สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 370 พวกเราก็มีสัตว์อสูรเหนือเทพเช่นกัน
“อะแฮ่ม…”
อวิ๋นอี้เห็นท่าทางเช่นนั้นของซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาเคยเห็นท่าทีเช่นนี้ของอีกฝ่ายตั้งแต่ตอนที่ช่วยพวกเขาแล้ว
แต่เขาก็ยังพยักหน้าน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เขาคือศิษย์ที่ท่านเจ้าหุบเขารองรับเข้ามาเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการยอมรับจากแหวนโลหิต ดังนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เคยไปที ดินแดนโบราณเลย แต่ก็ยังคงเป็นเจ้าหุบเขาน้อยของพวกเราอยู่ดี”
หญิงงามเบิกตากว้างแล้วเอ่ยว่า “เขามิใช่คนของดินแดนโบราณหรอกหรือ”
“มิใช่” อวิ๋นอี้มองซือหม่าโยวเย่ว์ นอกจากเขาจะมิใช่คนของเบื้องบนแล้ว ยังมาจากดินแดนที่ย่ำแย่ที่สุดอีกด้วย
แต่คนเช่นนี้นี่เองที่ทำให้เขายอมรับนับถือจากใจ ยอมรับให้เป็นเจ้าหุบเขาน้อย
หญิงงามมองดูอากัปกิริยาของอวิ๋นอี้ก็รู้แล้วว่าซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย
คนที่อยู่ที่โลกเบื้องบนล้วนรู้กันดีว่าถึงแม้อวิ๋นอี้จะมาจากดินแดนไร้กลิ่นอาย แต่เพราะศิษย์ผู้สืบทอดของผู้อาวุโสมีพรสวรรค์ดีกว่า เจ้าหุบเขาทั้งสองของหุบเขามารเทพล้วนให้ค ความสำคัญ ถึงแม้ว่าในยามปกติเขาจะเป็นคนไร้แบบแผน แต่ที่จริงในใจนั้นหยิ่งยโสอย่างยิ่ง
ทว่าสายตาที่เขามองซือหม่าโยวเย่ว์นั้นแฝงเอาไว้ด้วยความเคารพนับถืออย่างแท้จริง!
ถ้าหากมิใช่เพราะนางเชี่ยวชาญด้านการสังเกตมาตลอด ย่อมไม่มีทางมองออกอย่างแน่นอน!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไปขอบคุณเขา หวังว่าท่านจะช่วยพาไปด้วย” หญิงงามอมยิ้มพูด
“ได้สิ ข้าชอบบริการหญิงงามยิ่งนัก” อวิ๋นอี้แย้มยิ้มอย่างเกียจคร้านแล้วพานางไปหาซือหม่าโยวเย่ว์
“เจ้าหุบเขาน้อย นี่คือเฉียวย่าแห่งสำนักรุ้งจันทรา เป็นศิษย์ในสำนักที่แม่เฒ่าเฟิงภาคภูมิใจ” อวิ๋นอี้พูดกับซือหม่าโยวเย่ว์ หลังจากนั้นจึงชี้ซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “ “นี่คือเจ้าหุบเขาน้อยของพวกเรา ซือหม่าโยวเย่ว์”
“อวิ๋นอี้ ข้าบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าอย่าเรียกข้าว่าเจ้าหุบเขาน้อย หากนับดูแล้ว ข้าอาจจะอ่อนวัยกว่าเจ้ามากเลยทีเดียว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าทำเช่ นนี้แล้วข้าดูแก่เล่า! เรียกข้าว่าโยวเย่ว์ก็พอแล้ว”
“แหะๆ กฎนี้ไม่อาจทำลายได้ พอท่านไปถึงเบื้องบนแล้ว ผู้ที่แก่กว่าท่านหลายร้อยปีหรือเป็นพันปีก็จะเรียกท่านเช่นนี้กันหมด ท่านรีบเคยชินให้เร็วหน่อยจะดีกว่านะ” อวิ๋นอี้ พูด
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาชอบมองคิ้วที่เฉียงขึ้นน้อยๆ นั้นของซือหม่าโยวเย่ว์ยิ่งนัก…
“ขอบคุณคุณชายซือหม่ามากที่พาคนมาช่วยพวกเรา” เฉียวย่าประสานหมัดคำนับซือหม่าโยวเย่ว์พลางยิ้มอย่างขอบคุณ
“คุณหนูเฉียวย่า อย่าเกรงใจไปเลย เจ้าไม่เห็นเจ้าพวกนี้ตื่นเต้นดีใจหนักหนาตอนได้เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามหรอกหรือ พวกเขาก็ต้องการโอกาสเช่นนี้ในการแสดงฝีมือตัวเองเช่นกัน” ซือ อหม่าโยวเย่ว์โบกไม้โบกมือพูด
คนที่กำลังเก็บข้าวของที่ได้รับจากการต่อสู้อยู่ข้างๆ ได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วอดเบ้ปากไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าหุบเขาน้อย พวกเราวางตัวถูกทำนองคลองธรรมกันเป็น นอย่างยิ่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ท่านพูดเอาเองทั้งสิ้นมิใช่หรือ”
ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง รอจะไปเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามแทบไม่ไหวอะไรกันเล่า สิ่งเหล่านี้เขาพูดเองเออเองทั้งสิ้น พวกตนวางตัวถูกทำนองคลองธรรมอย่างยิ่งกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แม้กร ระทั่งเรื่องเก็บผลพลอยได้จากสงครามเหล่านี้ก็มิได้เต็มใจกันสักเท่าใดนัก
เฉียวย่าปิดปากหัวเราะ พวกเขาสำนักรุ้งจันทราและหุบเขามารเทพมีไมตรีต่อกันอยู่พอสมควร ดังนั้นทั้งสองสำนักจึงไปมาหาสู่กันเป็นครั้งคราว ก่อนหน้านี้คนของหุบเขามารเทพเป็นเช่นไร รนางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีบางเวลาที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมอยู่บ้าง แต่ก็มิได้เกินจริงอย่างที่ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ยังต้องขอบคุณพวกท่านอยู่ดี ถ้าหากมิใช่เพราะพวกท่านมาได้ทันเวลา กลัวแต่ว่าพวกเราคงต้อง…” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เฉียวย่าก็เดือดดาลอยู่บ้าง “ดูเหมือนว่า าคนของถ้ำเมฆขาวคิดที่จะล้างบางพวกเราเสียที่นี่แล้ว จากท่าทีของจงเฉวียนเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าจะไม่กลัวสำนักของพวกเราล่วงรู้เลย เขาจะต้องมีหลักประกันอะไรบางอย่างอยู่ ใช่แล้ ว จงเฉวียนมิได้บอกว่าจงไห่พาคนไปไล่ล่าสังหารพวกท่านหรอกหรือ เหตุใดพวกท่านจึง…”
“ในตอนนี้สถานการณ์ของพวกเราก็คล้ายคลึงกับพวกเจ้านี่แหละ หรืออาจจะอันตรายยิ่งกว่าพวกเจ้าเสียอีก เป็นเพราะเจ้าหุบเขาน้อยพาสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของเขามาช่วยเหลือพวกเราเอาไ ไว้” อวิ๋นอี้พูดพลางมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างซาบซึ้งปราดหนึ่ง
อาศัยเขาเพียงคนเดียวก็ช่วยพวกเขาทั้งหมดได้แล้วหรือ เฉียวย่าอัศจรรย์ใจ แต่กลับมิได้แสดงสีหน้าออกมาแต่อย่างใด
“พวกเจ้าสำนักรุ้งจันทราก็เป็นขุมอำนาจใหญ่ของเบื้องบนด้วยใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
เธอมิได้เข้าใจเรื่องการแบ่งขุมอำนาจของเบื้องบนดีสักเท่าใดนัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจถึงความเกี่ยวข้องระหว่างขุมอำนาจเบื้องบน
ก่อนหน้านี้เธอรู้เพียงแค่ว่าตำหนักผู้วิเศษดูเหมือนจะยอดเยี่ยมยิ่งนัก ต่อมาจึงรู้ว่าหุบเขามารเทพก็ล้ำเลิศอย่างยิ่งเช่นกัน แต่ดูเหมือนเบื้องบนจะมีขุมอำนาจที่ล้ำเลิศอยู่ไม่น น้อยเลยทีเดียว!
“สำนักรุ้งจันทราเป็นขุมอำนาจระดับเดียวกันกับหุบเขามารเทพ” อวิ๋นอี้พูด
“เช่นนั้นถ้ำเมฆขาวเล่า”
“ถึงแม้ว่าถ้ำเมฆขาวจะอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเรา แต่ก็นับว่ารั้งท้ายในระดับขั้นนี้ ยามปกติทั่วไปแล้วไม่กล้าต่อสู้กับพวกเรา เกรงว่าคราวนี้คงจะมีหลักประกันอะไรบางอย่าง เสียแล้ว” เฉียวย่าพูด “เท่าที่ข้ารู้ นอกจากพวกเราแล้วยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ถูกตามล่า โดยเฉพาะผู้วิเศษจากตำหนักย่อยของตำหนักผู้วิเศษคนหนึ่งก็ลงมาด้วย ตอนนี้เกรงว่าพวกเรา าคงได้แต่หลีกเลี่ยงพวกเขา หวังว่าจะรอได้ถึงตอนเปิดทางเข้าออกใหม่นะ”
“ไม่ต้องเลี่ยงหรอก” อวิ๋นอี้พูด
“อวิ๋นอี้ อีกฝ่ายมีสัตว์อสูรเหนือเทพด้วยนะ ต่อให้พวกเรามีจำนวนคนมากกว่า ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่ดี” เฉียวย่าพูด
“พวกเขามีสัตว์อสูรเหนือเทพ พวกเราก็มีเช่นกัน” อวิ๋นอี้พูด “ตอนนี้ใครร้ายกาจกว่า ก็ยังบอกไม่ได้แน่ชัดหรอกนะ”
“พวกท่านก็มีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่เช่นกันหรือ จริงๆ น่ะหรือ” เฉียวย่าสงสัยอยู่บ้าง นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าพวกอวิ๋นอี้มีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่!
“เป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของท่านเจ้าหุบเขาน้อยน่ะ” อวิ๋นอี้ตอบ “ตอนนั้นเขาพาสัตว์อสูรเหนือเทพนี่แหละมาช่วยพวกเรา”
“เขา…” เฉียวย่าตกใจมากยิ่งขึ้นอีก เหตุใดคนที่ออกมาจากโลกเบื้องล่างอย่างเขาจึงมีสัตว์อสูรเหนือเทพเป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาได้เล่า หรือว่ามารเฒ่าหาให้เขากัน
แต่คงมิใช่กระมัง โดยทั่วไปแล้วคนเบื้องบนไม่มีทางมอบสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาที่มีระดับขั้นสูงกว่าพลังยุทธ์มากเกินไปให้แก่ศิษย์ เพราะอาจทำให้ต้องเผชิญกับการแว้งกัดของสัตว์ อสูรผูกพันธสัญญาได้โดยง่าย
ความสนใจของพวกเขาล้วนอยู่กับสิ่งนี้ แต่ความสนใจของซือหม่าโยวเย่ว์กลับวนเวียนไปมาอยู่บนตัวคนทั้งสอง ในท้ายที่สุดก็มองจนทั้งสองคนรู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามว่า “ “เจ้าหุบเขาน้อย มีเรื่องอันใดหรือไม่”
สายตาของซือหม่าโยวเย่ว์เบนกลับมาจากบนร่างกัวเพ่ยเพ่ยที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยว่า “ไม่มีอะไร ข้าก็แค่อยากรู้อยู่บ้างเท่านั้น มิได้พูดกันว่าผู้คนเบื้องบนร้ายกาจหนักหนา หรืออย่างไร เหตุใดจึงยังมีคนที่ต่ำกว่าระดับเทพอยู่มากมายถึงเพียงนี้เล่า สำนักวิชาใหญ่โตทั้งหลายอย่างพวกเจ้าก็มีอยู่ไม่น้อย คงไม่ต้องพูดถึงคนอื่นแล้วกระมัง”
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีจำนวนไม่น้อย แต่ก็ยังมีสัดส่วนน้อยกว่า” เฉียวย่าอธิบาย “อย่างเช่นสำนักวิชาที่เล็กหน่อย ในหมื่นสองหมื่นคนก็มีเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่อยู่ต่ำกว ว่าระดับเทพ สัดส่วนไม่ถึงหนึ่งในสิบเลย สำนักวิชาที่ใหญ่หน่อยอย่างพวกเราให้ความสนใจกับผู้มีพรสวรรค์ของรุ่นใหม่ในอนาคตมากกว่า ดึงดูดคนเข้ามาค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงเป็นไปได้ ว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทพลงมาอาจจะมากอยู่สักหน่อย”
“นอกจากนี้เบื้องบนยังมีคนอยู่มากมาย และพื้นฐานก็กว้างมาก ต่อให้สัดส่วนค่อนข้างน้อย คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทพก็ย่อมมีเป็นจำนวนมากอยู่ดี” อวิ๋นอี้พูดเสริม
“เช่นนี้นี่เอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า พร้อมกันนั้นก็นึกถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรจีนในชาติก่อนขึ้นมา ถึงแม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนประเทศอื่นแล้วอาจจะเพิ่มขึ้นน้อ อยกว่า แต่ก็มีคนกว่าพันสามร้อยล้านคนอยู่ที่นั่น ต่อให้สัดส่วนน้อยแล้วอย่างไร จำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้นก็ยังมากกว่าประเทศอื่นมากมายอยู่ดี
ดูเหมือนว่านี่คงเป็นเหตุผลข้อหนึ่งสินะ!
ในขณะนี้เอง เจ้าอ้วนชวีก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า “โยวเย่ว์ เก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะทำอะไรกันดีเล่า”