สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 8 ตอนที่ 212 มหาเศรษฐี คนมีเงิน
“เยี่ยโยวเหยา! ”
ซูจิ่นซีผลักเยี่ยโยวเหยาเบาๆ ด้วยท่าทีหวาดระแวง
คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะไม่ได้ทำอันใด เขาเพียงคลายมือจากเอวของซูจิ่นซี และยืนกุมมือซูจิ่นซีเงียบๆ เท่านั้น
ไม่รู้เพราะเหตุใด หัวใจของซูจิ่นซีรู้สึกผ่อนคลาย ทว่ายังมีความรู้สึกสูญเสียที่อธิบายไม่ได้
หลังจากที่เรือแล่นอยู่บนทะเลสาบได้ราวหนึ่งชั่วยาม ซูจิ่นซีก็เห็นชายฝั่งอยู่ไกลๆ เมื่อเรือแล่นเข้าไปใกล้ นางก็เห็นคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ภายนอกคฤหาสน์ยังคงมีดอกเหมยสีแดงบานสะพรั่งดั่งเปลวเพลิง ทัศนียภาพงดงามไม่ด้อยไปกว่าบนทะเลสาบ
เยี่ยโยวเหยาจูงมือซูจิ่นซีขึ้นไป บนชายฝั่งมีคนเปิดประตูคฤหาสน์ออกมาต้อนรับซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน! ”
ทุกคนต่างคำนับเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์ ซูจิ่นซีก็แสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ เรือนพักและห้องหับของที่นี่ แม้จะตกแต่งด้วยรูปแบบที่แตกต่างจากจวนโยวอ๋อง ทว่ารูปแบบและความหรูหรานั้นไม่เป็นรองจวนโยวอ๋องเลย กลับหรูหรากว่าด้วยซ้ำ
บุรุษผู้นี้รู้จักสถานที่หรูหราและเงียบสงบเช่นนี้ได้อย่างไร? ทั้งยังตั้งอยู่ต่างเมืองอีกด้วย
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ซูจิ่นซีก็อดนึกถึงตอนที่อยู่หน้าประตูไม่ได้ บ่าวรับใช้ทุกคนล้วนเรียกพวกเขาว่า ‘นายท่าน’
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น สถานที่แห่งนี้คงไม่ใช่มรดกของเยี่ยโยวเหยาหรอกกระมัง?
จวนโยวอ๋องเป็นของเขา ก่อนหน้านั้นเรือนพักชั่วคราวขณะที่เดินทางมาหนานหลีก็เป็นของเขา อีกทั้งคฤหาสน์ทุ่งดอกเหมยที่หรูหราและโออ่าเช่นนี้ก็ยังเป็นของเขา บุรุษผู้นี้มีเงินมากมายจริงๆ !
ดูเหมือนเยี่ยโยวเหยาจะคาดเดาได้ว่าซูจิ่นซีกำลังคิดอันใดในใจ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย พลางยิ้มมุมปากพูดว่า “ที่นี่เป็นมรดกของข้า ยังมีทะเลสาบด้านนอกและสถานที่ปลูกต้นดอกเหมยโดยรอบชายฝั่งทะเลสาบในระยะหนึ่งลี้ ล้วนเป็นของข้าทั้งหมด”
โอ้พระเจ้า!
ซูจิ่นซีตกตะลึงจนขยับเขยื้อนเดินไม่ถูกทาง
นางไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เท่าใดนัก จึงไม่สามารถคำนวณพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ ทว่าเมื่อมองดูความกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลสาบและพื้นที่ของป่าดอกเหมย ทั้งยังมีความใหญ่โตโอ่อาของคฤหาสน์ที่นางเห็นก่อนหน้านี้ทั้งหมด โอ้! เมื่อนำมารวมเข้าด้วยกัน เนื้อที่โดยรวมเปรียบได้กับพื้นที่ครึ่งเมืองในยุคปัจจุบัน
เศรษฐีที่ดิน!
เศรษฐีเจ้าบุญทุ่ม!
บุรุษผู้นี้มีเงินมากถึงเพียงนี้ ซูจิ่นซีไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลย
ภายในช่วงเวลาอันสั้น ภาพลักษณ์ที่สูงส่งของเยี่ยโยวเหยาในสายตาของซูจิ่นซีพลันเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์อันโอ่อ่ากว้างขวางที่มีการจัดเตาผิงไฟทั้งสี่แห่ง ซูจิ่นซีก็รู้สึกถึงลมอุ่นปะทะเข้าใบหน้า นางรีบวิ่งไปข้างเตาไฟเพื่อคลายหนาวและไม่ขยับเขยื้อนไปไหนอีกเลย
หญิงรับใช้เข้าไปถอดเสื้อคลุมให้กับเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีและปัดหิมะบนร่างของพวกเขา เยี่ยโยวเหยาเดินเข้าไปหาซูจิ่นซี เขาดึงแขนของนางส่งให้หญิงรับใช้นางหนึ่ง “ไปอาบน้ำอุ่นชำระร่างกายก่อน”
ไปอาบน้ำอุ่นชำระร่างกายก่อน
คำพูดเช่นนี้ ทำให้ผู้อื่นคิดเลยเถิดหรือไม่?
เมื่อก่อน ภาพยนตร์ที่นางเคยดูมามากมายนั้น พระเอกกับนางเอกมักไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศที่หรูหรามาก จากนั้นก็ไปอาบน้ำอุ่นชำระร่างกาย และหลังจากนั้นก็…
ซูจิ่นซีส่ายหน้าอย่างจริงจังด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ นางรีบกุมเสื้อบริเวณหน้าอกของตนพลางยิ้มมุมปาก “ไม่ต้อง ไม่ต้อง ตอนนี้ข้ารู้สึกสบายตัวดี อีกทั้งข้าเพิ่งจะอาบน้ำมาไม่นาน ไม่ต้องอาบหรอก”
พูดจบ ซูจิ่นซีก็รีบหันหลังวิ่งกลับไปยืนพิงข้างเตาไฟตามเดิม
เยี่ยโยวเหยาจับหัวไหล่ของซูจิ่นซีไว้แน่น ซูจิ่นซีตกใจ ยืนนิ่ง นางรู้สึกถึงลมหายใจอบอุ่นที่ข้างหู ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาเคร่งขรึมแกมดุดัน เขาเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้หูของซูจิ่นซี
“เพิ่งจะอาบน้ำมาหรือ? ชายาที่รักแน่ใจหรือ? ทว่าข้าจำได้ว่าชายาที่รักอาบน้ำครั้งล่าสุดเมื่อแปดเก้าวันที่แล้วไม่ใช่หรือ? ”
ซูจิ่นซีอาบน้ำครั้งล่าสุดที่เรือนพักชั่วคราวระหว่างเดินทางเมื่อแปดเก้าวันที่แล้วจริง
บุรุษผู้นี้ เหตุใดเขาถึงรู้ละเอียดถึงเพียงนี้?
ซูจิ่นซีอดขมวดคิ้วไม่ได้ นางค่อยๆ หันไปมองหน้าเยี่ยโยวเหยา
ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับปล่อยแขนของซูจิ่นซีและหันหลังเดินไปทางตั่งผ้าไหมนานแล้ว เขากำลังจัดการกับจดหมายปึกใหญ่ที่มาในวันนี้
“ไปอาบน้ำอุ่นคลายหนาวเพื่อไม่ให้ไอเย็นเข้าสู่ร่างกาย ทั้งยังทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นด้วย”
ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาที่นั่งบนตั่งผ้าไหมด้วยท่าทีนิ่งเงียบ ใบหน้าเคร่งขรึมง่วนอยู่กับจดหมายในมือ นางคิดอยากจะตบไปที่หน้าของตนเองแรงๆ
ซูจิ่นซี เมื่อใดที่เจ้าจะดูโดดเด่นในสายตาของเยี่ยโยวเหยา?
เมื่อใดเจ้าจะแก้ไขโรคขี้ระแวงเช่นนี้ให้หมดสิ้นเสีย?
ซูจิ่นซี เหตุใดภายในใจเจ้าถึงได้คิดอกุศลเยี่ยงนี้?
น่าละอายใจหรือไม่? น่าละอายใจหรือไม่? น่าละอายใจหรือไม่?
“หืม? ” จู่ๆ เยี่ยโยวเหยาก็เงยหน้ามามองซูจิ่นซีและพูดว่า “ยังไม่ไปอีกหรือ? ”
“ไป! ไป! รีบไปแล้วเพคะ! ” ซูจิ่นซีแก้มแดงระเรื่อ นางรีบหันหลังวิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เยี่ยโยวเหยามองไปทางทิศที่ซูจิ่นซีเดินไป ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาพลันเผยรอยยิ้มอ่อนโยนพักใหญ่
ซูจิ่นซีไม่คาดคิดว่า สถานที่อาบน้ำของที่นี่จะเป็นบ่ออาบน้ำแห่งหนึ่ง บ่ออาบน้ำของที่นี่ใหญ่กว่าบ่ออาบน้ำที่ตำหนักฝูอวิ๋นเสียอีก อีกทั้งของใช้และเครื่องประดับโดยรอบยังหรูหรากว่าที่ตำหนักฝูอวิ๋นมากนัก
เมื่อก่อนที่ซูจิ่นซีอาบน้ำที่จวนโยวอ๋อง แต่ละครั้งล้วนใช้อ่างอาบน้ำในการชำระร่างกาย แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยใช้บ่ออาบน้ำที่หรูหราเช่นนี้
“เจ้าแน่ใจหรือ ท่านอ๋องให้ข้าอาบน้ำที่นี่? ” ซูจิ่นซีไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น นางหันหลังไปยืนยันกับสาวรับใช้
“เพคะ พระชายา”
ซูจิ่นซีวางใจแล้ว
“พระชายา บ่าวจะปรนนิบัติถอดชุดให้ท่านเพคะ! ”
“ข้าทำเอง” ซูจิ่นซีแย้มยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยน “พวกเจ้าออกไปเถิด”
“เอ่อ… ”
หญิงรับใช้ลังเลเล็กน้อย
“เวลาอาบน้ำ ข้าไม่ชอบให้คนมายืนอยู่ข้างๆ พวกเจ้าออกไปเถิด! ”
“เพคะ พวกบ่าวจะยืนรออยู่นอกประตู พระชายาต้องการสิ่งใดสามารถเรียกบ่าวได้ตลอดเวลานะเพคะ”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มด้วยใบหน้าอบอุ่น
หลังจากที่ทุกคนออกไปจนหมด ซูจิ่นซีจึงเริ่มถอดเสื้อผ้า เมื่อมือของนางสัมผัสบริเวณหน้าอก ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที นางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมผืนบางมาคลุมร่างกายและเดินออกไปนอกประตู
“พระชายา ท่านยังขาดสิ่งใดหรือ? ” หญิงรับใช้หน้าประตูเห็นซูจิ่นซีเดินออกมา จึงรีบถามขึ้น
“ท่านอ๋องเล่า? ”
“ท่านอ๋องยังอยู่ที่ห้องโถงเพคะ”
ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด นางเดินอย่างรวดเร็วไปทางห้องโถง
“เยี่ยโยวเหยา! ” ซูจิ่นซีผลักประตู
เยี่ยโยวเหยากำลังอ่านจดหมายอย่างมีสมาธิ ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองซูจิ่นซี คิ้วพลันขมวดเป็นเกลียว
“เยี่ยโยวเหยา ก่อนหน้านี้ที่หอโอสถสกุลซู นอกจากหยกกิเลนกับพิณหงส์แล้ว ยังมีป้ายหยกที่สลักตัวอักษร ‘จง’ อีกหนึ่งชิ้น ตอนนี้ป้ายหยกชิ้นนั้นหายไปแล้ว ข้าสงสัยว่าขณะต่อสู้กันที่หุบเขาร้อยบุปผา ข้าอาจทำหล่นไว้ พวกเรากลับไปหาได้หรือไม่? ”
“ทำหล่นไว้ที่หุบเขาร้อยบุปผาหรือ? ”
“ใช่เพคะ ก่อนเข้าไปในหุบเขาร้อยบุปผา ป้ายหยกอยู่ติดตัวข้าตลอด หลังออกจากหุบเขาร้อยบุปผา ระหว่างทางข้าก็อยู่บนรถม้า มีบางครั้งที่ลงจากรถม้าเพื่อหยุดพัก ทว่าก็อยู่ห่างจากรถม้าไม่ไกลนัก ข้าคงทำหล่นขณะต่อสู้ที่หุบเขาร้อยบุปผา”
ป้ายหยกที่มีอักษร ‘จง’ หรือ?
เยี่ยโยวเหยากำลังครุ่นคิดจึงไม่ได้เอ่ยอันใด
ซูจิ่นซีรออยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบจากเยี่ยโยวเหยา จึงพูดรบเร้าด้วยความร้อนใจ “เยี่ยโยวเหยา! ”
เยี่ยโยวเหยาเงยหน้า ซุกซ่อนแววตาผิดปกติได้อย่างแนบเนียน
“พวกเราออกจากหุบเขาร้อยบุปผามาหลายวันแล้ว ถ้าป้ายหยกหล่นที่หุบเขาร้อยบุปผาจริง คงมีคนเก็บไปแล้ว หากพวกเราบุ่มบ่ามกลับไปเช่นนี้ เกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ได้ป้ายหยกกลับมา ยังจะสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมาอีก หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะส่งองครักษ์เงาหลายคนไปที่หุบเขาร้อยบุปผาเพื่อสืบข่าวเหตุการณ์ ถ้าป้ายหยกอยู่ที่หุบเขาร้อยบุปผาจริง พวกเราค่อยหาวิธีอีกครั้ง”
ซูจิ่นซีรู้สึกว่าคำพูดของเยี่ยโยวเหยามีเหตุผลเช่นกัน
“อืม เช่นนี้ก็ดี! ”
ซูจิ่นซีพยักหน้าเห็นด้วย จู่ๆ นางก็พบว่าแววตาที่เยี่ยโยวเหยามองตนนั้น มีบางอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็คิดอันใดขึ้นมาได้ นางค่อยๆ ก้มหน้าลง และพบว่านางเดินออกมาด้วยการสวมเสื้อคลุมผืนบางเพียงหนึ่งตัว อีกทั้งภายใต้เสื้อคลุมผืนบางนั้น นางยังไม่ได้สวมใส่สิ่งใดไว้
ผ้าไหมบางเบาพลิ้วไหวเลือนราง ทิวทัศน์งดงาม ภาพนงคราญละลานตา