สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 368 คนที่ทำร้ายท่านอาจารย์
คนของหุบเขามารเทพมีความสนใจในตัวเจ้าหุบเขาน้อยที่จู่ๆ ก็โผล่มาผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส การรักษาอาการบาดเจ็บจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอ อนนี้
ผ่านไปครู่หนึ่งเจ้าวิหคน้อยจึงพาคนที่เหลือเข้ามา
“พี่อวิ๋นอี้ พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่” กัวเพ่ยเพ่ยเหาะลงมาก่อนเป็นคนแรก นางร่อนลงตรงหน้าอวิ๋นอี้พลางมองเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่เป็นไร” อวิ๋นอี้ลืมตา ริมฝีปากเจือรอยยิ้มเกียจคร้านดังเช่นที่เคยเป็นมา “ยังดีที่เจ้าหุบเขาน้อยมาถึงทันเวลา”
“ขอบคุณเจ้ามากนะ โยวเย่ว์” อวิ๋นเฟิงคารวะซือหม่าโยวเย่ว์อย่างใหญ่โต
“ขอบคุณอะไรกันเล่า ข้าก็แค่ช่วยคนในหุบเขาของพวกเราเท่านั้นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด หลังจากนั้นจึงพูดกับเป่ยกงถังและโอวหยางเฟยว่า “พวกเจ้ายังมียาวิเศษรักษาอาการบาดเจ็ บอยู่กับตัวเยอะหรือไม่”
ทั้งสองคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ยาวิเศษของพวกเราหมดเกลี้ยงไปรอบหนึ่งแล้ว ต่อมายังแบ่งให้กับทุกคนอีก ตอนนี้จึงเหลือไม่มากสักเท่าไหร่แล้ว”
“เจ้าหุบเขาน้อย พวกเขาจำนวนไม่น้อยก็เป็นนักหลอมยาเช่นกัน เพียงแต่ถูกไล่ล่าจนไม่มีเวลาหลอมยาวิเศษ รอให้อาการบาดเจ็บของพวกเขาหายดีแล้วก็ให้พวกเขาหลอมยาวิเศษกันเองเถิด” ” อวิ๋นอี้พูด
“ทำเช่นนั้นช่างสิ้นเปลืองเวลายิ่งนัก พอพวกเขาหายดี ก็ถึงเวลาที่พวกเราควรไปหาเรื่องคนเหล่านั้นได้แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเราสามคนอาศัยช่วงเวลานี้หลอมยาวิเศษจำนวนห หนึ่งออกมาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความขาดแคลนในอนาคต”
พูดมาถึงตรงนี้เธอก็เป็นกังวลขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของพวกซือหม่าโยวหรานเป็นอย่างไรบ้าง จะพบกับสถานการณ์ยาวิเศษไม่เพียงพอเช่นเดียวกันหรือไม่
เธอหยิบหินแม่ลูกออกมาลองติดต่อกับพวกซือหม่าโยวหราน ก็พบว่าระยะทางห่างไกลเกินไป ไร้ซึ่งการตอบรับจากอีกฝ่าย
“เจ้ากำลังเป็นห่วงพวกเขาอยู่หรือ” เป่ยกงถังเดินเข้ามาถาม
“อื้ม ไม่ได้ติดต่อกับพวกเขามาเป็นเวลานานถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาเป็นเช่นไรบ้าง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าวางใจเถิด โยวหลินนั่นไม่ธรรมดาเลย มีเขาอยู่ คนอื่นๆ ต้องไม่เป็นไรแน่นอน” เป่ยกงถังพูด
“อืม พอพวกเราจัดการเรื่องทางนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยไปหาพวกเขากัน” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบก้อนหยกระบุตำแหน่งออกมา จุดสีแดงสองจุดบนนั้นก็อยู่ในสถานะแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้ อน
“เช่นนั้นพวกเราหลอมยากันดีกว่า หลอมให้เสร็จเร็วๆ จะได้ไปหาพวกเขาเร็วหน่อย” เป่ยกงถังพูดอย่างเด็ดขาด
“ได้”
ทั้งสามคนเริ่มต้นหลอมยา คนของหุบเขามารเทพมีนักหลอมยาอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นพวกเขาหลอมยาอย่างคล่องแคล่ว และจำนวนยาวิเศษที่ได้ในแต่ละเตา ทุกคนก็พากันตกตะลึง
สำหรับพวกเขาแล้วสิ่งนี้ก็มิได้ยากเย็นสักเท่าไรนัก แต่สำหรับคนที่เติบโตขึ้นมาจากดินแดนโลกเบื้องล่างแล้วนี่ก็มิใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากนี้พวกเขายังมีอายุมากกว่าทั้งสามคน นนี้อยู่มากอีกด้วย
โดยเฉพาะซือหม่าโยวเย่ว์นั้นมีทักษะเทียบเคียงได้กับคนรุ่นก่อนหน้าเลยทีเดียว
“มิน่าเล่า ท่านเจ้าหุบเขารองถึงได้เลือกเขาเป็นศิษย์…”
นี่คือความคิดของคนจากหุบเขามารเทพทั้งหมดในขณะนี้
ในตอนที่อาการของพวกเขาดีขึ้นพอสมควร พวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็หลอมยาวิเศษไปได้ระดับหนึ่งแล้ว
เธอแจกจ่ายยาวิเศษให้กับทุกคน คนของตระกูลอวิ๋นและตระกูลกัวก็ได้รับส่วนแบ่งจำนวนหนึ่งไปด้วย
“เอาละ ตอนนี้พวกเจ้าก็บอกข้าได้แล้วกระมังว่าที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ผู้ที่สังหารพวกเจ้าคือใครกันแน่ มีความแค้นอันใดกับพวกเจ้า ถึงได้ไล่ล่ าพวกเจ้าอย่างสุดความสามารถเช่นนี้”
“เรื่องนี้ให้ข้าเล่าเองดีกว่า” อวิ๋นอี้มองจงไห่ปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พวกเขาคือคนของถ้ำเมฆขาว ซึ่งเป็นคู่อริของหุบเขามารเทพเรา”
“ถ้ำเมฆขาวหรือ พวกเรากับพวกเขาถึงขั้นที่มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ เจอหน้าต้องตายกันไปข้างเลยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“นับว่าใช่ก็ได้” อวิ๋นอี้พูด “ตอนนั้นท่านเจ้าหุบเขารองก็ถูกประมุขถ้ำเมฆขาวทำร้ายเอานี่แหละ”
“อะไรนะ อาจารย์ข้าถูกพวกเขาทำร้ายอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เหลือบตามองจงไห่ แววอาฆาตในดวงตาทำให้อีกฝ่ายอดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้
“ใช่แล้ว” อวิ๋นอี้พยักหน้า
“คล้ายกับว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีผู้อื่นที่กำลังไล่ล่าพวกเจ้าอยู่เช่นกันใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ใช่ คนของตำหนักผู้วิเศษและคนของถ้ำเมฆขาวร่วมมือกันแล้ว นอกจากนี้ยังมีคนตระกูลจานและคนของดินแดนอื่นอีกจำนวนหนึ่งด้วย” อวิ๋นอี้พูด
“คนของตำหนักผู้วิเศษและคนตระกูลจานร่วมมือกันเพราะตาเฒ่าที่เป็นรองเจ้าตำหนักอะไรนั่นกระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่พวกเขารวบรวมคนของดินแดนอื่นกันมาได้ทั้งสิ้น เหตุใด พวกเจ้าจึงหาคนมาไม่ได้บ้างเล่า”
“เพราะคนที่พวกเขาหามาล้วนเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกันทั้งนั้นเลยน่ะสิ อย่างเช่นพวกตระกูลจานและตำหนักผู้วิเศษ มีคนเข้าสู่ขุมอำนาจของดินแดนโลกเบื้องบน พวกเราหุบเขามารเท พรับคนจากข้างล่างน้อย ดังนั้นกำลังที่รวบรวมมาได้จึงน้อยตามไปด้วย บวกกับพวกเราโชคไม่ค่อยดีนัก ไม่ได้เจอกับขุมอำนาจมากสักเท่าไหร่เลย”
“นอกจากนี้อีกฝ่ายมีสัตว์อสูรเหนือเทพ ขุมอำนาจเหล่านั้นก็เลยไม่กล้ามากับพวกเราด้วยขอรับ” ศิษย์หุบเขามารเทพคนหนึ่งพูด
“พวกเขามีกันประมาณกี่คนหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คาดว่าอย่างน้อยก็เกินพันคนแหละ” อวิ๋นอี้พูด
“เกินพัน? มากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” เจ้าอ้วนชวีพูดอย่างตกใจ
“เพียงแต่ถ้ำเมฆขาวก็เข้ามากันอย่างน้อยร้อยสองร้อยคน” เสิ่นเหรา ศิษย์หุบเขามารเทพที่เอ่ยปากเป็นคนแรกผู้นั้นพูด “นอกจากนั้นยังดูเหมือนว่าคราวนี้พวกเขาเคลื่อนไหวเพื่อจัด ดการพวกเราโดยเฉพาะ พอพบพวกเขาก็เริ่มถูกพวกเขาไล่ล่าในทันทีเลย”
“ตำหนักผู้วิเศษก็เข้ามาไม่น้อยเลย” อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “รวมกับที่พวกเขารวบรวมในภายหลัง พันคนนี่น่าจะเป็นการคาดการณ์ที่แม่นยำทีเดียว”
“อีกฝ่ายมีคนมากมายถึงเพียงนั้น เหตุใดพวกเจ้าจึงมีกันน้อยเช่นนี้เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
หุบเขามารเทพมีคนราวๆ สามสี่สิบคนเท่านั้น บวกกับตระกูลอวิ๋นและตระกูลกัวทั้งหมดก็ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยคนเลย
“ก่อนหน้านี้พวกเรามิได้มีกันแค่นี้หรอก แต่ตอนต่อสู้ฝ่าวงล้อม ได้ตายกันไปสิบยี่สิบคนเลยทีเดียว” มีคนพูดด้วยขอบตาแดงก่ำ
“ใช่แล้ว! เจ้าหุบเขาน้อย ท่านต้องแก้แค้นให้พวกเขานะ!”
“พวกเจ้าวางใจเถิด พวกเขากล้าฆ่าล้างบางคนของหุบเขามารเทพ พวกเราก็ล้อมกดดันพวกเขาได้เช่นเดียวกัน พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้พวกถ้ำเมฆขาวและตำหนักผู้วิเศษอยู่ที่ไหน” ซือหม ม่าโยวเย่ว์ถาม
“ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนหรอก แต่พอรู้ตำแหน่งคร่าวๆ” เสิ่นเหราพูด
“ได้ เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มดักสังหารกลับกันตอนนี้เลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เพราะจำนวนคนค่อนข้างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงต่างคนต่างขี่สัตว์อสูรบินได้ของตนเอง มีเพียงอวิ๋นอี้และเสิ่นเหราที่ถูกซือหม่าโยวเย่ว์เรียกเข้ามาเพื่อให้เข้าใจข้อมูลโดยละเอี ยดของถ้ำเมฆขาว
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังคำอธิบายของอวิ๋นอี้ จึงได้รู้ว่าความแค้นของถ้ำเมฆขาวและหุบเขามารเทพนั้นหนักหนาจนมิอาจแปรเปลี่ยนได้แล้ว
ถ้ำเมฆขาวเป็นสำนักที่เที่ยงธรรมในสายตาของผู้คนภายนอก แต่หุบเขามารเทพมีทั้งส่วนดีส่วนร้าย ถึงแม้ว่าในนั้นจะมีปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่มากกว่า แต่ส่วนใหญ่ล้วนมีอุปนิสัยไม ม่สู้ดีนัก มักล่วงเกินผู้อื่นอยู่เป็นประจำ
ถ้ำเมฆขาวก็คือหนึ่งในขุมอำนาจที่เคยถูกล่วงเกิน ซึ่งตอนนี้มิอาจบอกสาเหตุที่เกิดความแค้นขึ้นในตอนแรกได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ร้อยปีพันปีมานี้ ขุมอำนาจทั้งสองเจอหน้ากันเป ป็นต้องบดขยี้ พบพานเมื่อใดต้องตายกันไปข้าง เมื่อคนของทั้งสองขุมอำนาจตายไปมากขึ้นเรื่อยๆ ความแค้นของทั้งสองฝ่ายก็มิอาจเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไปแล้ว
ส่วนที่ถ้ำเมฆขาวและตำหนักผู้วิเศษเข้ามาใกล้กันนั้น บางทีอาจเป็นเพราะชอบเสแสร้งทำเป็นสำนักที่ศักดิ์สิทธิ์เที่ยงธรรมกันทั้งคู่ เป็นประเภทเดียวกันนั่นเอง
อ้างอิงจากการคาดการณ์ของพวกอวิ๋นอี้ ตำหนักผู้วิเศษและถ้ำเมฆขาวได้เตรียมลงมือกับพวกเขาที่โลกย่อส่วนมาตั้งแต่แรกแล้ว คนเหล่านั้นจึงได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี สังหารคนของห หุบเขามารเทพอย่างฉับพลันจนรับมือไม่ทัน