สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 9 ตอนที่ 246 ความลับของหลวงจีนทุศีลกับฮองเฮา
ดูเหมือนว่าบัลลังก์มังกรอยู่ในมือแล้ว ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับเลือกที่จะไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่มีผู้ใดมองออกว่าเยี่ยโยวเหยาคิดอันใด มีเพียงซูจิ่นซีเท่านั้นที่เข้าใจความคิดของเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซีไม่ลืมคำพูดของเยี่ยโยวเหยาที่เขาเคยพูดกับนาง ตอนที่มอบ ‘พิษอั้นหรานเซียวหุน’ ให้แก่นาง
ภายในสุสานจิ่นอีโฮ่วที่ซุกซ่อนความลับของการรวบรวมแผ่นดินไว้ สิ่งที่เยี่ยโยวเหยาต้องการ ไม่เพียงแต่อำนาจการปกครองแคว้นจงหนิงเท่านั้น ทว่าเขาต้องการมากกว่า
“แม่นมฮวา เตรียมน้ำแกงเรียบร้อยหรือยัง? ” ซูจิ่นซีถาม
แม่นมฮวายังลังเลอยู่บ้าง นางต้องการโน้มน้าวเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง ทว่านางเป็นผู้ที่เข้าใจเยี่ยโยวเหยาที่สุด นางรู้ว่าโน้มน้าวอย่างไรก็ไร้ผล
“เรียบร้อยแล้วเพคะ บ่าวจะไปนำมาถวาย”
“ลวี่หลี เจ้าก็ไปช่วยอีกคนเถิด! ” ซูจิ่นซีดึงลวี่หลีที่รับใช้ข้างกายออกมา แม่นมฮวากับลวี่หลีจึงไปที่ห้องครัวด้วยกัน
“เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันจะต้องคิดหาวิธีไขความลับการถอนพิษของ ‘พิษอั้นหรานเซียวหุน’ โดยเร็วที่สุด” ซูจิ่นซีพูด
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดอันใด เพียงใช้ตะเกียบคีบอาหารให้ซูจิ่นซี
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว เยี่ยโยวเหยาก็เล่าเรื่องในตำหนักว่านโซ่วให้ซูจิ่นซีฟังรอบหนึ่ง ซูจิ่นซีประหลาดใจเป็นอย่างมาก
นึกไม่ถึงว่าราชวงศ์จะซ่อนความลับมากมายเช่นนี้
“แม้หวาหรงจวิ้นจู่จะชั่วร้าย ทว่าก็เป็นคนที่น่าสงสาร”
ซูจิ่นซีหวนนึกถึงหวาหรงจวิ้นจู่ ผู้ที่เคยหยิ่งยโสที่สุด ทั้งยังหยาบคายไร้เหตุผล และหวนนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตำหนักว่านโซ่ว
ความจริงแล้ว ผู้ที่มีความเกลียดชังล้วนมีมุมที่น่าสงสาร
ทุกครั้งที่ซูจิ่นซีพบหวาหรงจวิ้นจู่ นางเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ถูกตามใจจนเสียคน หยิ่งยโสวางอำนาจ กลับคิดไม่ถึงว่าสิ่งเหล่านั้น คือความอดทนที่นางปกปิดความเกลียดชังไว้ในใจ แม้ซูจิ่นซีจะเคยถูกสตรีผู้นี้ปฏิบัติต่อนางอย่างหยาบคาย ทั้งยังสร้างความยุ่งยากให้นางนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น ซูจิ่นยังมีความคิดที่จะจัดการกับหวาหรงจวิ้นจู่อีกด้วย ทว่าในเวลานี้ ซูจิ่นซีกลับชื่นชมนาง
เกรงว่าใต้หล้านี้ คงมีไม่กี่คนที่สามารถทำได้อย่างหวาหรงจวิ้นจู่ ไปอยู่ร่วมกับศัตรู ทั้งยังอดทน ซุกซ่อนความแค้นเอาไว้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เพียงเพื่อรอการแก้แค้นในคราเดียว นางนำมีดพกแห่งความเกลียดชังที่เก็บไว้หลายปี แทงลึกลงไปที่ทรวงอกของศัตรู
“ลองคิดดูว่า เรื่องนี้เจ้าจะตัดสินใจจัดการอย่างไร! ตอนนี้คนเหล่านั้นถูกคุมตัวอยู่ที่กรมอาญาแล้ว” เยี่ยโยวเหยามอบบัญชีคดีเล่มหนึ่งให้ซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีเปิดดู มันคือหลักฐานความผิดของหลวงจีนทุศีล แม่นมจู และแม่นมเจิ้ง ทั้งสามคนที่พยายามทำร้ายซูจิ่นซี
แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ตั้งใจ ผู้ถูกทำร้ายไม่ใช่ซูจิ่นซี ทว่าเป็นถึงจวิ้นจู่ของราชสำนัก ข้อหานี้ก็เพียงพอให้พวกเขาได้รับโทษตาย
ทว่าขณะที่ซูจิ่นซีเปิดดู สิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นไม่ใช่เพราะมันเป็นหลักฐานที่น่าพอใจ และไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งหมดถูกจับกุมในคราวเดียว แต่เป็นเพราะเบาะแสบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของนาง
นั่นคือหลวงจีนทุศีล
ในบันทึกกล่าวไว้ว่า หลวงจีนทุศีลเคยเป็นชายชู้ของฮองเฮา
ซูจิ่นซีเกิดความสงสัยเล็กน้อย ในเมื่อไทเฮาทรงทราบแล้วว่า หลวงจีนทุศีลเป็นชายชู้ของฮองเฮา ทว่าพระนางไม่ได้จัดการกับฮองเฮา แต่กลับใช้หลวงจีนทุศีลมาจัดการกับซูจิ่นซี
เหตุใดต้องเป็นหลวงจีนทุศีล?
ต้องทราบก่อนว่า หากจะใช้วิธีย่ำยีความบริสุทธิ์เช่นนี้ ในพระราชวังมีบุรุษมากมายที่สามารถกระทำได้ เหตุใดต้องเป็นหลวงจีนทุศีลผู้นี้?
ซูจิ่นซีไม่เคยลืมเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตอนที่นางตรวจดูอาการป่วยของฮองเฮาครั้งแรก มันทำให้นางเกิดความสงสัยในใจลึกๆ ทว่าตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอันใด ทำเพียงเก็บบันทึกคดีฉบับนั้นไว้ และตอบรับอย่างแผ่วเบา “ได้”
ตอนบ่าย เยี่ยโยวเหยาเดินทางไปวิหารวิญญาณ
หลังจากเยี่ยโยวเหยาไปได้ไม่นาน ซูจิ่นซีก็พาลวี่หลีไปที่กรมอาญา ผู้ที่นางจะไปพบ เป็นใครไปไม่ได้ แน่นอนว่าต้องเป็นหลวงจีนทุศีล
วันนี้ที่กรมอาญา รองเจ้ากรมหลี่แห่งกรมอาญาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซูจิ่นซีคุ้นเคยกับรองเจ้ากรมหลี่ท่านนี้มาก่อน เพราะเรื่องเกี่ยวกับผู้นำสกุลซู เมื่อได้ยินว่าซูจิ่นซีมาที่กรมอาญา รองเจ้ากรมหลี่ก็รีบนำคนออกมาต้อนรับ
“พระชายาเดินทางมา กระหม่อมต้อนรับไม่เหมาะสม ขอให้พระชายาโปรดให้อภัย”
“รองเจ้ากรมหลี่ไม่ต้องมากพิธี ข้ามาในวันนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่นใด ท่านอ๋องให้ข้ามาจัดการคดีหลวงจีนทุศีลกับนักโทษทั้งสามคน ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อไต่สวนพวกเขาอีกครั้ง”
แม้รองเจ้ากรมหลี่จะไม่ทราบเรื่องนี้ ทว่าเขาได้ไต่สวนคดีไปพอสมควร ทั้งยังนำคำรับสารภาพทั้งหมดส่งให้ท่านอ๋องแล้ว เหตุใดพระชายาต้องมาไต่สวนอีก
ทว่าเขาไม่ได้ถามอันใดให้มากความ เพียงพาซูจิ่นซีไปยังคุกของกรมอาญา
“พระชายา กระหม่อมจะไปนำตัวเขามา พระชายาโปรดรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” รองเจ้ากรมหลี่พาซูจิ่นซีไปที่ห้องพิจารณาคดีของกรมอาญาก่อน
“ไม่จำเป็น ข้าไปด้วยตนเองได้”
รองเจ้ากรมหลี่หยุดชะงัก เขาไม่ได้ถามอันใดมาก และพาซูจิ่นซีไปที่ห้องคุมขังหลวงจีนทุศีล
“พระชายา หลวงจีนทุศีลอยู่ในห้องคุมขังแห่งนี้”
“ได้ เจ้าออกไปก่อนเถิด! ”
“พระชายาโปรดระมัดระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
รองเจ้ากรมหลี่มองออกว่า ซูจิ่นซีมีความลับส่วนตัวจะถามหลวงจีนทุศีล จึงให้กุญแจห้องขังแก่ซูจิ่นซี แล้วนำทุกคนที่ติดตามออกไป
หลังจากที่รองเจ้ากรมหลี่ออกไปแล้ว ซูจิ่นซีก็เปิดประตูห้องขัง
ทันใดนั้น กลิ่นเหม็นฉุนพลันโชยเข้าจมูก
แม้ตอนที่ผ่านเข้าประตูมา ระบบถอนพิษได้ทำการตรวจสอบและแจ้งผลกับซูจิ่นซีแล้ว ทว่าซูจิ่นซียังต้องการตรวจสอบด้วยตนเองจึงจะสบายใจ
“ลวี่หลี ไปยกแขนเสื้อของเขาขึ้น” ซูจิ่นซีพูด
ในเวลานี้ หลวงจีนทุศีลที่ถูกลงโทษ นอนหายใจรวยระรินอยู่บนเตียงหินที่เย็นราวน้ำแข็ง บาดแผลบนร่างกายของเขาแม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ทว่าก็พรากชีวิตของเขาไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ลวี่หลีเกิดความลังเลเล็กน้อย
นางเป็นคนถือเนื้อถือตัวและระแวดระวัง การถกแขนเสื้อบุรุษนั้น นางรู้สึกว่าเป็นความผิดที่ไม่ควรกระทำ
ซูจิ่นซีมองลวี่หลีเพื่อให้กำลังใจและสร้างแรงกดดันแก่นาง
ลวี่หลีกัดฟันพลางถกแขนเสื้อของหลวงจีนทุศีลขึ้น ทันใดนั้น นางก็ตกตะลึงไปพักใหญ่
นางเห็นเพียงตุ่มหนองจำนวนมากบนแขน ทั้งหมดล้วนเป็นแผลเน่า หากพูดให้ละเอียดตามยุคสมัยปัจจุบัน นี่คือโรคซิฟิลิส
ลวี่หลีตกใจไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นคืออาการคลื่นไส้ ไม่นานลวี่หลีก็ก้มลงอาเจียนอยู่ด้านข้าง
ซูจิ่นซีปิดจมูกเบาๆ นางขมวดคิ้วพลางเดินไปดึงแขนเสื้อของหลวงจีนทุศีลให้กลับมาเป็นปกติ
“เดิมทีเจ้าไม่มีวาสนาได้อยู่ในพุทธศาสนา เหตุใดถึงสร้างความสกปรกให้พุทธศาสนาที่บริสุทธิ์น่านับถือ” ซูจิ่นซีถามเสียงเบา
แสงสลัวลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามา ส่องไปยังใบหน้านิ่งสงบของหลวงจีนทุศีล เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น มุมปากยกยิ้มอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเจ้ามีใจให้ฮองเฮา เหตุใดถึงต้องทำร้ายนาง? ”
“ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง ข้าไม่ได้ทำ! ” หลวงจีนทุศีลตื่นตระหนกเล็กน้อย ทว่าไม่นาน เขาก็เหมือนคิดอันใดขึ้นมาได้ ใบหน้าแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ามองออกได้อย่างไรว่า ข้ามีใจให้นาง? ”
เขาแน่ใจว่าตนเองไม่เคยเจอสตรีผู้นี้มาก่อน
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เดิมทีข้าก็มองไม่ออก ทว่าข้าได้อ่านคำสารภาพที่กรมอาญาส่งมา ด้านในมีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าอย่างละเอียด เจ้ามีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองเจียงหลิง และภูมิลำเนาของฮองเฮาก็เป็นที่เดียวกัน”
ตั้งแต่ได้ป้ายหยกที่มีอักษร ‘จง’ จากหอโอสถสกุลซู ซูจิ่นซีเคยสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแคว้นจงหนิงและอาณาจักรเทียนเหอไม่น้อย บังเอิญที่ก่อนหน้านี้นางได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับฮองเฮาเข้าพอดี
“หึ แม้จะเป็นเช่นนี้ เจ้าจะสามารถยืนยันอันใดได้? ”
“ใช่ ข้าไม่สามารถยืนยันอันใดได้ ทว่าสิ่งนั้นเล่า? ” ซูจิ่นซีดึงถุงผ้าสีม่วงที่ปักรูปนกเป็ดแมนดารินใบหนึ่งออกมาจากเอวของหลวงจีนทุศีล “ถุงผ้าใบนี้ เนื้อผ้าและวิธีการปักเหมือนกับที่ข้าเคยเห็นข้างพระวรกายฮองเฮา หลวงจีนผู้หนึ่งไม่อยู่ในอาราม ทว่ากลับพกถุงผ้าแทนใจเช่นนี้ ทั้งยังเดินวนเวียนทำท่าทีกรุ้มกริ่มกับนางกำนัล หลวงจีนทุศีล เจ้าว่า หากข้ามอบมันให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะจัดการกับฮองเฮาอย่างไร? ”