สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 3 ตอนที่ 87 มีอีกแผนหนึ่ง
กลางคืนที่เงียบสงัด เมฆดำเริ่มปรากฏบนขอบฟ้าในยามพลบค่ำ และหลังอาหารมื้อเย็นฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ข้างนอกหน้าต่าง
ซูจิ่นซีให้แม่นมฮวาและลวี่หลีนำกระถางดอกไม้ที่ตากแดดไว้หนึ่งวันข้างนอกเข้ามาที่เรือนอวิ๋นไค เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ทำ ซูจิ่นซีจึงเริ่มตัดแต่งกิ่งที่ออกดอกนั้นด้วยตนเอง
บางครั้งยังถือโอกาสกวาดสายตามองสถานการณ์ภายในตำหนักฝูอวิ๋นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเช่นกัน
เริ่มแรกภายในตำหนักดูเหมือนจะมีหมอกไอน้ำ ราวกับเยี่ยโยวเหยากำลังอาบน้ำอยู่
คนผู้นี้ไม่ใช่ว่าอาบน้ำตอนกลางวันหรอกหรือ? เหตุใดตอนกลางคืนยังอาบอีก?
จะรักความสะอาดอันใดถึงเพียงนี้!
ซูจิ่นซีไม่มีความคิดที่จะตัดแต่งกิ่งดอกไม้อีกต่อไป นางย้ายเก้าอี้ไปที่ข้างหน้าต่าง นั่งลงและเท้าคางไว้บนโต๊ะ สายตาทอดมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่หน้าต่างฝั่งตรงข้าม จิตใจค่อยๆ ล่องลอยไปสุดขอบฟ้า
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เยี่ยโยวเหยาก็เปลี่ยนมาใส่ชุดนอนที่หลวมสบาย และเริ่มลงมือจัดการกับเอกสาร คาดไม่ถึงว่าโต๊ะทรงงานของเยี่ยโยวเหยาที่ตำหนักฝูอวิ๋นจะอยู่ที่หน้าต่างพอดิบพอดี ร่างที่สง่างามนั้นจึงตกอยู่ในสายตาของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีมองดู นางอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัส ทว่ากลับสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็กลับมารู้สึกตัว พลันนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อครู่ที่นางมองเยี่ยโยวเหยาอย่างไร้สติและกระทำบางอย่างลงไป ซูจิ่นซีลืมตาขึ้น แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อ
ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงความรู้สึกนึกคิด ไม่ใช่ความจริง นางยกมือทั้งสองข้างลูบแก้มตนเองแรงๆ แล้วถอนหายใจยาว
ทว่าร่างนั้นราวกับถูกมนต์สะกดไว้ เหมือนมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดอย่างไรอย่างนั้น คอยแต่จะดึงดูดสายตาของซูจิ่นซีไม่หยุด
นางอยากมองอีก!
มองเพียงแวบเดียว มองแวบเดียวได้หรือไม่?
ในใจของซูจิ่นซีเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ ไม่เป็นจังหวะ นางค่อยๆ หันศีรษะกลับไป คาดไม่ถึงว่าเมื่อได้มองแล้วจะทำให้นางขาดสติไปอีกครา
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ซูจิ่นซีได้ทำการรักษาโรคให้ฮองเฮาแล้ว เยี่ยเซินกลับตั้งใจปิดบังเรื่องราวไม่ให้แพร่งพรายออกไป ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุใด เมื่อเหลือเวลาเพียงสามสี่วันก่อนถึงกำหนดเส้นตายที่ซูจิ่นซีต้องปิดคดี เรื่องนี้กลับแพร่กระจายออกไปให้ผู้คนทั่วตรอกซอกซอยของเมืองตี้จิงได้รับรู้ ทั้งยังลือไปไกลถึงนอกเมืองหลวงอีกด้วย
ขณะนี้มีบุรุษผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าผาบนภูเขาหลีซานนอกเมืองหลวง ท้องฟ้ายามนี้ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ เสียงนกฮูกกลางคืนกรีดร้อง บรรยากาศวังเวง
จากตรงนี้สามารถมองเห็นทั้งหมดของเมืองตี้จิงในมุมกว้างได้พอดิบพอดีอย่างไร้สิ่งกีดขวาง
ชายชุดดำผู้นั้นยืนอยู่บนขอบหน้าผาด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและสายตาที่เฉียบคม
หลังจากนั้นไม่นาน สตรีสวมเสื้อผ้าสีดำ ด้านนอกสวมชุดคลุมไหล่สีดอกบัวที่งดงามตระการตา ด้วยท่าทางปราดเปรียวว่องไวและเฉียบแหลมราวกับแมวกลางคืน นางกระโดดขึ้นมาบนหน้าผาด้วยวิชาตัวเบา สุดท้ายก็หันกลับมายืนอยู่ด้านหลังชายผู้นั้น
“เจ้ามาสายแล้ว! ”
บุรุษกล่าว
“ทูตซ้ายเจ้ามาเร็วเอง”
สตรีตอบกลับ
“ทูตซ้ายเรียกหลิวหลีมาทำอันใดกัน? หรือว่าจะเป็นเรื่องวางยาพิษเพื่อให้ท่านฉวยโอกาสแก้แค้นในครั้งก่อน? ทูตซ้ายมีความสามารถที่วิเศษ คราก่อนเหมือนจะไม่ได้เรียกหลิวหลี”
“ฮาๆ ฮาๆ! ”
บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังในทันที
“เจ้าขำอันใด? ”
“ผู้คุมกฎซิ่ง แทนที่เจ้าจะกังวลเรื่องเหล่านี้ เจ้าควรกังวลเกี่ยวกับตนเองเถิด! ข้าพึ่งได้รับเรียกจากเบื้องบนให้มาสอบสวน เบื้องบนไม่พอใจอย่างมากกับการแสดงออกของเจ้า”
“ราชครูทราบถึงสถานการณ์ของทางนี้แล้วหรือ? ”
ผู้ที่เป็นสตรีดูเหมือนจะกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย
“ไม่ใช่ราชครู แต่เป็นท่านประมุขหลาน ข่าวสารได้ถูกท่านประมุขหลานปกปิดไว้ชั่วคราว ภายในเวลาอันสั้นหากไม่เกินความคาดหมาย ก่อนที่ราชครูจะออกจากการฝึกยุทธ ท่านจะไม่มีทางรู้ได้ ท่านประมุขหลานส่งสารมา ท่านให้โอกาสเจ้าในการชดเชยผลงาน ภายในสามวัน ท่านจะต้องได้ยินสารเกี่ยวกับการตายของฮองเฮาแห่งจงหนิง”
“สามวัน? ”
เวลาน้อยถึงเพียงนี้จะทำได้อย่างไรกัน?
ในเมื่อพิษบนร่างฮองเฮาได้ถูกกำจัดไปแล้ว เช่นนั้นพวกเขาจะต้องคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่ามีผู้คิดลอบสังหารฮองเฮา พวกเขาจะไม่เพิ่มความระมัดระวังได้อย่างไร
“เนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าสิ้นเปลืองพิษที่ล้ำค่าของท่านประมุขไปเท่าไร? เจ้ากับข้าล้วนเข้าใจอารมณ์ของท่านประมุขดี ครั้งนี้ท่านประมุขยอมให้โอกาสเจ้า สำหรับเจ้าถือว่าเมตตามากแล้ว”
“ได้ ข้าจะ… พยายามอย่างถึงที่สุดแน่นอน”
ซิ่งหลิวหลีแทบจะกัดฟันกล่าว
“ไม่ใช่พยายามอย่างถึงที่สุด ทว่ามันคือสิ่งที่ต้องทำ หากหลังจากสามวันแล้วยังไม่พบหัวของฮองเฮาแห่งจงหนิง ผู้คุมกฎซิ่ง…เจ้ารู้กฎดีว่าจะถูกลงโทษอย่างไร รักษาตัวด้วย! ”
บุรุษผู้นั้นเอ่ยสามคำสุดท้ายอย่างแผ่วเบา ไม่มีความกังวลแทนพันธมิตรของตนแม้แต่น้อย ดูเหมือนจะมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเสียมากกว่า
ซิ่งหลิวหลีนัยน์ตาเคลือบแคลงอาฆาต บุรุษผู้นั้นหัวเราะเสียงดังสองครั้ง
“ฮาๆ ”
ยิ่งซิ่งหลิวหลีโกรธมากเท่าไร ชายผู้นั้นก็ยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น
ก่อนจากไป ทันใดนั้นเขาก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า
“ท่านประมุขให้เจ้านำของอีกสิ่งหนึ่งไปด้วย ตอนที่เจ้ากลับเมืองไปรายงานผล”
“อะไร? ”
“ซูจิ่นซี! ”
“… ”
“ท่านประมุขได้แอบตรวจสอบความสามารถของซูจิ่นซี พบว่าทักษะความสามารถด้านพิษของนางนั้นเหนือกว่าเจ้ากับข้ามาก ผู้คุมกฎซิ่ง ตามที่เจ้าปรารถนาทั้งหมด นี่เป็นโอกาสดีที่เจ้าจะแสดงต่อหน้าท่านประมุข”
ครั้งที่แล้วซิ่งหลิวหลีลักพาตัวซูจิ่นซีมาก็เพื่อที่จะมอบซูจิ่นซีให้กับประมุขของพวกเขา ทว่าเสียดายที่ปล่อยให้ซูจิ่นซีหนีไปได้ คาดไม่ถึงว่าเบื้องบนจะทำการตรวจสอบซูจิ่นซีเป็นการส่วนตัวแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังออกคำสั่งให้นางจับซูจิ่นซีอีกด้วย
ซิ่งหลิวหลีเกลียดตนเองเสียจริงที่ไม่ได้จับซูจิ่นซีให้เร็วกว่านี้ การมอบของขวัญนั้น ต้องมอบก่อนที่จะถูกผู้คนเอ่ยถึงจึงจะเรียกได้ว่าพิเศษ
แล้วก็นะ… ซูจิ่นซี ครั้งนี้เจ้าหนีไม่รอดอย่างแน่นอน
วันต่อมาซูจิ่นซีเข้าวังไปยังตำหนักจ้งหวาของฮองเฮา เหตุผลคือเพื่อตรวจพระอาการของฮองเฮาอีกครั้ง
ซูจิ่นซีและฮองเฮงดูเหมือนจะถูกชะตากันอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดอันใดกันบ้าง ตอนที่กำลังจะกลับ คาดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะจับมือซูจิ่นซีแล้วพานางไปส่งที่ประตูจ้งหวาเป็นการส่วนตัว
ช่วงเที่ยงมีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วทั้งภายในและภายนอกวัง เรื่องที่ฮองเฮาทรงพระสุบินว่าพระองค์เหยียบมังกรขาว ซึ่งเป็นลางว่าบรรพบุรุษตั้งใจจะประทานทายาทสืบสกุล ดังนั้นสองวันต่อมาฮองเฮาจึงเสด็จไปวัดพุทธฝ่าที่เขาหลีซานเป็นการส่วนตัวเพื่อจุดธูปอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในเวลาเดียวกัน ฮองเฮายังเลือกสตรีสองสามนางที่มีวันเดือนเกิดตรงกับตนเองและพามุ่งหน้าไปที่วัดพุทธฝ่าด้วย หนึ่งในนั้นมีพระชายาโยวอ๋อง…ซูจิ่นซี
ก่อนหน้านี้ข่าวลือที่ว่าซูจิ่นซีรักษาโรคของฮองเฮาได้แล้ว พร้อมทั้งข่าวที่แพร่ออกไปว่าฮ่องเต้ให้เวลาซูจิ่นซีหนึ่งเดือนในการตามหาผู้วางยาพิษเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และข่าวที่ซูจิ่นซีเดิมพันกับฮั่วอวี้เจียวในคดีนี้
เมื่อเห็นว่ากำหนดระยะเวลาของฮ่องเต้นับวันยิ่งใกล้เข้ามาทุกที ข่าวลือในเมืองตี้จิงก็ยิ่งโกลาหลวุ่นวายมากขึ้น ผู้คนที่ได้ฟังต่างก็มีปฏิกิริยาที่หลากหลายยิ่งนัก
ผู้คนต่างสับสนว่าซูจิ่นซีจะสามารถหาฆาตกรที่วางยาพิษได้หรือไม่ และระหว่างฮั่วอวี้เจียวกับซูจิ่นซี ผู้ใดกันที่จะชนะ?
กระทั่งโต๊ะพนันและบ่อนพนัน ก็เริ่มเอาเรื่องนี้มาวางเดิมพันเพื่อทำธุรกิจ
การเดิมพันมีสองเรื่อง หนึ่งคือความสามารถของซูจิ่นซีในการสืบหาตัวฆาตกร บางคนเดิมพันว่าซูจิ่นซีสามารถสืบหาตัวฆาตกรได้ บางคนเดิมพันว่าซูจิ่นซีไม่สามารถสืบหาตัวฆาตกรได้
การเดิมพันอีกเรื่องก็คือ ระหว่างฮั่วอวี้เจียวและซูจิ่นซีผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะกันแน่ แน่นอนว่าความเสี่ยงของการเดิมพันนี้ขึ้นอยู่กับความเหนือกว่า
หากซูจิ่นซีสามารถหาตัวฆาตกรได้ แน่นอนว่าซูจิ่นซีจะเป็นผู้ชนะ ตามข้อตกลงของการเดิมพัน ฮั่วอวี้เจียวจะต้องถอดเสื้อผ้าและยืนอยู่ที่ทางเข้าจุ้ยหงโหลวเป็นเวลาสามวัน
หากซูจิ่นซีไม่สามารถสืบหาตัวฆาตกรได้ เช่นนั้นก็เป็นฮั่วอวี้เจียวที่เป็นผู้ชนะ ซูจิ่นซีจะต้องทำตามข้อตกลงของการเดิมพัน นางต้องสละสถานะตัวตนของพระชายาโยวอ๋อง และไปจากเยี่ยโยวเหยา
เดิมพันเช่นใดล้วนมีหมด ในบ่อนพนันมีผู้จงใจทำแผ่นคำขวัญโดยใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่สะดุดตา สถานการณ์การเดิมพันก็ปรากฏขึ้นสองครั้งทุกวัน
เริ่มต้นด้วยการเดิมพันว่าซูจิ่นซีสามารถสืบหาฆาตกรได้ และการเดิมพันของซูจิ่นซีและฮั่วอวี้เจียว ดูท่าซูจิ่นซีจะมีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อย
“พระชายาโยวอ๋อง แท้จริงลึกๆ แล้วนางซ่อนความสามารถไว้ ดูเหมือนว่าจะเก่งกาจมากทีเดียว”
“สายตาของโยวอ๋องจะต้องไม่มีปัญหาแน่ ดังนั้นพระชายาโยวอ๋องก็จะต้องเก่งกาจเช่นเดียวกับโยวอ๋อง เรื่องนี้สำหรับพระชายาโยวอ๋องแล้วเป็นเพียงปอกกล้วยเข้าปาก”
“แม้ว่าพระชายาโยวอ๋องจะสืบหาฆาตกรไม่ได้ ทว่าโยวอ๋องทรงโปรดปรานพระชายาถึงเพียงนั้น ท่านจะต้องช่วยพระชายาสืบหาอย่างแน่นอน เมื่อสามีภรรยาร่วมมือกัน โลกนี้ยังจะมีสิ่งใดที่สามารถทำให้พวกเขาสองคนรู้สึกยากลำบากได้อีก”
“จริง พระชายาโยวอ๋องสามารถสืบหาฆาตกรได้อย่างแน่นอน พระชายาโยวอ๋องต้องชนะ… ”
“พระชายาสามารถสืบหาฆาตกรได้… ”
“พระชายาต้องชนะ… ”