สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 3 ตอนที่ 82 ต่อสู้ดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย
“ซูจิ่นซี? ”
ซิ่งหลิวหลีแปลกใจเล็กน้อย
“พระชายาโยวอ๋อง นี่เจ้าทำอันใด? ”
ฮั่วอวี้เจียวพูดกับซูจิ่นซีด้วยความโกรธ
ซูจิ่นซียิ้มบางที่มุมปาก ไม่เอ่ยคำพูดใด ทำเพียงยืนมองการต่อสู้ตรงหน้า
“พระชายาโยวอ๋อง เหตุใดไม่ว่าข้าจะไปที่ใดก็ล้วนมีเจ้าอยู่? ”
ฮั่วอวี้เจียวขมวดคิ้ว
“คุณหนูฮั่วคบเพื่อนไม่ระวัง ถูกคนเขาหลอกใช้ เจ้าคงไม่รู้ตัวกระมัง? ”
“พระชายาโยวอ๋อง คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? ”
ซูจิ่นซียกยิ้มแผ่วเบาที่มุมปาก นางเดินตรงเข้าไปในห้องที่อยู่ทางทิศเหนือของร้าน ตามทิศทางที่ระบบถอนพิษแจ้งเตือนถึงแหล่งที่มาของพิษ
ฮั่วอวี้เจียวเดินตามหลังของซูจิ่นซีไปด้วยความสงสัย
บนโต๊ะภายในห้องมีสุราสองไหวางไว้ ซูจิ่นซีก้าวเข้าไปหยิบมาถือไว้ในมือ นางยกยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจตนเอง
“สุราสองไหนี้เป็นซิ่งหลิวหลีที่มอบให้ข้าเมื่อครู่ พระชายาโยวอ๋องคงไม่ได้สงสัยว่านางใส่ยาพิษลงไปหรอกกระมัง? ฮึ! ”
ฮั่วอวี้เจียวทำท่าเบื่อหน่าย
“ไม่ใช่แค่สงสัย แต่ว่าสุราสองไหนี้ถูกใส่ยาพิษลงไปจริงๆ ”
ฮั่วอวี้เจียวตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นนางก็เริ่มหัวเราะเยาะเย้ย
“พระชายาโยวอ๋องช่างชอบพูดเรื่องตลกเสียจริง ข้ากับหลิวหลีเป็นพี่น้องกันมาหลายปี พวกเราต่างสนิทสนมกัน ข้ากับนางมีบุญคุณช่วยเหลือชีวิตกัน หลิวหลีจะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย่างไร? ”
“ใช่หรือว่าไม่ใช่ รอให้ข้าจับซิ่งหลิวหลีได้ คุณหนูฮั่วถามนางด้วยตัวเองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ? ”
ฮั่วอวี้เจียวยังคงไม่เชื่อซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีไม่ได้รีบร้อนเช่นกัน นางนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างโต๊ะอย่างสุขุมมั่นคง นิ้วชี้เคาะลงบนโต๊ะเฝ้ารอผลลัพธ์จากพวก JX1
คนของเยี่ยโยวเหยาทุกคนล้วนมีฝีมือด้านวรยุทธที่แข็งแกร่ง เดิมทีหากอ้างอิงตามศักยภาพของพวกเขาทั้งสี่ ซูจิ่นซีคิดว่าพวกเขาต้องต่อสู้กับซิ่งหลิวหลีที่มีเพียงผู้เดียวได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน ทว่าคิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นไม่นาน JX2 กลับเข้ามาขอรับโทษและบอกว่าพวกเขาพลาดทำให้ซิ่งหลิวหลีหนีไปได้
“เป็นไปได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซีรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“คนผู้นั้นถูกจับได้แล้ว ทว่ามียอดฝีมือสองคนโผล่มา พวกเขาใช้อาวุธพิษซ่อนเร้น พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้จึงพลาดปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮั่วอวี้เจียวเยาะเย้ยถากถาง “พระชายาโยวอ๋อง เจ้าเล่นลูกไม้อันใดของเจ้า? ”
น่าเสียดายจริงๆ ที่ปล่อยให้ซิ่งหลิวหลีหนีไปได้อีกแล้ว
แม้แต่เยี่ยโยวเหยายังถูกคนวางยาพิษได้ นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ใต้อาณัติของเขา การไม่รู้เกี่ยวกับพิษนั้นช่างเป็นเรื่องลำบากเสียจริง ซูจิ่นซีไม่ได้คิดตำหนิองครักษ์เงาทั้งสี่แต่อย่างใด
“พระชายาโยวอ๋อง เจ้าต้องการมีปัญหากับข้าใช่หรือไม่? การได้พบเจ้านี่มันช่างซวยเสียจริง” ฮั่วอวี้เจียวพูดด้วยความโกรธ ทันใดนั้นก็ราวกับนางนึกเรื่องบางอย่างได้ “เจ้ารู้จักที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่าเจ้าให้คนสะกดรอยตามข้า? พระชายาโยวอ๋อง เรื่องราวในวันนี้เจ้าต้องอธิบายให้ข้าเข้าใจ”
“คุณหนูฮั่ว หากข้าบอกว่าสุราสองไหนี้ถูกใส่ยาพิษ ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนกับพิษที่ฮั่วซืออวี่…พี่ชายของเจ้าโดนเมื่อครั้งก่อน เจ้าจะเชื่อหรือไม่เล่า? ”
ฮั่วอวี้เจียวตกตะลึงทันที
ทว่านางก็กลับมามีสติอย่างรวดเร็ว ฮั่วอวี้เจียวยกยิ้มอย่างเย็นชา “ซูจิ่นซี เจ้าพูดจาซี้ซั้วอันใดของเจ้า? สุรานี้ซิ่งหลิวหลีเป็นผู้กลั่นเองแล้วมอบให้กับข้า มันจะมีพิษได้อย่างไร? หากเจ้ายังพูดจาซี้ซั้วอีก เจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ”
“พูดจาซี้ซั้วหรือไม่ ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นเอง เพียงแต่…ฮั่วอวี้เจียว คาดไม่ถึงว่าเรื่องบางอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว แม้เจ้าจะถูกผู้อื่นหลอกใช้โดยที่เจ้าไม่รู้ตัว ทว่าเจ้ายังต้องรับผิดชอบและชดใช้เช่นกัน”
พูดจบซูจิ่นซีก็สั่ง JX2 ด้านหลัง “ด้านนอกห้องนั้นมีอ่างปลาอยู่ ไปจับปลาสองตัวมาให้ข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
JX2 จับปลาทองสองตัวเข้ามาวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าซูจิ่นซี
แม้ฮั่วอวี้เจียวจะไม่รู้ว่าซูจิ่นซีต้องการจะทำสิ่งใด ทว่าแววตาของนางมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ภายใต้การจ้องมองของฮั่วอวี้เจียว ซูจิ่นซีเปิดไหสุราและเทสุราลงในอ่างที่มีปลาสองตัว
เริ่มแรกปลาสองตัวนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใดมาก มันเพียงรู้สึกอึดอัดเพราะถูกเทสุราลงไปกะทันหัน ทว่าหลังจากนั้นดูเหมือนพวกมันจะค่อยๆ กระวนกระวาย ว่ายน้ำอย่างกระเสือกกระสนในอ่าง กระทั่งพยายามจะกระโดดออกมา ต่อมาร่างของปลาทั้งสองตัวก็เริ่มดำขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็พลิกตัวจมลงไปในก้นอ่าง
ขณะที่มองดู หัวใจของฮั่วอวี้เจียวเต้นแรง ใบหน้าซีดเผือดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ฮั่วอวี้เจียวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทุกสิ่งที่ตนเองเห็นนั้นจะเป็นความจริง นางยังคงหลงผิดคิดต่อสู้ดิ้นรนเป็นเฮือกสุดท้าย
“ซูจิ่นซี นี่มันอะไรกัน? ชีวิตของปลานั้นเปราะบางมาก เจ้าเติมสุราลงไปในน้ำ พวกมันย่อมต้องตายแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเจ้าพยายามทำให้ข้าสับสนกระมัง? ข้าไม่ยอมให้เจ้าหลอกได้หรอก”
“ดูเหมือนว่าข้าจะมองคุณหนูฮั่วสูงไปเสียหน่อย คาดไม่ถึงว่าแม้แต่สามัญสำนึกขั้นพื้นฐานที่สุด คุณหนูฮั่วก็ยังไม่เข้าใจ”
“เจ้า… ”
ทันใดนั้นฮั่วอวี้เจียวก็ชะงัก
“ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ตราบใดที่ถูกพิษ บางส่วนของร่างกายก็จะเกิดสีดำ”
บัดนี้หากฮั่วอวี้เจียวยังไม่ยอมรับก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว มิใช่ว่าฮั่วอวี้เจียวไม่เข้าใจ ทว่าแท้จริงแล้ว นางไม่อยากจะเชื่อความจริงที่อยู่ตรงหน้า
ฮั่วอวี้เจียวซวนเซถอยหลังไปสองก้าว นางพิงร่างเข้ากับโต๊ะ ทั้งตัวอ่อนแรงไปหมด
หากเป็นอย่างที่ซูจิ่นซีพูดจริง นางเองที่คบเพื่อนโดยไม่ระวังจนถูกซิ่งหลิวหลีหลอกใช้ เช่นนั้นเรื่องที่พี่ชายของนางกับฮองเฮาถูกพิษไม่ใช่ว่า…
ไม่!
เป็นไปไม่ได้!
นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
เรื่องกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
“ฮั่วอวี้เจียว เรื่องราวต่างๆ มันยังไม่เลวร้ายเกินกว่าจะหาทางแก้ไข ตอนนี้ทุกอย่างยังทันการณ์ บอกข้าสิ เจ้ากับซิ่งหลิวหลีรู้จักกันได้อย่างไร? นางเคยมอบสุราให้เจ้ามาเท่าไร? และเจ้าส่งสุราพวกนั้นให้ผู้ใดบ้าง? ”
สายตาของซูจิ่นซีเย็นชา ทว่าเสียงพูดกลับพยายามกล่าวให้เป็นปกติ
ฮั่วอวี้เจียวยังคงส่ายศีรษะ ปากสั่น น้ำตาคลอเบ้า
ความจริงของเรื่องนี้สะเทือนใจนางอย่างมาก
ทันใดนั้นฮั่วอวี้เจียวก็ก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนเสื้อของซูจิ่นซี พลางพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา “ซูจิ่นซี เร็ว! เข้าวัง รีบเข้าวัง! ซิ่งหลิวหลีส่งสุรามาให้ข้าทั้งหมดสี่ไห นอกจากนั้นวันนี้ข้ายังส่งสุราอีกสองไหไปยังวังหลวงเพื่อมอบให้กับหวาหรงจวิ้นจู่ เพื่อให้นางนำไปใช้ในงานเลี้ยงของราชวงศ์”
กระไรนะ?
ในชั่วพริบตา ซูจิ่นซีก็เกิดความคิดอยากตบฮั่วอวี้เจียวให้ตาย
“JX2 เร็ว พาข้าเข้าวังหลวง! ”
ซูจิ่นซีไม่คิดอันใดอีก นางผลักฮั่วอวี้เจียวแล้วเดินออกไปด้านนอก
JX2 ตามหลังซูจิ่นซีไป เมื่อถึงลานด้านนอกก็ใช้วิชาตัวเบาพาซูจิ่นซีบินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเหลือฮั่วอวี้เจียวในร้านเพียงผู้เดียว ทันใดนั้นนางก็ล้มลงกับพื้นอย่างแผ่วเบาราวกับว่าวิญญาณทั้งหมดของนางถูกพรากไปอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งความตกตะลึง หวาดหลัว ตื่นตระหนก ทุกอารมณ์ล้วนกระทบจิตใจฮั่วอวี้เจียวอย่างกะทันหัน
JX2 พาซูจิ่นซีไปถึงประตูวังหลวงอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซีหยิบป้ายแขวนเอวของพระชายาโยวอ๋องออกมา นางเดินเข้าไปในวัง ตรงไปยังศาลาในสวนด้วยความราบรื่นตลอดเส้นทาง
มีผู้คนมากมายนั่งอยู่เต็มศาลาในสวน
ทุกคนต่างพูดคุยกันและหัวเราะ เมื่อกำลังมีความสุข หวาหรงจวิ้นจู่ก็พูดกับฮ่องเต้ทันทีว่า “เสด็จพ่อ วันนี้ลูกตั้งใจนำสุราดีมาให้เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ลองเสวยเพคะ สุรานี้ไม่ใช่สุราธรรมดา รสชาติของมันหวานบริสุทธ์ บอกได้เลยว่าเป็นสุราที่ดีที่สุด เสด็จพ่อ…ท่านอย่าโลภจนเสวยมากนะเพคะ! ”
“ฮาๆๆๆ! ” ฮ่องเต้ทรงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก พระองค์ชี้นิ้วไปทางหวาหรงจวิ้นจู่แล้วส่ายพระเศียรอย่างช่วยไม่ได้ “นำออกมาให้พ่อดูหน่อย หากเป็นสุราที่มีรสชาติดีที่สุดจริงๆ ด้วยความกตัญญูของหวาหรงจวิ้นจู่ พ่อจะต้องให้รางวัลอย่างแน่นอน”
“เยี่ยมไปเลย! ท่านอย่ากลับคำพูดนะเพคะ! ”
หวาหรงจวิ้นจู่ตอบอย่างมั่นใจและสั่งให้นางกำนัลของตนหยิบสุราขึ้นมา
สุราถูกเทแบ่งลงในเหยือกนกสีฟ้าขาวที่สวยงามใบหนึ่ง นางกำนัลยกถาดไปที่ด้านข้างของหวาหรงจวิ้นจู่
“เสด็จพ่อ ท่านลองดมกลิ่นสิเพคะ! ”
หวาหรงจวิ้นจู่นำเหยือกไปวางไว้ที่ใต้จมูกของฮ่องเต้
“สุราดี เป็นสุราที่ดีจริงๆ ”
เห็นฮ่องเต้มีความสุขเช่นนั้น หวาหรงจวิ้นจู่ก็มีความสุขมากแล้ว “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ข้าจะรินให้กับพวกท่าน! ”
“เสด็จแม่ของเจ้าร่างกายพึ่งหายดี ไม่เหมาะที่จะเสวย พ่อจะเสวยแทนเสด็จแม่ของเจ้าแล้วกัน”
ฮ่องเต้ขัดขวางหวาหรงจวิ้นจู่ที่กำลังจะรินสุราให้กับฮองเฮา
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เสด็จพ่อท่านต้องเสวยเพิ่มอีกจอก เสวยสุรารับโทษแทน! ”
หวาหรงจวิ้นจู่ทำให้ฮ่องเต้มีความสุขมากขึ้น ฮ่องเต้จึงพยักพระพักตร์รับอย่างจริงจัง
ขณะที่ฮ่องเต้กำลังถือจอกสุราเพื่อเสวย ทันใดนั้นก็มีเสียงเร่งรีบของซูจิ่นซีดังมาจากด้านนอกศาลา
“สุรานั่นมีพิษ เสวยไม่ได้นะเพคะ! ”
ผู้คนต่างหันศีรษะมามองด้วยความประหลาดใจ