สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 4 ตอนที่ 110 ท่านอ๋อง ซูจิ่นซีเรียกท่านกลับจวน
เยี่ยโยวเหยาตกตะลึงเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะถามเช่นนี้ ทั้งยังถามอย่างตรงไปตรงมาเสียด้วย เยี่ยโยวเหยาจึงไม่ได้พูดอันใดไปครู่ใหญ่
สายตาของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาสบมองกัน
ซูจิ่นซีจับจ้องการแสดงออกทั้งหมดบนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาอย่างละเอียด ทว่านางกลับเห็นเพียงความเย็นชาและนิ่งสงบอย่างที่เป็นมาตลอด
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มีเสียงดัง “ตูม”
ซูจิ่นซีหันกลับมามอง นางเห็นดอกไม้ไฟที่เบ่งบานอย่างสวยงามเต็มท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา
“งดงามมาก! ”
วันนี้เป็นครั้งที่สองที่นางได้เห็นดอกไม้ไฟ!
ดอกไม้ไฟที่สว่างไสวบนท้องฟ้ามีหลากหลายสีสัน ส่องแสงสลับปะปนกันอย่างงดงาม แสงจากดอกไม้ไฟตกกระทบลงบนแก้มของซูจิ่นซี กอปรกับมวยผมดอกจูอวี๋สีแดง ช่วยขับให้ใบหน้าด้านข้างของนางงดงามมากยิ่งขึ้น
เยี่ยโยวเหยาเฝ้ามองใบหน้าด้านข้างของซูจิ่นซีอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น เยี่ยโยวเหยายกมือขึ้นกุมที่ตำแหน่งหัวใจด้วยใบหน้าซีดขาว พลางก้าวถอยหลังออกไป
“เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็นอันใดไปเพคะ? ”
ซูจิ่นซีได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันกลับมาในทันที และพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป
การแสดงออกของเยี่ยโยวเหยาดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ก่อนหน้านี้ นางเคยเห็นท่าทางของเขาที่เกิดจากพิษดูดเลือดกำเริบจนเสียการควบคุม ทว่าในตอนนี้เขาเป็นปีศาจที่ไร้หัวใจ นางไม่เคยเห็นอาการที่ลำบากเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยามาก่อน
“เจ้าอย่าเข้ามา! ออก… เจ้าออกไป! ”
ในเวลาสั้นๆ บนหน้าผากของเยี่ยโยวเหยาก็ปรากฏเหงื่อเย็นบางๆ ซึมออกมา กระทั่งมือที่ชี้ซูจิ่นซีอยู่ก็สั่นเทาไปหมด
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่สามารถสร้างความลำบากให้แก่เยี่ยโยวเหยาได้ ทว่าการแสดงออกเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยาได้ล้มล้างภาพลักษณ์ที่มีอำนาจของเขาเสียแล้ว
ซูจิ่นซีกังวลเป็นอย่างมาก “เยี่ยโยวเหยา ให้หม่อมฉันดูหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านป่วยหรือว่าบาดเจ็บเพคะ”
ซูจิ่นซีตัดความเป็นไปได้ที่เยี่ยโยวเหยาจะถูกพิษออกไป เนื่องจากระบบถอนพิษไม่ได้แจ้งเตือน
ไม่สิ!
ซูจิ่นซีนึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน
แม้ว่าระบบถอนพิษไม่ได้แจ้งเตือน ทว่าก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าสามารถตัดความเป็นไปได้ที่เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ถูกพิษออกไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ระดับของระบบถอนพิษไม่ได้สูงมากนัก มีความเป็นไปได้อย่างมากที่สารพิษบางส่วนจะไม่สามารถตรวจวัดออกมาได้
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงต้องตรวจสอบด้วยตนเอง
เยี่ยโยวเหยาแทบจะขดตัวลงกับพื้นด้วยความทรมาน ทว่าเมื่อซูจิ่นซีเดินเข้าไปใกล้ ปฏิกิริยาของเยี่ยโยวเหยาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เขาร้องตะโกนให้ซูจิ่นซีถอยออกไปครั้งแล้วแล้วเล่า
“เยี่ยโยวเหยาเพคะ ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านใจเย็นๆ หม่อมฉันไม่ได้ทำอันใดเพคะ เพียงจะจับชีพจรของท่านเท่านั้น ตกลงหรือไม่เพคะ? ”
ซูจิ่นซีกระทำด้วยความระวังเป็นอย่างมาก ทว่าในใจกลับเจ็บปวดจนอยากให้เป็นนางเองที่เป็นฝ่ายทรมาน
“เจ้าไสหัวออกไป! ”
ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาชี้นิ้วด่าซูจิ่นซีได้เพียงประโยคเดียว จากนั้นเยี่ยโยวเหยาก็เดินโซซัดโซเซผ่านฝูงชนออกไป
แม้ว่าเยี่ยโยวเหยาจะรู้สึกทรมานทว่าก็ยังฝืนใช้วรยุทธ ซูจิ่นซีที่เดินตามหลังเยี่ยโยวเหยา ไม่นานก็ตามไม่ทันฝีเท้าของเขา ชั่วพริบตาก็มองไม่เห็นเงาของเยี่ยโยวเหยาแล้ว
ซูจิ่นซีวิ่งมาตามทางกลับจวนโยวอ๋องอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเหงื่อ ลำคอแห้งผาก
เมื่อแม่นมฮวามองเห็นซูจิ่นก็ดีใจมาก “พระชายา เสด็จกลับมาแล้วหรือเพคะ? ”
“ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือยัง? ”
“ตอนที่องครักษ์ฉินกลับมาได้บอกว่าท่านอ๋องกับพระชายาอยู่ด้วยกันนี่เพคะ! แล้วเหตุใด? ท่านอ๋องไม่ได้กลับมาพร้อมกับท่านหรอกหรือเพคะ? ” แม่นมฮวามองดูแผ่นหลังของซูจิ่นซีด้วยความไม่เข้าใจ
แย่แล้ว เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กลับมา เขาเป็นเช่นนั้น หากหมดสติอยู่ข้างนอกหรือเกิดเรื่องอันใดขึ้นจะทำอย่างไร?
“ฉินเทียนเล่า? ” ซูจิ่นซีถามขึ้นอีกครั้ง
“องครักษ์ฉินกลับมาแล้ว ทว่าก็ออกจากจวนไปแล้วเพคะ เรื่องของกองทัพองครักษ์ พวกหม่อมฉันล้วนไม่เคยถาม พระชายาเพคะ เกิดอันใดขึ้นหรือเพคะ? ” ในที่สุดแม่นมฮวาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของซูจิ่นซี
แม้แต่ฉินเทียนก็ไม่อยู่ ซูจิ่นซีคิดไม่ออกเลยว่า เยี่ยโยวเหยาที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นจะไปหาผู้ใดได้ เขาจะไปที่ใดได้ นางยิ่งคิดยิ่งวิตก ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล
“แม่นมฮวา วิหารวิญญาณอยู่ที่ใด? ”
ซูจิ่นซีเพิ่งถามออกไป แม่นมฮวาก็แสดงสีหน้าตกใจราวกับได้ยินเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าท่าทางล้วนเปลี่ยนแปลงไปหมด
“พระชายา ไปไม่ได้ ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ!”
พ่อบ้านชราเข้ามาได้ยินซูจิ่นซีถามถึงที่อยู่ของวิหารวิญญาณกับแม่นมฮวาเข้าพอดี
“เหตุใดจึงไปไม่ได้เล่า? พ่อบ้าน ข้ามีเรื่องด่วนจริงๆ ”
“พระชายา วิหารวิญญาณมีแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากท่านอ๋องเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ ผู้อื่นไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ตาม หากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูกประหารพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านพูดพร้อมกับแสดงใบหน้าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับกำลังพูดถึงนรกบนดินอย่างไรอย่างนั้น
พ่อบ้านกลัวซูจิ่นซีไม่เชื่อจึงพูดเสริมต่อว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่ง เนื่องจากไท่เฟยมีเรื่องด่วนกับท่านอ๋อง พระองค์จึงไปที่วิหารวิญญาณ ท่านอ๋องก็เกือบจะจัดการกับไท่เฟยพ่ะย่ะค่ะ”
แม้แต่มารดาผู้ให้กำเนิดของตนก็ยังสามารถจัดการได้หรือ?
แท้จริงแล้ววิหารวิญญาณมีความลับอันใดที่เยี่ยโยวเหยาซ่อนไว้กัน?
ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ซูจิ่นซีสนใจมากนักในตอนนี้
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กลับมาที่จวน ฉินเทียนก็ไม่อยู่ ไปหาที่วิหารวิญญาณก็ไม่ได้ นางควรจะทำอย่างไรดี?
ในสมองของซูจิ่นซีราวกับหนังอย่างไรอย่างนั้น ฉายซ้ำภาพของเยี่ยโยวเหยาก่อนที่เขาจะจากไป อย่างไรนางก็ไม่อาจวางใจได้
“พระชายา เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่พ่ะย่ะค่ะ? หากมีเรื่องด่วนอันใดที่ต้องการพบท่านอ๋อง ข้าน้อยสามารถส่งคนไปที่วิหารวิญญาณเพื่อส่งข้อความไปบอกท่านอ๋องได้พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านกล่าวขึ้น
ซูจิ่นซีคิดไปคิดมา ตอนนี้ที่ทำได้ก็มีเพียงเท่านี้แล้ว
ทว่าให้ยืนพูดอยู่ที่ลานก็คงไม่เหมาะสม ลักษณะอาการของเยี่ยโยวเหยานั้นไม่ควรให้ผู้อื่นรู้มากนัก
ซูจิ่นซีจึงพาพ่อบ้านชราและแม่นมฮวากลับมาที่เรือนอวิ๋นไคก่อน
เมื่อลวี่หลีเห็นซูจิ่นซีกลับมาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อเห็นซูจิ่นซีและพ่อบ้าน อีกทั้งยังมีแม่นมฮวาที่แสดงท่าทางจริงจัง นางจึงเก็บความรู้สึกดีใจนั้นไว้ และคอยรับใช้ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง
หลังจากกลับมาถึงเรือนอวิ๋นไค ซูจิ่นซีก็นำเหตุการณ์แปลกประหลาดและการหายตัวไปอย่างรวดเร็วของเยี่ยโยวเหยามาเล่าให้พ่อบ้านฟังอีกครั้ง
ใบหน้าของแม่นมฮวาเต็มไปด้วยความกังวล “พระชายา ท่านแน่ใจหรือไม่เพคะ ว่าได้กำจัดพิษในตัวท่านอ๋องออกจนหมดแล้ว? ”
“นอกเสียจากพิษดูดเลือดที่ถือว่าจัดการได้ยากยิ่ง พิษที่อยู่ในร่างกายของเขาก่อนหน้านี้ ข้ามั่นใจว่าได้กำจัดออกหมดแล้ว ทว่าลักษณะเช่นนั้นไม่เหมือนกับอาการกำเริบจากพิษดูดเลือด ข้าประหลาดใจนัก ทว่าข้าก็บอกไม่ได้ว่าประหลาดใจตรงที่ใด”
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นลักษณะที่เจ็บปวดทรมานถึงเพียงนั้นมาก่อน
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่เพคะ? ”
แม่นมฮวาหันไปหันมาอย่างเป็นกังวล
“พระชายาไม่ต้องเป็นกังวลนะพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะส่งคนไปลองถามที่วิหารวิญญาณดู หากท่านอ๋องกลับมายังวิหารวิญญาณแล้ว จะต้องทราบอย่างแน่นอนว่าตอนนี้ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง” พ่อบ้านกล่าวขึ้น
ซูจิ่นซีพยักหน้า
พ่อบ้านเร่งรีบส่งคนไปยังวิหารวิญญาณ
เวลาเคลื่อนผ่านไป
ซูจิ่นซียุ่งติดต่อกันมาหลายวัน อีกทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็พลิกผันเป็นอย่างมาก ซูจิ่นซีต้องใช้พลังจิตและพลังสมองในการจัดการ เวลานี้ซูจิ่นควรจะไปอาบน้ำอุ่นและนอนหลับอย่างสบายใจจึงจะถูก ทว่าดวงตาทั้งสองกลับเบิกกว้าง นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
เมื่อถึงตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านชราก็มาที่เรือนชิงโยวและบอกว่าผู้ที่ส่งให้ไปวิหารวิญญาณไม่กลับมาเลย เขาจึงส่งคนไปครั้งที่สอง ทว่าก็ไม่กลับมาเช่นกัน
ที่วิหารวิญญาณคงจงใจกักขังคนและข่าวสารไว้ ไม่ให้คนในจวนโยวอ๋องรู้
ซูจิ่นซีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างห่อเหี่ยว ดวงตาทั้งคู่อ้างว้างนางมองไปทางตำหนักฝูอวิ๋น
เกิดอันใดขึ้นกับเยี่ยโยวเหยากันแน่?
ซูจิ่นซีไม่ได้นอนทั้งวัน สำรับที่แม่นมฮวาและลวี่หลียกมาให้ก็ถูกเขี่ยสองครั้งหลังจากนั้นก็วางลง นางบอกว่าไม่มีอารมณ์ทาน จะทำเรื่องสิ่งใดก็ไม่มีใจที่จะทำ ไม่มีเรี่ยวแรงกระตือรือร้น
แม้ในยามกลางคืนซูจิ่นซีจะข่มตานอนได้แล้ว ทว่านอนได้ไม่กี่ชั่วยามก็ตื่นขึ้นมาราวกับฝันร้าย หลังจากนั้นก็ไม่หลับอีกเลย ทำเพียงนั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองดูหน้าต่างที่มืดสนิทของตำหนักฝูอวิ๋น
พอเข้าวันที่สาม เยี่ยโยวเหยาก็ยังไม่กลับมา ทางวิหารวิญญาณก็ยังคงไม่มีข่าวคราวอันใด
“พระชายาเพคะ วันนี้เป็นวันที่ท่านและคุณหนูฮั่วตกลงกันว่าจะปฏิบัติตามสัญญาเดิมพันที่โรงน้ำชาจุ้ยหงนะเพคะ” แม่นมฮวากล่าวเตือน
ซูจิ่นซีลุกขึ้นเดินอย่างไม่มีเรี่ยวแรงไปที่เรือนอวิ๋นไค “ไม่มีกะจิตกะใจจะไป”
แม่นมฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่
พระชายาเป็นห่วงท่านอ๋อง นางเคยไม่เป็นห่วงที่ใดกันเล่า?
หากวันนี้พระชายาไม่ไปตามนัด ผู้ใดจะรู้ว่าจะมีข่าวลืออันใดจากคนภายนอกอีก ฮั่วอวี้เจียวคิดจะทำอันใดแผลงๆ อีกหรือไม่
ดังนั้นแม่นมฮวาจึงส่งคนไปสืบข่าวที่หน้าประตูโรงน้ำชาจุ้ยหง ให้เขาคอยรายงานสถานการณ์ทางนั้นกับนางตลอดเวลา
ทว่าจนถึงพลบค่ำแล้ว ฮั่วอวี้เจียวก็ไม่ปรากฏตัวออกมา แม่นมฮวาจึงส่งคนออกไปแจ้งว่าซูจิ่นซีป่วย นางรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว จึงได้เปลี่ยนแปลงวันที่จะพบกับฮั่วอวี้เจียวอีกครั้ง
เป็นอย่างที่แม่นมฮวาคิดไว้จริงๆ แม้ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ทว่ายังคงมีข่าวลือที่พูดกันปากต่อปาก ปากติดอยู่ที่ตัวของคนเหล่านั้น พวกเขาสามารถพูดได้ทุกอย่าง
แม่นมฮวากระวนกระวายใจยิ่งนัก นางจึงปิดประตูจวนไม่ยอมฟังข่าวลืออันใดทั้งนั้น และไม่ยอมเปิดประตูออกมาเลย
เป็นเวลาหลายวันแล้ว ทว่าสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นเดิม เยี่ยโยวเหยายังไม่กลับมา ทางฝั่งวิหารวิญญาณก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ซูจิ่นซีคิดจะไปวิหารวิญญาณอยู่หลายครั้งโดยไม่สนใจชีวิตตนเอง ทว่าก็ถูกแม่นมฮวาและพ่อบ้านขวางทางไว้ตลอด
เมื่อถึงวันที่เจ็ด ก็มีคนจากจวนโยวอ๋องผู้หนึ่งนำของสองชิ้นมาให้