สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 363 ขอความช่วยเหลือ
“อะไรนะ!” คนตระกูลกัวร้องออกมา
กัวเพ่ยเพ่ยรู้สึกว่าหัวใจของตนถูกดึงรั้งเอาไว้เสียแล้ว แม้กระทั่งหายใจก็ยังยากลำบาก
อีกฝ่ายมีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่ เช่นนั้นก็ไร้ซึ่งศัตรูในโลกย่อส่วนแห่งนี้แล้ว… ถ้าหากมิได้พบกับซือหม่าโย ยวเย่ว์เข้า
เธอมองไปยังทิศทางของภูเขาหิมะแล้วเอ่ยว่า “ดูท่าทางพวกเราคงได้แต่ไปเสี่ยงโชคที่นั่นดูแล้วละนะ”
อวิ๋นเฟิงมองตามสายตานางไปพลางพูดว่า “เจ้าหมายความว่า… ตามหาเขาอย่างนั้นหรือ”
“ตอนนี้นอกจากเขาก็ไม่มีหนทางอื่นใดอีกแล้วนี่” กัวเพ่ยเพ่ยพูด “ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีอะไรในการตรึงพวกเรา าเอาไว้ ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ต้องถูกพวกเขาไล่ตามจนได้ ถ้าหากพวกเขามีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่จริงๆ ถ้าหากไม่ไปตา ามหาเขา บางทีพวกเราอาจไม่ทันตอนที่โลกย่อส่วนเปิดทางออกก็ได้นะ”
“แต่ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว เขาจะยังอยู่ที่เผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะอีกหรือ” อวิ๋นเฟิงพูดอย่างไม่แน่ใจ
“ก็ได้แต่ไปลองดูเท่านั้นแหละ ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลา พวกเจ้าคงต้องพักฟื้นไปด้วยระหว่างทางแล้ว” กัวเพ่ยเพ่ยพู ด “ถ้าหากหาเขาไม่พบ ข้าเกรงว่าพี่อวิ๋นอี้อาจจะ…”
“เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด” อวิ๋นเฟิงพูด
ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่หรือไม่ ก็คงได้แต่ไปเสี่ยงดวงดูแล้ว
“ไปกัน”
พวกเขาขึ้นไปบนหลังสัตว์อสูรบินได้ คนตระกูลอวิ๋นรักษาอาการบาดเจ็บไประหว่างทาง คนอื่นๆ ยังดี มีเพียงแค่อาการ บาดเจ็บของอวิ๋นเฟิงเท่านั้นที่สาหัสเป็นอย่างยิ่ง ตอนที่ไปถึงเผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะก็ยังไม่หาย
“หยุดนะ!”
“พวกเจ้าเป็นใครกัน มาบุกภูเขาหิมะของข้าทำไม!”
พวกเขาเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขตของภูเขาหิมะ ก็ถูกสัตว์อสูรเทพของเผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะล้อมเอาไว้เสียแล้ ว มีบรรยากาศที่เหมือนจะล้างผลาญพวกเขาทิ้งเพราะเห็นเป็นผู้บุกรุกเสียตรงนี้
“พวกเราเป็นสหายของซือหม่าโยวเย่ว์ พวกเราอยากถามสักหน่อยว่าพวกเขายังอยู่ที่นี่กันหรือไม่” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
“พวกเจ้าเป็นสหายของพวกคุณชายซือหม่าอย่างนั้นหรือ” สัตว์อสูรเทพตนหนึ่งที่ล้อมพวกเขาอยู่เดินวนรอบพวกเขารอบ บหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าเป็นสหายของพวกเขาจริงหรือไม่”
“พวกเราเป็นสหายของพวกเขาจริงๆ นะ พวกเรายังมีของที่พวกเขามอบให้พวกเราเอาไว้เป็นเครื่องพิสูจน์ด้วย” กัวเพ่ย เพ่ยพูด
“นี่มันเรื่องอันใดกัน” สัตว์อสูรเทพขั้นหกตนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วถามขึ้น
สัตว์อสูรเทพตนนี้ก็คือตนที่พาพวกซือหม่าโยวเย่ว์ไปยังดินแดนเสือเขี้ยวดาบนั่นเอง
“หัวหน้า พวกเขาบอกว่าเป็นสหายของคุณชายซือหม่า ต้องการจะพบคุณชายซือหม่า”
สัตว์อสูรเทพขั้นหกตนนั้นมองพวกเขาหลายรอบก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าจำพวกเจ้าได้ ตอนนั้นพวกเจ้าอยู่กับคุณชายซือหม ม่า”
ตอนนั้นมันติดตามอยู่ข้างกายราชาหมาป่าหิมะ ย่อมต้องเห็นพวกเขาที่อยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์อยู่แล้ว
เมื่อได้ยินสัตว์อสูรเทพขั้นหกพูดเช่นนี้ คนตระกูลกัวจึงยิ้มออกมา
“งั้นพวกเขายังอยู่ที่นี่กันหรือไม่” กัวเพ่ยเพ่ยถาม
“ไม่อยู่แล้ว” สัตว์อสูรเทพขั้นหกพูด “พวกเขามาแค่ไม่กี่วันก็ไปแล้ว”
“หา?”
พวกเขาความหวังดับวูบลงในทันใด ถ้าหากเขาไม่อยู่ที่นี่ การจะหาตัวพวกเขาให้พบคงมิใช่เรื่องง่ายเลย
หากหาตัวเขาไม่พบ พวกเขากลุ่มนี้จะเอาชีวิตรอดออกไปจากโลกย่อส่วนได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย
“ทำอย่างไรดี ถ้าหากหาเขาไม่พบ พี่ใหญ่อวิ๋นอี้ก็คง…” หญิงสาวตระกูลอวิ๋นผู้หนึ่งเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
“ข้ายังพูดไม่จบเลย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยู่ที่นี่ แต่สหายของเขายังอยู่ที่นี่นะ” สัตว์อสูรเทพขั้นหกตนนั้นพู ด “พวกเจ้าอยากพบพวกเขาหรือไม่”
“ดี บางทีพวกเขาอาจจะรู้ร่องรอยของโยวเย่ว์ก็ได้” กัวเพ่ยเพ่ยพูด “เช่นนั้นรบกวนพวกเจ้าช่วยพวกเราแจ้งข่าวที นะ”
“พวกเขากำลังฝึกยุทธ์อยู่ พวกเจ้ามากับข้าแล้วกัน”
สัตว์อสูรเทพขั้นหกตนนั้นพาพวกเขาไปพบราชาหมาป่าหิมะ หรงเห็นพวกเขาแล้วก็พอรู้ที่มาที่ไปของเรื่องราว จึงเอ อ่ยว่า “พวกโยวเย่ว์ไปยังอาณาเขตของเสือเขี้ยวดาบแล้ว เหลือไว้สองคนที่กำลังฝึกยุทธ์อยู่ ในเมื่อคนของโยว วเย่ว์ถูกรังแก ข้าก็จะส่งคนไปแจ้งให้พวกจือฉีทราบสักหน่อย ดูว่าพวกเขาพอจะมีวิธีติดต่อโยวเย่ว์บ้างหรือไม่ ไม ม่อย่างนั้นพวกเจ้าก็ต้องไปหาพวกเขาที่อาณาเขตของเสือเขี้ยวดาบแทน”
“ขอบคุณราชาหมาป่าหิมะมาก” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
ถ้าหากมนุษย์ทั่วไปมา ย่อมไม่มีทางได้รับการต้อนรับขับสู้เช่นนี้แน่ แต่เป็นเพราะมีความเกี่ยวข้องกับพวกซือหม่าโ โยวเย่ว์ จึงได้รักษามารยาทเช่นนี้
ราชาหมาป่าหิมะให้คนไปหาพวกเว่ยจือฉี แล้วพบพวกเขากำลังเลื่อนระดับเข้าพอดี ดังนั้นหมาป่าน้อยตัวนั้นจึงรออย ยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าลำแสงแห่งการเลื่อนระดับข้างในหายไปแล้วจึงค่อยเข้าไป
“คุณชายเว่ย” หมาป่าน้อยมองเว่ยจือฉีพลางกล่าวว่า “มีคนมาพบพวกท่านขอรับ”
เว่ยจือฉีและเสี่ยวถูเลื่อนระดับในเวลาเดียวกัน พวกเขากำลังรับสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังจากการเลื่อนระดั บ เมื่อได้ยินคำพูดของหมาป่าน้อย จึงคาดเดาไปว่าพวกโยวเย่ว์กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ
แต่เมื่อคิดกลับมาอีกตลบ ถ้าหากเป็นซือหม่าโยวเย่ว์ พวกเขาก็คงตรงมาหาตนกับเสี่ยวถูแล้ว
“ใครมาหาพวกเราหรือ” เขาถาม
“ข้าเองก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเช่นกัน แต่บอกว่าเป็นสหายของพวกท่านน่ะขอรับ” หมาป่าน้อยพูด
“สหายของพวกเราอย่างนั้นหรือ” เว่ยจือฉีขมวดคิ้ว
หรือจะเป็นพวกซือหม่าโยวหลินมาหาเล่า
“พี่จือฉี หรือจะเป็นพวกพี่กัวเล่า”เสี่ยวถูพูด
“เป็นไปได้นะ พวกเราไปดูกันดีกว่า” เว่ยจือฉีเอ่ย
เว่ยจือฉีและเสี่ยวถูมาถึงถ้ำของราชาหมาป่าหิมะ เมื่อเห็นคนที่อยู่ในนั้นจึงเอ่ยในใจว่าเสี่ยวถูคาดเดาได้ถูกต้อ องแล้ว
“จือฉี!” คนตระกูลกัวเห็นเขาแล้วตื่นเต้นอยู่บ้าง
“ที่แท้เป็นพวกเจ้านี่เอง พวกเจ้ามิได้ไปจากที่นี่แล้วหรอกหรือ เหตุใดจึงกลับมาอีกเล่า” เว่ยจือฉีพูด
ยามที่คนทั่วไปเสาะแสวงหาโอกาส เมื่อไปจากสถานที่แห่งหนึ่งแล้ว น้อยนักที่จะกลับมาอีก
“อีกประเดี๋ยวค่อยอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเจ้าฟังก็แล้วกัน” กัวเพ่ยเพ่ยพูด “เจ้าติดต่อพวกโยวเย่ว์ได้หรือไม่”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่” เว่ยจือฉีเห็นท่าทีกระวนกระวายของนางจึงเอ่ยถามขึ้น
“ใช่ พวกเราพบเรื่องยุ่งยากเข้าเสียแล้ว ซึ่งรวมคนของหุบเขามารเทพอยู่ในนั้นด้วย” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
จากนั้นนางจึงเล่าเรื่องให้ฟังอย่างง่ายๆ เพราะเวลารกระชั้นชิด ดังนั้นจึงมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ทันได้พูด แต่ ก็ทำให้เว่ยจือฉีรับรู้ถึงความตึงเครียดของสถานการณ์
“ข้าจะลองดูว่าติดต่อพวกเขาได้หรือไม่” เขาหยิบหินแม่ลูกออกมาแล้วใส่ปราณวิญญาณเข้าไป ผลปรากฏว่าไร้ซึ่งการตอบ บรับจากอีกฝ่าย
คนตระกูลอวิ๋นเห็นเขาหยิบหินแม่ลูกออกมาแล้วตื่นเต้นดีใจไม่น้อย พวกเขารู้ถึงประโยชน์ของหินแม่ลูกดี
แต่เมื่อเห็นหินแม่ลูกทางนั้นไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว รอยยิ้มของพวกเขาจึงแข็งค้างไปเสียแล้ว
“หรือว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลมากเล่า” เว่ยจือฉีพูดประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นจึงหยิบหินแม่ลูกอีกก้อนหนึ่งออกมาแล้ว วใส่ปราณวิญญาณเข้าไป
“จือฉีหรือ” เสียงของเป่ยกงถังดังแว่วออกมาจากหินแม่ลูก
“เป่ยกง พวกเจ้ายังอยู่ที่ดินแดนเสือเขี้ยวดาบหรือไม่” เว่ยจือฉีถาม
“อยู่สิ! ทำไมหรือ” เป่ยกงถังถาม
“โยวเย่ว์เล่า เมื่อครู่ข้าติดต่อไปแล้วหินแม่ลูกของเขาไม่ตอบสนองเลย” เว่ยจือฉีพูด
“อ้อ เขามิได้อยู่กับพวกเราหรอก” เป่ยกงถังพูด
“เขาไปที่ใดเสียแล้วเล่า”
“คาดว่าลงไปใต้ดินกับเจ้าไก่ฟ้ากระมัง เป็นไปได้ว่าอาจฝึกยุทธ์อยู่ข้างล่าง เจ้าตามหาเขาอย่างกระวนกระวายเช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือไม่”
เว่ยจือฉีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทั้งสี่คนทางนั้นต่างสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของสถานการณ์
“หลังจากที่โยวเย่ว์ลงไปวันนั้นก็มิได้ขึ้นมาเลยตลอดหลายเดือน พวกเราก็มิได้ติดต่อกับเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้จะติด ดต่อได้หรือไม่ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้ารอสักประเดี๋ยว พวกเราจะออกจากการปลีกวิเวกเดี๋ยวนี้ แล้วลองดูว่าจะหาตัวเขาพ พบได้หรือไม่ พอถึงตอนนั้น…”
วาจาของเป่ยกงถังถูกตัดขาดกลางประโยค เว่ยจือฉีตะโกนอยู่ทางนี้หลายครั้งก็ไม่มีการตอบกลับ
ผ่านไปครู่ใหญ่ หินแม่ลูกจึงมีเสียงของเป่ยกงถังดังแว่วมา
“ไม่ต้องให้พวกเราลงไปแล้วล่ะ เจ้านั่นมีชีวิตรอดออกมาแล้ว…”