สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 2 ตอนที่ 36 ถลกหนังเลาะเส้นเอ็น
ซูจิ่นซีมองดูกระบอกยาต้มและกากยาจากยาต้มอันเสินอย่างจริงจังตั้งใจ สีหน้าดูจริงจังเป็นอย่างยิ่ง จนเวลาผ่านไปนานก็ยังไม่พูดสิ่งใดออกมา
“พี่สะใภ้ สุดท้ายท่านมองสิ่งใดออกแล้วหรือยัง? คงมิใช่ว่าท่านมองสิ่งใดไม่ออกเลยนะเพคะ หรือเพียงแค่เขียนเสือให้วัวกลัวกระมัง? ”
“พี่สะใภ้ หากท่านมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ก็ยอมรับความผิดพลาดกับหมอหลวงฉู่เสีย พูดออกมาก็จบ พวกเราทุกคนจะยกโทษให้ท่าน อย่างไรเสียท่านก็ไม่รู้วิธีรักษานี่! ”
“พี่สะใภ้ ท่านเห็นว่าอย่างไรเล่าเพคะ? พูดอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า! ”
เว่ยเหม่ยเจียยังคงไม่รู้สึกว่าตนรบกวนและพูดไปเรื่อยไม่หยุดปากอยู่ข้างหูของซูจิ่นซี เสียงดังรบกวนจนซูจิ่นซีมีความต้องการที่จะตบนางให้ตายคามือ
ไม่รู้เหตุใด บัดนี้หมอหลวงฉู่จึงมีเหงื่อเย็นเฉียบที่หน้าผากหยดลงพื้น มองดูท่าทางแล้วเหมือนจะวิตกกังวลอย่างยิ่ง หมอหลวงฉู่มองทุกการเคลื่อนไหวของซูจิ่นซีไม่ขยับไปไหนเลย
เยี่ยโยวเหยาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จิบชาในมืออย่างแผ่วเบา และมองดูซูจิ่นซีด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
นอกจากเสียงที่น่ารำคาญของเว่ยเหม่ยเจีย ความจริงแล้วบรรยากาศในสถานที่นั้นยังคงจริงจังมากเช่นกัน
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ตบโต๊ะ พูดกับนางกำนัลที่อยู่ข้างนางซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต้มยาให้เฉินไท่เฟย “เจ้าบังอาจนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษของเจ้าเป็นเช่นไร? ”
สาวใช้ไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้น นางจึงคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาอย่างฉับพลัน “พระชายาเพคะ ไว้ชีวิตด้วย! ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อย… ข้าน้อยไม่ได้ทำอันใดเลยนะเพคะ! ”
ซูจิ่นซีโกรธมากจนแม้แต่หมอหลวงฉู่ก็ตกใจสั่นสะท้าน ขาของเขาอ่อนลง จนเกือบจะคุกเข่าเช่นเดียวกับนางกำนัลแล้ว
เยี่ยโยวเหยายังคงแสดงออกท่าทีการเคลื่อนไหวเช่นเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ซูจิ่นซีหยิบยาสมุนไพรที่ตนเองคัดเลือกขึ้นมาเมื่อครู่ เทลงไปเบื้องหน้าของนางกำนัล
“ไม่ได้ทำอันใดอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าอธิบายมาเสียว่าแท้จริงแล้วสิ่งนี้คือกระไรกันแน่? ”
สาวใช้มองดูยาสมุนไพรที่โรยลงบนพื้น ดูเหมือนว่านางจะจิตใจมัวหมองสับสน ท่าทางของซูจิ่นซีทำให้นางตกใจหวาดกลัวเป็นอย่างมากไปก่อนนานแล้ว นางจึงได้แต่อ้อนวอนขอความเมตตาเพียงเท่านั้น “พระชายา ข้าน้อย ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ เพคะ! ข้าน้อยไม่ได้ทำอันใดเลยเพคะ”
“บอกมา ผู้ใดส่งเจ้ามาสอดแนมอยู่ข้างกายไท่เฟย? เหตุใดจึงต้องการที่จะสับเปลี่ยนยาสมุนไพรของเสด็จแม่? ผู้ที่ใช้เจ้ามามีเจตนาร้ายอย่างไรกันแน่? ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของซูจิ่นซี นางกำนัลยังไม่ทันได้พูดสิ่งใด ก็มีเสียง “ตุบ” ดังขึ้น หมอหลวงฉู่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทรุดนั่งลงบนพื้นทันที
ปากของซูจิ่นซียกขึ้นเล็กน้อย
“หมอหลวงฉู่ ท่านเป็นกระไรไป? ข้ากำลังไต่สวนนางกำนัล คงไม่ถึงขนาดที่ว่าทำให้หมอหลวงฉู่ตกใจจนเป็นเช่นนี้หรอกใช่หรือไม่? หรือว่าตัวท่านเองทำเรื่องใดที่ไม่ควรทำลงไปแล้วใจฝ่อหวาดผวาขึ้นมาเล่า? ”
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ… ข้าน้อย… ข้าน้อย…”
เหงื่อที่หน้าผากของเขาราวกับฝน มุมปากสั่นเทา อยากจะพูดกระไรบางอย่าง ทว่าคาดไม่ถึงว่าเขาจะกลัวมากจนพูดออกมาไม่จบสักประโยค
ซูจิ่นซีก้มตัวลงไปหยิบยาสมุนไพรที่กระจัดกระจายบนพื้น แล้วเดินไปตรงหน้าหมอหลวงฉู่
“นี่ไม่ใช่ความรู้การแพทย์ที่ตื้นเขิน บางทีอาจมีบางครั้งที่มองผิดไปบ้าง จะไม่ดีกว่านี้หรือหากหมอหลวงฉู่ช่วยข้าดูยาสมุนไพรพวกนี้เสียหน่อยว่าแท้จริงแล้วสมุนไพรเหล่านี้เป็นไป๋ฉีหรือว่าเป็น… หวาสยง”
หมอหลวงฉู่หยิบยาจากมือของซูจิ่นซีด้วยนิ้วมือที่สั่นเทา กำลังจะเปิดปากพูด ซูจิ่นซีก็พูดขึ้นทันใด “หมอหลวงฉู่ ท่านจะต้องมองให้ละเอียดแล้วละ คำพูดของท่านเกี่ยวข้องกับชีวิตของเสด็จแม่และหัวของคนที่เปิดร้านขายยานะ! ”
ยาสมุนไพรในมือของหมอหลวงฉู่ตกลงบนพื้นทันที เขาแทบจะร้องไห้ออกมา ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และลุกขึ้นคลานไปยังใต้เท้าของเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่มีใครคาดคิด
“ท่านอ๋อง ขอร้องท่านไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย! ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย! เป็นความผิดพลาดของกระหม่อมที่จ่ายยาผิด ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย! กระหม่อมไม่ได้เจตนาจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ! ”
“อ้อ? ที่แท้ตำรับยาต้มนี้เป็นหมอหลวงฉู่สั่งนี่เอง? เพียงแต่ว่าความผิดพลาดใหญ่หลวงไปหน่อยหรือไม่? เปลี่ยนยาไป๋ฉีเป็นยาหวาสยงโดยมิได้คาดคิด ถึงแม้ว่ายาสองชนิดนี้จะโตมามีลักษณะคล้ายกัน ทว่าตราบใดที่มีสามัญสำนึกของแพทย์จีนแม้เพียงน้อยนิดก็สามารถแยกแยะความแตกต่างได้ หมอหลวงฉู่ฐานะท่านเป็นถึงหมอหลวงของสำนักหมอหลวงเชียวนะ และทักษะการแพทย์ยังเป็นรองแค่หัวหน้าหมอหลวงซูอีกด้วย ผิดพลาดใหญ่หลวงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? เหตุใดจึงทำให้ข้าคิดว่า… ท่านที่กระทำเรื่องเช่นนี้ราวกับว่าจะตั้งใจกันนะ? ”
ยาไป๋ฉีกับยาหวาสยง ถึงแม้ว่าจะเป็นยาสองชนิดที่โตมาเหมือนกันมาก ทว่าคุณสมบัติของยานั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลของยานี้ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
หากเป็นยาไป๋ฉี ยาชนิดนี้ถือเป็นยากล่อมประสาทอย่างแท้จริง แต่ถ้าเป็นยาหวาสยง ยาชนิดนี้เดิมทีสามารถควบคุมช่วยการแก้ร้อนในได้ ทว่าก็ยังสามารถกลายมาเป็นยาพิษเรื้อรังที่สามารถฆ่าคนได้โดยปริยาย
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว รังสีรอบตัวของเขาเริ่มเย็นยะเยือกอย่างไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้
หมอหลวงฉู่ตัวสั่นอีกครั้ง
“ท่านอ๋อง พระชายา กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ กระหม่อมผิดไปแล้ว ท่านอ๋อง พระชายา ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย! ”
เว่ยเหม่ยเจียก่อนหน้านี้ที่เคยปกป้องหมอหลวงฉู่มาก่อน คิดไม่ถึงว่าในพริบตาเรื่องที่คาดหวังต่างๆ กลับตาลปัตรไปได้ถึงเพียงนี้
“พี่สะใภ้ ไม่ใช่ว่าท่านมองผิดหรือไม่? ฝีมือของหมอหลวงฉู่สูงส่ง จะเป็นไปได้อย่างไรที่แม้แต่ยาสมุนไพรยังแยกไม่ออก ท่านอย่าใส่ความคนดีสิ! ”
ซูจิ่นซียิ้มอย่างเย็นชา “น้องหญิง เช่นนี้แล้วยังจะปกป้องหมอหลวงฉู่อีก หรือว่าเจ้าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างลับๆ ด้วยเล่า? ”
เว่ยเหม่ยเจียขมวดคิ้ว กังวลขึ้นมากะทันหัน “พี่สะใภ้ อย่าพูดอันใดไร้สาระนะเพคะ ข้าก็กำลังหาความจริงเช่นเดียวกัน สุดท้ายแล้วความสามารถทางการแพทย์ของท่านมีมากเท่าใด เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนล้วนทราบดี! ”
ซูจิ่นซีมีความคิดอยากที่จะเย็บปากสตรีนางนี้จริงๆ เกลียดยิ่งนัก เกลียดจนไปถึงสกุลของนางเลยเสียด้วยซ้ำ ทว่าหากทำเช่นนั้นจริงๆ ก็ถือว่าซูจิ่นซีไม่ได้รับการอบรม ไม่รู้จักสำรวมกิริยา เข็มเงินในมือของนางมีไว้เพื่อใช้ถอนพิษ ช่วยเหลือผู้คน ไม่ใช่มีไว้เพื่อทำร้ายผู้คน
“หมอหลวงฉู่ยอมรับด้วยตนเองแล้ว น้องหญิงเอ๋ย ใช่ใส่ความเขาหรือไม่ เจ้าผู้ที่เอะอะมะเทิ่งเพียงแค่เกรงว่าคำพูดจะไม่มีน้ำหนักเท่าคนที่มีความรู้งูๆ ปลาๆ เช่นข้ากระมัง! ”
เว่ยเหม่ยเจียโดนตอกหน้าหงาย ขอบตาของนางแดงก่ำ นางไม่สามารถรับคำพูดของซูจิ่นซีได้
นี่นับเป็นการหยุดปากของเว่ยเหม่ยเจียไว้ชั่วคราวได้อีกครั้ง ซูจิ่นซียังคงจัดการหาความจริงของเรื่องต่อไป
“ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้เนื่องจากไท่เฟยแพ้ผงหลูเกิน ทั่วร่างกายแสบคันยากที่จะทนไหวได้ ยาไป่เซียวตานของข้าได้ไปจัดการกับอาการอย่างมีประสิทธิผลแล้ว ผื่นแดงบนร่างกายของเสด็จแม่ที่แพ้ผงหลูเกินโดยภาพรวมก็ถูกกำจัดออกไปแล้ว ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่าที่เสด็จแม่อาเจียนเป็นโลหิตกะทันหันนั้นก็เพราะว่าเสวยยาไป๋ฉีที่ถูกสับเปลี่ยนเป็นยาต้มหวาสยงเป็นเวลานาน นี่เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง หากท่านอ๋องยังไม่เชื่อหม่อมฉันอีก เช่นนั้นท่านก็สามารถเชิญหมอที่มีฝีมือสูงส่งจากสำนักหมอหลวงมายืนยันให้แน่ชัดอีกครั้งก็ได้เพคะ”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า สั่งให้คนไปในวังหลวงเพื่อตามหมอหลวงอีกคนมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็เชิญหมอหลวงมาอีกท่าน
หมอหลวงผู้นั้นรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหนานย่วนเวลานี้ เยี่ยโยวเหยากังวลเป็นอย่างมาก จึงไม่กล้ารอช้า ยิ่งไม่กล้าผิดพลาด ทำการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว อาการแพ้ผงหลูเกินของเฉินไท่เฟยหายดีแล้ว นางที่อาเจียนออกมาเป็นโลหิตนั้นก็เพียงเพราะว่าหมอหลวงฉู่สั่งยาผิดจากยาไป๋ฉีเป็นยาหวาสยง
“ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย! ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจ กระหม่อมไม่ได้เต็มใจทำพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย! ”
ในตอนนี้หมอหลวงฉู่แขนขาไร้เรี่ยวแรงล้มตัวลงบนพื้น ขอความเมตตาจนสั่นสะท้านฟ้า
แท้จริงแล้วเรื่องที่หมอหลวงฉู่ทำมีอีกผู้หนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง
สิ่งที่ซูจิ่นซีทำ ก็ทำเพียงเพื่อชำระล้างความบริสุทธิ์ให้ตนเองเท่านั้น สำหรับเหตุผลที่หมอหลวงฉู่สั่งยาผิดนั้น แม้ว่าจะมีแผนการสมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะต้องกังวลใจ
“ลากมันออกไป ถลกหนังเลาะเส้นเอ็น! ”
เยี่ยโยวเหยาพูดอย่างเย็นชา