไม่นั้นไม่สำคัญ
“เจ้าหุบเขาของพวกเจ้าไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร พวกเรามาที่นี่เพื่อขอยาสมุนไพร ไม่ทราบว่าในหุบเขามีตัวยาสมุนไพรเหล่านี้หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีพูดพลางส่งกระดาษรายการยาใบหนึ่งให้ผู้ดูแล
ผู้ดูแลอ่านแล้วขมวดคิ้ว “ยาสมุนไพรเหล่านี้ ไม่ใช่ยาสมุนไพรทั่วไป! ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองเป็นใคร นำตัวยาเหล่านี้ไปทำอันใด? ”
“เยี่ยโยวเหยาจากแคว้นจงหนิง”
“ซูจิ่นซี! ”
“ที่แท้เป็นโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิงและพระชายาโยวอ๋องนั่นเอง! ขออภัยที่เสียมารยาท! ” ผู้ดูแลทำความเคารพซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาอย่างจริงใจ
“ผู้ดูแล ที่พวกเรามาขอตัวยาสมุนไพรนี้เพราะต้องการนำไปช่วยชีวิตคน ทั้งยังมีชีวิตคนเป็นเดิมพัน หากในหุบเขามีตัวยาสมุนไพรเหล่านี้ ท่านได้โปรดให้ความช่วยเหลือด้วย”
ผู้ดูแลราวกับได้ยินคำพูดเหล่านี้มามาก เขายกยิ้มมุมปาก พูดว่า “พระชายาโยวอ๋อง ท่านดูคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกหุบเขาเทพโอสถสิ มีผู้ใดบ้างที่ไม่ได้มาขอยาสมุนไพรเพื่อนำไปช่วยชีวิตคน? ตัวยาไม่กี่ตัวที่ท่านต้องการนั้นล้วนมีอยู่ในหุบเขาเทพโอสถ ทว่าในเมื่อโยวอ๋องกับพระชายาโยวอ๋อง ท่านทั้งสองมาแล้ว คิดว่าพวกท่านคงรู้กฎเกณฑ์ของหุบเขาเทพโอสถเป็นอย่างดี ยิ่งเป็นยาสมุนไพรล้ำค่าหายาก ยิ่งได้รับยาก เงื่อนไขย่อมยากยิ่งขึ้นไปอีก”
ที่แท้ยาสมุนไพรเหล่านี้ล้วนมีในหุบเขาเทพโอสถ เพียงมีก็ดีแล้ว
ใบหน้าซูจิ่นซีปรากฏความมุ่งมาด “ในเมื่อพวกเรามาแล้ว ก็ไม่คิดกลับไปมือเปล่า เงื่อนไขเป็นเช่นไร ผู้ดูแลพูดมาเถิด”
“ตกลง โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง เชิญตามข้าน้อยมาทางนี้”
ผู้ดูแลพาซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเข้าไปด้านในห้องแห่งหนึ่ง
เขาชี้ไปที่กระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่สามลำ แล้วพูดว่า “ท่านทั้งสอง เงื่อนไขของหุบเขาเทพโอสถเป็นเรื่องที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว แบ่งตามระดับความล้ำค่าของยาสมุนไพรเป็นสามระดับคือ หนึ่ง สอง และสาม กระบอกไม้ไผ่แต่ละระดับมีไม้ไผ่สามลำใส่ไว้ด้านใน ท่านทั้งสองต้องการขอยาสมุนไพรสามชนิด ได้แก่ เชียนเหนียนเจี้ยน สือชีจ่ง และหลิวจี้หนู ล้วนเป็นยาสมุนไพรหายากล้ำค่า จัดอยู่ในประเภทยาสมุนไพรระดับหนึ่ง ท่านทั้งสองเพียงหยิบไม้ไผ่หนึ่งลำออกจากกระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่ระดับที่หนึ่ง หากสุ่มได้เงื่อนไขใด ก็ทำตามเงื่อนไขของหุบเขาเทพโอสถให้สำเร็จ แล้วยาสมุนไพรจะส่งมอบถึงมือท่านทันที”
ที่แท้ก็ง่ายดายเพียงนี้
ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาสบตากัน เมื่อไม่เห็นท่าทีปฏิเสธจากแววตาของเยี่ยโยวเหยา นางจึงเดินไปสุ่มหยิบไม้ไผ่ในกระบอกไม้ไผ่ระดับที่หนึ่ง
“ช้าก่อน! ”
ทว่าขณะที่ซูจิ่นซีกำลังจะยื่นมือไปสุ่มเลือก เสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอกห้อง
ซูจิ่นซีหยุดชะงักและหันไปมอง นางเห็นบุรุษหนึ่งสตรีหนึ่ง สวมชุดสีขาวค่อยๆ เหาะลงมาจากชายคาและยืนอยู่ด้านนอกประตู
รูปแบบการแต่งกายของทั้งสอง ทำให้ซูจิ่นซีนึกถึงสำนักแพทย์เทียนอีเหมินและจิ่วหรงขึ้นมาในทันที
“ผู้ดูแล สำนักแพทย์เทียนอีเหมินของข้าต้องการเชียนเหนียนเจี้ยน สือชีจ่ง และหลิวจี้หนู ยาสมุนไพรทั้งสามชนิดนี้ รบกวนหุบเขาเทพโอสถจัดยาทั้งหมดให้พวกเราด้วย” หญิงผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งทระนง
สำนักแพทย์เทียนอีเหมิน?
เป็นสำนักแพทย์เทียนอีเหมินจริงๆ !
ผู้ดูแลมีท่าทีลำบากใจ ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อย่างไร
“แม่นางท่านนี้ ต้องขออภัยจริงๆ พวกเรามาก่อน พวกท่านจะเอาไปทั้งหมด เกรงว่าคงไม่เหมาะสม! ”
“แม่นางท่านนี้? ” สตรีผู้นั้นคิ้วกระตุก ราวกับได้ยินเรื่องขบขันเรื่องหนึ่ง “ศิษย์น้องเล็ก ไม่เจอกันหลายปี กระทั่งศิษย์พี่ของเจ้าก็ไม่รู้จักแล้วหรือ? หรือว่า… เจ้าแสร้งทำ? ”
ศิษย์น้องเล็ก?
ซูจิ่นซีพลันคิดขึ้นได้ จิ่วหรงบอกนางเสมอว่านางเป็นลูกศิษย์ของเขา
เมื่อก่อนนางเคยคิดว่าจิ่วหรงเพียงพูดล้อเล่น กลับนึกไม่ถึงว่าคนในสำนักแพทย์เทียนอีเหมินจะรู้จักนางด้วย
ทว่าทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้านาง นางไม่รู้จักจริงๆ !
ใบหน้าซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความสงสัย นางขมวดคิ้วเล็กน้อย บุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างสตรีผู้นั้น เดินออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องเล็ก ข้าและศิษย์พี่หญิงหนานกงของเจ้ามาเยือนหุบเขาเทพโอสถครั้งนี้เพราะความต้องการของเจ้าสำนัก พวกเรามาขอยา กฎเกณฑ์ของสำนักแพทย์เทียนอีเหมิน เจ้าก็เคยประสบด้วยตนเองมาแล้ว จำไม่ได้แล้วหรือ? เจ้าคิดจะขัดคำสั่งเจ้าสำนักหรือ? ”
กฎข้อบังคับของสำนักแพทย์เทียนอีเหมิน?
เคยประสบด้วยตนเองมาแล้ว?
ศิษย์พี่หญิงหนานกง?
เรื่องเหล่านี้ ซูจิ่นซีไม่รู้สึกคุ้นเคยแม้แต่น้อย นางรำลึกความทรงจำอยู่พักใหญ่ ทว่าไม่พบข้อมูลใดๆ
เรื่องราวเกี่ยวกับสำนักแพทย์เทียนอีเหมินทั้งหมด ราวกับถูกลบทิ้งจากความทรงจำของนาง นางจำอันใดไม่ได้จริงๆ
“ศิษย์พี่หญิงหนานกง? ” ซูจิ่นซียังคงขมวดคิ้ว
“นางคือศิษย์พี่หญิงหนานกงของเจ้า หนานกงหว่านเอ๋อร์ ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า จงจิงเฉิน! หรือเจ้าจำพวกเราไม่ได้จริงๆ? ” ซูจิ่นซีไม่รู้สึกคุ้นเคยทั้งสองชื่อนี้แม้แต่น้อย นางมองชายที่อยู่ตรงหน้าพลางส่ายศีรษะ
“ซูจิ่นซี เจ้าจะเสแสร้งเพื่ออันใด! อย่าคิดว่าเจ้าสำนักรักใคร่เอ็นดูเจ้าแล้ว เจ้าจะทำอันใดได้ตามอำเภอใจ วันนี้พวกเราต้องได้ยาสมุนไพร เจ้าอย่าคิดเอามันไปเชียว” หนานกงหว่านเอ๋อร์พูดกับซูจิ่นซีด้วยน้ำเสียงดุดัน