สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 6 ตอนที่ 154 จดจ่อตัวต่อตัว คนรักเก่าของฮ่องเต้
เว่ยเหม่ยเจียส่งเสียงโวยวายจนคนหูหยวกยังได้ยิน เสียงนั้นดังอึกทึกอยู่ด้านข้างเว่ยกั๋วกงและฮูหยินเว่ยกั๋วกง ทว่าทันใดนั้นนางก็พลันหยุดเสียงลง
เว่ยเหม่ยเจียดูราวกับคนที่เสียสติไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น นางยกมือปิดหูพลางส่ายศีรษะไปมา “ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูด พวกท่านไม่ต้องพูดกระไรอีกต่อไปแล้ว”
เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว แม้เว่ยกั๋วกงและฮูหยินเว่ยกั๋วกงจะโง่เง่าก็สามารถคิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาเดาไม่ผิด คงเป็นบุตรสาวของพวกเขา…เว่ยเหม่ยเจียที่เป็นผู้กระทำความผิด
“พระชายา ไหวหยางจวิ้นจู่จากจวนจงอู่โหวและฮูหยินฮั่วซื่อจากจวนสกุลซูมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทันใดนั้นข้ารับใช้ก็วิ่งเข้ามารายงาน
ไหวหยางจวิ้นจู่? ยังมีฮั่วซื่ออีกหรือ?
ซูจิ่นซีข้องใจยิ่งนัก เวลานี้พวกนางมาทำสิ่งใด?
หนานย่วนกับจวนจงอู่โหวล้วนไม่มีการติดต่อใดๆ กันเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ตัวตนและสถานะของฮั่วซื่อ หากไม่ใช่เพราะติดตามไหวหยางจวิ้นจู่ ประตูหนานย่วนแห่งนี้นางคงเข้ามาไม่ได้กระมัง?
ในเวลาเดียวกัน ซูจิ่นซียังพบว่าแววตาของเฉินไท่เฟยผิดปกติอย่างมาก ดูเหมือนนางจะเลี่ยงสายตาของซูจิ่นซีอย่างจงใจ
หรือว่านางยังมีเรื่องกระไรปิดบังซูจิ่นซีอยู่?
“เฉินไท่เฟย ท่านเอาบุตรชายของข้าคืนมา! ไม่เช่นนั้น ข้าจะเหยียบหนานย่วนของท่านให้จมดิน”
ซูจิ่นซีคาดไม่ถึงว่าใต้หล้านี้ยังมีคนที่กล้าแสดงอากัปกิริยาดุดันในอาณาเขตของเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังสามารถใช้น้ำเสียงที่ดังได้ถึงเพียงนี้อีกด้วย
ขณะที่ซูจิ่นซีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สตรีนางหนึ่งที่สวมอาภรณ์สีเขียวเข้มโศภาก็เข้ามาสมทบพร้อมกับฮั่วซื่อ ในไม่ช้าก็เดินมาถึงลานด้านใน
ซูจิ่นซี เฉินไท่เฟย เว่ยกั๋วกง และฮูหยินเว่ยกั๋วกงต่างกล่าวต้อนรับ
“เฉินไท่เฟย บุตรชายของข้าเล่า? ทางที่ดีเจ้าส่งบุตรชายของข้าคืนมาดีกว่า มิเช่นนั้นข้าไม่จบกับเจ้าแน่” ไหวหยางจวิ้นจู่เอ่ยขึ้นกลางวง
ไหวหยางจวิ้นจู่ผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นธิดาสายตรงของจวนมู่แห่งยูนนาน เมื่อยังเด็กมีบุคลิกฉุนเฉียวและงดงามน่าตราตรึง เวลานั้นนางยังเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในเมืองตี้จิงอีกด้วย นางมีความสัมพันธ์โยงใยไปทั่วระหว่างฮ่องเต้องค์เดิมและฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทว่าต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นางจึงได้สมรสกับจงอู่โหว
หลังจากนั้นฮ่องเต้ได้ให้สัตยาบันนางเป็นไหวหยางจวิ้นจู่ แม้หลายปีมานี้นางยังคงทำตัวก้าวร้าวและมีอิทธิพลอำนาจถึงเพียงนั้น ทว่านางกลับปรากฏตัวในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองตี้จิงไม่บ่อยนักหลังจากนางให้กำเนิดบุตร
อีกอย่างจงอู่โหวนี้
แม้จะได้รับบรรดาศักดิ์โหว ทว่าไม่ได้มีค่ามากมาย
แม้จวนจงอู่โหวในลู่โจวของเขาจะเป็นเหมือนดั่งพี่น้องต่างมารดากับแม่ทัพฮั่วจากจวนสกุลฮั่ว ทว่าในเรื่องของยศถาบรรดาศักดิ์ในราชวงศ์และระดับความเคารพนับถือในใจของผู้คนนั้น จงอู่โหวยังห่างชั้นจากนายพลฮั่วมากนัก
ยศฐาบรรดาศักดิในปัจจุบันของจงอู่โหวขึ้นอยู่กับสตรีผู้ล่อลวงฮ่องเต้ในเวลานั้น และขึ้นอยู่กับร่องรอยความพิสมัยของฮ่องเต้ที่หลงเหลืออยู่ต่อไหวหยางจวิ้นจู่ เขาเกาะชายกระโปรงอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับไหวหยางจวิ้นจู่เพื่อให้ตนเองมีตำแหน่งยศศักดิ์
มิฉะนั้น แม้แต่จงอู่โหวก็คงไม่ได้เป็น ไม่แน่ว่าบางทีทุกวันนี้เขาอาจเป็นเพียงข้ารับใช้ที่ถูกดูหมิ่นในตระกูลฮั่วแห่งลู่โจว
ซูจิ่นซีค่อยๆ ชำเลืองมองนางอย่างเต็มสองตา เฝ้าชมการแสดงของไหวหยางจวิ้นจู่
สตรีที่มีความสัมพันธ์กับฮ่องเต้ แท้จริงแล้วช่างเสแสร้ง!
“บุตรชายกระไร? ไหวหยางจวิ้นจู่ เจ้าบังอาจยิ่งนัก! ไม่ได้ดูเลยว่าที่นี่คือที่ใด หนานย่วนใช่ที่ที่เจ้าจะมาร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายได้หรือ? ” เฉินไท่เฟยกล่าวขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว
“หึ จู๋เหยียนบ่าวรับใช้ข้างกายบุตรชายข้าเห็นกับตาว่าคนจากหนานย่วนของท่านลักพาตัวบุตรชายข้าไป ท่านยังจะพูดกระไรได้อีกหรือ? ส่งเขามาเดี๋ยวนี้! ”
ไหวหยางจวิ้นจู่ยกมือขึ้น ทหารทั้งสองนายก็โยนบ่าวรับใช้ที่ถูกทุบตีอย่างสาหัสไปที่เท้าของเฉินไท่เฟย
เฉินไท่เฟยสะดุ้งตกใจถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยใบหน้าที่ไม่น่าดูนัก นางกล่าวขึ้นว่า “นี่คือผู้ใด? ข้าไม่รู้จัก! ”
ไหวหยางจวิ้นจู่หัวเราะเยาะเย้ยที่มุมปาก “เฉินไท่เฟย ท่านไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขาเป็นผู้ใด คนเช่นนี้ไม่อยู่ในครรลองสายตาของท่านหรอก เขาคือจู๋เหยียน บ่าวรับใช้ส่วนตัวของฮั่วปี้…บุตรชายข้า เขาเป็นผู้ที่เห็นคนจากหนานย่วนของท่านพาบุตรชายของข้าไป ท่านยังจะพูดอันใดอีกหรือ? ”
“ไหวหยางจวิ้นจู่ เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายผู้อื่นอย่างชั่วช้า คำพูดของคนจำพวกนี้เจ้าเชื่อหรือ? หรือเจ้าคิดว่าหนานย่วนของข้าจับตัวบุตรชายของเจ้าไป เช่นนั้นเจ้าก็ค้นเสีย! ”
“หึ! ทหาร ค้นให้ข้าทุกซอกทุกมุม อย่าได้บกพร่อง! ” ไหวหยางจวิ้นจู่ส่งเสียงหึ ขณะเดียวกันกองกำลังทหารด้านนอกประตูก็วิ่งเข้ามาราวกับน้ำไหลในทันที ทั้งยังกล้าทำการค้นหาตามคำสั่งของไหวหยางจวิ้นจู่
“ไหวหยางจวิ้นจู่ เจ้ากล้ายิ่งนัก เจ้า… เจ้า… เจ้าทำให้ข้าโกรธเสียจริง! ” ทันใดนั้นเฉินไท่เฟยก็ยกมือกุมอก ใบหน้าซีดเผือด
อย่างไรก็ตาม เหตุใดซูจิ่นซีจึงรู้สึกว่าวันนี้ความมั่นใจของเฉินไท่เฟยไม่มากเท่าที่ควร เมื่อพูดต่อหน้าไหวหยางจวิ้นจู่?
มิเช่นนั้น แม้ไหวหยางจวิ้นจู่จะอาศัยฮ่องเต้ผู้เป็นรักเก่าให้หนุนหลังอีกครั้ง เฉินไท่เฟยคงไม่ปล่อยให้นางรังแกถึงเพียงนี้
นางเป็นผู้ใด? นางเป็นเฉินไท่เฟยผู้สง่างามเชียวนะ!
หนานย่วนคือสถานที่ใด? หนานย่วนเป็นลานแห่งหนึ่งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานให้กับเฉินไท่เฟยด้วยพระองค์เอง ทุกวันนี้ตัวอักษรบนป้ายสัญลักษณ์ที่ประตูยังเขียนด้วยพระหัตถ์ของฮ่องเต้องค์ก่อน
เฉินไท่เฟยมีเกียรติถึงเพียงนั้น นางเป็นผู้ที่ทะนงตนผู้หนึ่ง หากไม่ใช่เพราะนางขาดความมั่นใจต่อหน้าไหวหยางจวิ้นจู่ เหตุใดจึงเอ่ยคำพูดเด็ดขาดออกมาไม่ได้เล่า?
หรือว่าบุตรชายของไหวหยางจวิ้นจู่จะอยู่ที่หนานย่วนจริง?
เขาถูกเฉินไท่เฟยจับตัวมาจริงหรือ?
“ท่านแม่! ท่านแม่ ท่านมาแล้ว ท่านจะต้องช่วยข้านะขอรับ! ”
ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากระยะไกล
ซูจิ่นซีมองหาที่มาของเสียง ในขณะนั้นเองนางก็ได้เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นที่อีกนิดก็เกือบจะตกบันไดลงมาแล้ว
นี่… นี่ไม่ใช่ ‘ฮั่วอวี้’ เจ้าอ้วนหูกางที่พยายามเอาเปรียบนางตอนที่เพิ่งข้ามภพมาหรอกหรือ?
เขาตกสระบัวของจวนสกุลซูและจมน้ำตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่?
หรือว่าจะเป็นผีดิบไปแล้ว?
สายตาตื่นตระหนกของซูจิ่นซีอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฮั่วซื่อ
ฮั่วซื่อก็มองมายังทิศทางของซูจิ่นซีพอดีเช่นกัน นางเห็นใบหน้าของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความสงสัยจึงกล่าวขึ้นว่า “จิ่นซีอ่า! นี่คือลูกพี่ลูกน้องของเจ้า อวี้เอ๋อร์เป็นพี่ชาย อวี้เอ๋อร์โชคร้ายจากไปอย่างรวดเร็ว ทว่าบุตรชายที่สืบสายเลือดจากบรรพบุรุษของท่านลุงและท่านป้าของเจ้าในขณะนี้ กลับไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น… เจ้าว่า ท่านลุงกับท่านป้าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไรเล่า! ”
ขณะที่พูดอยู่ ฮั่วซื่อก็น้ำตาไหลต่อหน้าผู้คน
ท่านลุงและท่านป้าในคำพูดของฮั่วซื่อก็คือจงอู่โหวและไหวหยางจวิ้นจู่ที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้
แม้ซูจิ่นซีจะไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของฮั่วซื่อ ทว่าฮั่วซื่อก็เป็นฮูหยินของซูจิ่นซี ตามหลักความอาวุโสของคนในสกุล ซูจิ่นซีควรถูกเรียกว่าเป็นบุตรสาวของฮั่วซื่อ
ทว่าเหตุใดซูจิ่นซีจึงรู้สึกว่าข่าวสารในคำพูดของฮั่วซื่อนั้นมากมายยิ่ง?
เกิดอันใดขึ้นกับฮั่วปี้?
เหตุใดเฉินไท่เฟยจึงจับเขามาที่หนานย่วนและซ่อนไม่ให้ผู้อื่นพบเขา?
นางคิดจะทำสิ่งใด?
ในหัวของซูจิ่นซีพิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้ดูเหมือนว่าไหวหยางจวิ้นจู่พึ่งสังเกตเห็นซูจิ่นซี “โอ้ ซูจิ่นซี เจ้าก็อยู่ด้วยหรือ? เจ้าอยู่ก็ดี เรามาคิดบัญชีใหม่เก่ากัน! ”
บัญชีเก่า?
คิดบัญชีเก่ากระไร?
ซูจิ่นซีไม่เข้าใจว่าไหวหยางจวิ้นจู่ที่พึ่งพบหน้ากันครั้งแรกจะสามารถมีบัญชีเก่าอันใดได้
จากนั้นซูจิ่นซีก็ได้ยินไหวหยางจวิ้นจู่พูดอีกครั้งว่า “ซูจิ่นซี ทุกวันนี้ชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังไปทั่วเมืองตี้จิงแล้ว ช่างสำราญยิ่งนัก! ในเมื่อผู้คนล้วนพูดเช่นนั้น เป็นเจ้าที่ขับไล่ไสส่งเว่ยเหม่ยเจียให้ออกไปจากหนานย่วน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับบุตรชายของข้า เจ้าให้เฉินไท่เฟยปล่อยคนไปเสียเถิด! ข้าจะพาบุตรชายของข้าไปเดี๋ยวนี้”
ไหวหยางจวิ้นจู่กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
เดี๋ยวนะ!
หรือว่าเมื่อคืนเป็นฮั่วปี้ที่ข่มเหงรังแกเว่ยเหม่ยเจีย?
ไม่ใช่กระมัง?
แม้จะเล่นตัวต่อตัว ก็ไม่น่าเป็นเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้ใช่หรือไม่?
เหตุใดเว่ยเหม่ยเจียจึงพบคนสกุลฮั่วได้?
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็เกิดลางสังหรณ์บางอย่างที่เลวร้ายยิ่ง