สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 9 ตอนที่ 244 ทว่า ไม่มีถ้าหาก...
ตอนนั้น หวาหรงจวิ้นจู่ยังเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง นางแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าและเห็นกับตาตนเองว่า ไทเฮาที่ยังเป็นเพียงพระสนมของอดีตฮ่องเต้ สังหารเสด็จแม่ของนางจนสิ้นพระชนม์ จากนั้นนางก็หนีออกมาจากตำหนักเหลียงอ๋อง และได้เผชิญหน้ากับคนที่ไทเฮาสั่งให้มาสังหารนาง
ต่อมาเหตุการณ์พลิกผัน หวาหรงได้กลับมายังตำหนักเหลียงอ๋องอีกครั้ง นางแกล้งทำเป็นสูญเสียความทรงจำจึงรอดชีวิตมาได้ ไทเฮาได้ทดสอบนางหลายต่อหลายครั้ง หลังจากแน่ใจแล้วว่า นางสูญเสียความทรงจำไปจริงๆ พระองค์จึงมอบนางให้ฮองเฮาที่ไม่มีอำนาจใดๆ
หลายปีมานี้ นางแสร้งทำเป็นลืมสิ้นทุกอย่าง มีชีวิตรอดอยู่ในกำมือไทเฮาด้วยความหวาดระแวด เมื่ออยู่เบื้องพระพักตร์ไทเฮา นางต้องแสดงบทบาทมารดาและบุตรที่รักกันมาก ราวกับไม่รู้ว่ามารดาที่แท้จริงของตนเป็นผู้ใด ทว่านางไม่เคยลืมความแค้นที่ไทเฮาสังหารมารดาของนาง พวกนางไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้
ชีวิตของนางผ่านไปอย่างเงียบสงบ หวาหรงจวิ้นจู่น้ำตาไหลพรากดั่งสายน้ำ ชีวิตที่งดงามในวัยเยาว์ กลับพลิกผันในช่วงเวลาที่ดีที่สุดเช่นนี้
ถ้าหากนางไม่ได้เกิดมาในราชวงศ์ ผลลัพธ์จะแตกต่างกันหรือไม่?
ทว่า ไม่มีถ้าหาก…
ด้านนอกตำหนักมีเสียงฝีเท้าหนักดังขึ้น องครักษ์ควบคุมตัวคนผู้หนึ่งเข้ามา เป็นหลวงจีนทุศีลที่หยามเกียรติหวาหรงจวิ้นจู่ และยังมีแม่นมเจิ้งกับแม่นมจู
“ท่านอ๋อง กระหม่อมพบแม่นมสองคนทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ตำหนักเสียนเยวี่ย จึงนำตัวกลับมา หลังจากสอบปากคำแล้ว ทราบว่าพวกนางคือ แม่นมเจิ้งกับแม่นมจู บ่าวคนสนิทขององค์ไทเฮา ทั้งพวกนางยังได้รับคำสั่งจากไทเฮา ให้วางแผนทำร้ายพระชายา คาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตร คนที่ถูกพวกนางทำร้ายคือหวาหรงจวิ้นจู่ ยังมีเขา… ” องครักษ์จับตัวหลวงจีนทุศีลเข้ามา “เขาคือคนที่ไทเฮาจัดหามาเพื่อทำร้ายพระชายา เชิญท่านอ๋องโปรดรับสั่งว่าจะจัดการกับคนพวกนี้อย่างไร”
เยี่ยโยวเหยาจ้องมองทั้งสามคนด้วยใบหน้าเย็นชาราวกับสามารถสังหารคนได้
หากเป็นผู้อื่น เวลานี้เขาคงลงมือฆ่าไปนานแล้ว ใครให้พวกนางทำร้ายซูจิ่นซี แต่ถ้าเขาสังหารคนพวกนี้ด้วยมือของเขาเอง จะไม่ทำให้มือของเขาต้องสกปรกโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?
“กรมอาญา จับพวกนางขังเอาไว้ก่อน ส่วนจะจัดการเช่นไร ให้พระชายาเป็นผู้ตัดสินใจ”
ในเมื่อคนพวกนี้ต้องการทำร้ายซูจิ่นซี ก็ควรให้ซูจิ่นซีตัดสินว่าจะจัดการอย่างไร
“พ่ะย่ะค่ะ! ” เจ้ากรมอาญารีบนำตัวทั้งสามคนไปคุมขัง
“หาพระชายาพบหรือไม่? ” เยี่ยโยวเหยาถาม
องครักษ์แสดงท่าทีลำบากใจ “กระหม่อมและคนอื่นๆ ค้นหาทั่วทั้งตำหนักหลังแล้ว ทว่า… ไม่พบที่อยู่ของพระชายา ตอนนี้… กระหม่อมส่งคนออกไปตามหาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เดิมทีแววตาของเยี่ยโยวเหยาก็ขึงขังเย็นชาอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งทวีความกดดันรุนแรงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างตกใจกลัว แม้แต่หายใจยังไม่กล้าส่งเสียงดัง
ในเมื่อคนที่ติดกับดักของไทเฮาไม่ใช่ซูจิ่นซี เช่นนั้นซูจิ่นซีน่าจะไม่เป็นอันใดจึงจะถูก ทว่ากลับหานางไม่พบ สตรีนางนี้ ไปอยู่ที่ใดกันแน่?
ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็นึกถึงคนผู้หนึ่ง “ไหวหยางจวิ้นจู่อยู่ที่ใด?”
ทุกคนพลันนึกขึ้นมาได้ ไหวหยางจวิ้นจู่พาพระชายาโยวอ๋องไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเขาลืมแม้กระทั่งคนสำคัญผู้นี้ได้อย่างไร
“กระหม่อมจะส่งคนออกไปตามหาพ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์รีบพูดขึ้น
ขณะเดียวกัน องครักษ์นายหนึ่งก็รีบร้อนเข้ามาจากด้านนอก
“ท่านอ๋อง แย่แล้ว แย่แล้ว ไหวหยางจวิ้นจู่จับพระชายาเป็นตัวประกันที่ประตูวังพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากสิ้นเสียงขององครักษ์ ก็เกิดลมแรงพัดกระโชก เยี่ยโยวเหยาหายตัวไปในทันที
ขุนนางผู้ใหญ่หลายคนต่างพากันปาดเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบตรงหน้าผาก และรีบออกจากตำหนักว่านโซ่วตรงไปยังประตูวัง
ก่อนหน้านี้ ไหวหยางจวิ้นจู่พาซูจิ่นซีไปยังตำหนักที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า หลังจากออกไปแล้ว นางก็เดินย้อนกลับมา เพราะต้องการดูว่า ซูจิ่นซีจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างไร กลับนึกไม่ถึงว่า ขณะที่เดินย้อนไป ซูจิ่นซีกลับไม่ได้อยู่ในตำหนักแล้ว ทว่านางกำลังหลบอยู่หลังภูเขาจำลอง
ที่ประตูทางเข้าตำหนัก แม่นมจูได้พาหลวงจีนทุศีลเข้ามาและให้หลวงจีนดื่มยาปลุกกำหนัดตามแผนการที่วางไว้
ไหวหยางจวิ้นจู่ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีสร่างเมาได้อย่างไร ทว่านางรู้ดี มาถึงขั้นนี้แล้ว ซูจิ่นซีไม่สามารถออกไปปรากฏตัวได้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นนางที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ ไทเฮาต้องไม่ปล่อยนางไว้แน่ อย่างไรเสีย นางก็เป็นผู้รับผิดชอบแผนการพาซูจิ่นซีมายังตำหนัก
ดังนั้น ขณะที่เห็นซูจิ่นซีกำลังจะเข้าไปขัดขวางหลวงจีนทุศีล ไหวหยางจวิ้นจู่จึงตีซูจิ่นซีจนหมดสติ
เดิมทีไหวหยางจวิ้นจู่คิดจะฉวยโอกาสนี้หนีออกจากวัง กลับนึกไม่ถึงว่า หลังจากที่หลวงจีนทุศีลเข้าไปในตำหนักแล้ว ภายในตำหนักกลับมีเสียงไฟราคะดังขึ้น ไหวหยางจวิ้นจู่ตกตะลึงในทันที
ซูจิ่นซีอยู่ด้านนอก แล้วคนที่อยู่ด้านในเป็นใครกัน?
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไหวหยางจวิ้นจู่เห็นแม่นมเจิ้งนำคนบุกเข้าไปตามแผนที่วางไว้ หลังจากนั้นไม่นาน คาดไม่ถึงว่าหวาหรงจวิ้นจู่จะวิ่งออกมาจากข้างใน
สวรรค์!
เป็นหวาหรงจวิ้นจู่ไปได้อย่างไร…
ไหวหยางจวิ้นจู่ยังคงตะลึงงัน
เมื่อทราบว่าเรื่องไม่เป็นดั่งที่คาดไว้ ไหวหยางจวิ้นจู่ก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง และรีบวิ่งออกจากวังหลวงทันที
ตราบใดที่นางออกไปพ้นประตูวัง แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้ นางจะหลบซ่อนที่ใดก็ย่อมได้ เพียงตัวนางไม่ถูกโยงเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ และไทเฮาไม่สามารถตามตัวนางพบ
ทว่าขณะที่ไหวหยางจวิ้นจู่เดินใกล้ถึงประตูวัง นางกลับได้ยินคนพูดว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ตำหนักว่านโซ่ว หวาหรงจวิ้นจู่เปิดเผยความลับทั้งหมดแล้ว ทั้งนางยังพูดถึงความลับหลายเรื่องของราชวงศ์ต่อหน้าขุนนางใหญ่ทั้งหมด
นอกจากนั้น องครักษ์ได้รับคำสั่งจากโยวอ๋องให้มาตามหาผู้ที่ทำร้ายพระชายา และไม่อนุญาตให้คนในวังทั้งหมดออกไปได้แม้แต่คนเดียว
ออกจากวังไม่ได้ ต้องติดอยู่ในพระราชวัง นางตายสถานเดียว
นางตายเพียงผู้เดียวก็ไม่เป็นไร ทว่าปี้เอ๋อร์จะทำอย่างไร?
ฮั่วอวี้ก็ตายไปแล้ว ตอนนี้นางมีฮั่วปี้เป็นบุตรชายเพียงผู้เดียว
ฮ่องเต้ไร้อำนาจ ไม่สามารถช่วยนางได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้นางต้องพึ่งตนเอง
ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทันใดนั้นไหวหยางจวิ้นจู่ก็นึกถึงซูจิ่นซีที่ถูกนางตีจนหมดสติอยู่หลังภูเขาจำลอง
ไหวหยางจวิ้นจู่รีบกลับไปที่ภูเขาจำลอง นางพบว่าซูจิ่นซีฟื้นขึ้นมาด้วยท่าทางงุนงง นางจึงจับซูจิ่นซีเป็นตัวประกัน
ซูจิ่นซีเป็นผู้ที่โยวอ๋องรักใคร่และโปรดปรานที่สุด นี่คือจุดอ่อนของโยวอ๋อง
เมื่อจับซูจิ่นซีเป็นตัวประกันแล้ว ไหวหยางจวิ้นจู่ยังต้องกังวลว่าตนจะไม่มีทางรอดอีกหรือ?
ไหวหยางจวิ้นจู่กำลังจับซูจิ่นซีเป็นตัวประกันอยู่ที่ประตูวัง เพื่อข่มขู่องครักษ์ที่เฝ้าประตู
ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาราวกับเสียงของปีศาจจากขุมนรก เสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในอากาศ ทำให้ผู้ที่ได้ยินล้วนขนลุกหวาดผวา “ปล่อยตัวซูจิ่นซีเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ผู้คนที่ประตูวังต่างพากันตกตะลึงสั่นเทาไปทั้งตัว ไหวหยางจวิ้นจู่ถือมีดจ่อไปที่คอหอยของซูจิ่นซี ตัวของนางสั่นเทาไม่หยุด ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ
เยี่ยโยวเหยาสวมเสื้อคลุมสีขาวนวลจันทร์คู่กับเสื้อสีม่วง ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางใด เขาค่อยๆ ลอยลงมาและหยุดยืนอยู่ด้านหน้าไหวหยางจวิ้นจู่ราวกับใช้เวทมนตร์
“เยี่ย… เยี่ยโยวเหยา ให้องครักษ์ของเจ้าเปิดประตูวังและปล่อยข้าออกไป มิฉะนั้น วันนี้ข้าจะให้ซูจิ่นซีตายอยู่ที่นี่” ไหวหยางจวิ้นจู่บีบบังคับเยี่ยโยวเหยาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้าจะพูดอีกครั้ง ปล่อยซูจิ่นซีเดี๋ยวนี้”
ขณะที่พูด เยี่ยโยวเหยาก็เดินเข้าไปใกล้ไหวหยางจวิ้นจู่ทีละก้าว ทีละก้าว
“อย่าเข้ามา หากเดินเข้ามาอีก ข้าจะไม่เกรงใจ” ดวงตาของไหวหยางจวิ้นจู่ปรากฏความหวาดกลัว นางกดมีดในมือที่สั่นเทาลงไปบนคอของซูจิ่นซี ทันใดนั้น ไหวหยางจวิ้นจู่พลันเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง นางค่อยๆ ก้มหน้ามองซูจิ่นซีที่ยืนอยู่ด้านหน้าตน
“เจ้า… เจ้ากล้าวางยาพิษข้า! ”