สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 374 ใครบอกว่าพวกเราจะลงมือกับพวกเจ้าด้วยตัวเองกันเล่า
ในเมื่อซือหม่าโยวเย่ว์พูดเช่นนี้แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทุกคนมีความสนใจในผึ้งแดงของซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นมา
“เจ้าหุบเขาน้อย คราวก่อนตอนท่านเจ้าหุบเขารองกลับมาได้คุยโวกับคนในหุบเขาว่าตนได้ผึ้งแดงมาไม่น้อย ถึงขนาดที่ไปโอ้อวดตามที่ต่างๆ อีกด้วย คงจะนำผึ้งแดงมาจากท่านกระมัง” เสิ นเหราพูดยิ้มๆ
“ท่านอาจารย์ยังขึ้นไปคุยโวกับผู้อื่นด้วยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เบ้ปาก คิดไม่ถึงว่าตาเฒ่านั่นจะยังมีงานอดิเรกเช่นนี้อยู่ด้วย
“คงมิใช่กระมัง คราวก่อนเขาเห็นผู้อื่นนำผึ้งแดงตัวหนึ่งมาจากที่ใดไม่รู้ ก็อิจฉาตาร้อนจนทนไม่ไหว ตอนนี้เขามีมากมายถึงเพียงนี้แล้ว ย่อมต้องโอ้อวดกับผู้อื่นอยู่แล้วสิ” อวิ๋น นอี้พูดด้วยรอยยิ้ม
“ช่างน่าขายหน้าเสียจริง!” ซือหม่าโยวเย่ว์จนใจ
“แต่ผู้อื่นที่มีผึ้งแดง ล้วนทำราวกับมันเป็นของรักของหวง มีแต่ท่านเท่านั้นที่นำมาเป็นเครื่องมือดักฟัง” เฉียวย่าพูดปนหัวเราะ
ใกล้ชิดกับซือหม่าโยวเย่ว์มาระยะหนึ่ง ทุกคนเคยชินเสียแล้ว จึงมิได้เกรงอกเกรงใจดังเช่นในตอนแรกอีกต่อไป
“เอาละ ในเมื่อพวกเขาต้องการรวบรวมกำลังพล พวกเราก็ตามใจพวกเขาเสียหน่อยเถิด ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันเถิด รอให้พวกเขามาหาพวกเราเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์บิดขี้เกียจ เห็นได้ช ชัดว่ามิได้เป็นกังวลกับสงครามที่ใกล้เข้ามาเลย
“โยวเย่ว์ ถ้าหากพวกเรารอให้พวกเขาเข้ามาถึงแล้วค่อยลงมือ พวกเขาอาจจะมีกันเกินหมื่นคน ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์ของทุกคนจะไม่อ่อนแอ แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็มีจำนวนคนอยู่อย่างจำกัด เจ้าไก่ฟ้าปะทะกับสัตว์อสูรเหนือเทพของเย่อวี๋ฝาน ก็ไม่แน่ว่าพวกเราจะเอาชนะพวกเขาได้ ถึงอย่างไรจำนวนคนก็แตกต่างกันมากมายเหลือเกิน”
“วางใจเถิด จำนวนคนของพวกเราไม่น้อยอย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างมั่นใจในตนเอง หลังจากนั้นจึงเดินก้าวยาวๆ ไปยังที่พัก
ทุกคนเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอแล้วจึงมิอาจพูดอะไรได้อีก ได้แต่กลับไปพร้อมกับเธอด้วย
หลายวันต่อจากนั้น ทุกคนต่างพักผ่อนกันอยู่ที่เดิม กินดื่มนั่งนอนกันไป เจออาหารที่เจ้าอ้วนชวีนำมาให้ ก็ไม่มีกะจิตกะใจนึกถึงเรื่องสงครามกันแล้ว
แต่หลังจากที่คนของหุบเขามารเทพกินเต็มอิ่ม หลับเต็มตากันแล้วก็มิได้เถลไถล ทุกคนต่างเริ่มต้นหลอมยาวิเศษสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บแล้วฟื้นฟูปราณวิญญาณ ยาขวดแล้วขวดเล่าถูก หลอมออกมา
คนของสำนักรุ้งจันทรา ตระกูลอวิ๋น และตระกูลกัวก็ได้รับยาวิเศษมาเป็นจำนวนไม่น้อย
แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องจ่ายในราคามากพอสมควร
หลังจากหลอมยาวิเศษเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายก็ยังมิได้พาคนมาสังหาร ซือหม่าโยวเย่ว์จึงนั่งไม่ติดอยู่บ้าง เธอนำคนกลุ่มหนึ่งไปเริ่มต้นหาสมบัติในละแวกใกล้ๆ สมุนไพรอายุข ขัยแตกต่างกันต่างถูกเก็บเข้าไปภายในแหวนเก็บวัตถุของเธอ
เมื่อเห็นท่าทีที่เธอไม่ยอมปล่อยสมุนไพรไปเลยแม้แต่ต้นเดียว พวกซือหม่าโยวหลินต่างก็รู้สึกว่าทนดูไม่ได้อยู่บ้าง ถ้าหากมิได้รู้อยู่แล้วว่าภายในเจดีย์วิญญาณมีเครื่องยาอ อยู่มากมายถึงเพียงนั้น พวกเขาก็คงจะคิดเหมือนคนของหุบเขามารเทพจริงๆ ว่าเธอเป็นยาจกที่ขาดแคลนเครื่องยาเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่กวาดล้างบริเวณรอบๆ ไปเรียบร้อยแล้ว คนของตำหนักผู้วิเศษที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์รอคอยอยู่ก็มาถึงในที่สุด
เย่อวี๋ฝานพาคนกว่าหมื่นคนเคลื่อนผ่านอากาศเข้ามา ดูเหมือนจะรู้แล้วว่าคนของหุบเขามารเทพอยู่ที่นี่
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ล่วงรู้กำลังความสามารถและแผนการของคนเหล่านี้จากการส่งสารของผึ้งแดงมาก่อนแล้ว อีกฝ่ายรู้ว่าพวกตนอยู่ที่นี่กันหมด เพื่อประโยชน์ของพวกเขาจึงตัดสินใจใ ใช้คนมารุมพวกตนให้ตาย
ข่าวที่ศัตรูบุกมาถึงแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างเตรียมตัวเปิดศึก
เล่อฉีติดตามอยู่ข้างกายเย่อวี๋ฝาน เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บนที่ราบ จึงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “อวี๋ฝาน เหตุใดข้าเห็นแล้วจึงรู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง พวกเขาดูเหมือนกำลังรอคอย ยพวกเราอยู่เลยนะ!”
“ข้ารู้สึกว่าพวกเขาเห็นพวกเราพาคนมากมายถึงเพียงนี้บุกเข้ามาอย่างกะทันหัน แต่กลับไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่คิดจะหลบหนี ก็แปลกพิกลอยู่บ้างจริงๆ นั่นแหละ” ประมุข ขถ้ำน้อยแห่งถ้ำเมฆขาวพูด
“ดูเหมือนว่าจะแปลกอยู่บ้างจริงๆ” เย่อวี๋ฝานก็คิดเช่นเดียวกัน
แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดมากอีกแล้ว ในเมื่อพาคนมาแล้วก็ไม่มีทางพาคนกลับไปได้อีก
นอกจากนี้ในสายตาของคนส่วนใหญ่ อีกฝ่ายรวมกันแล้วมีเพียงแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น เมื่อเทียบกับคนกว่าหมื่นคนของฝ่ายตนแล้วจำนวนเล็กน้อยแค่นี้ก็มิอาจนับเป็นอะไรได้เลย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทางฝ่ายพวกเขายังมีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่อีก! ขอเพียงแค่สัตว์อสูรเหนือเทพปรากฏตัวออกมา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีหลายร้อยคนหรือว่าหลายพันคน ต่างต้องมีจุดจบ บเช่นเดียวกันอยู่ดี!
“ศิษย์พี่ อีกฝ่ายมีคนมากมากมายยิ่งนัก พวกเราจะต้านรับได้ไหวหรือ”
อย่ามองว่าในเวลานี้คนของหุบเขามารเทพดูเหมือนจะรอคนของตำหนักผู้วิเศษกับถ้ำเมฆขาวมาถึงอยู่อย่างไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย แต่อันที่จริงแล้วในใจของแต่ละคนนั้นหวาดกลัวเป็นอย ย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่เช่นเดียวกัน แต่เมื่อต่อสู้กับสัตว์อสูรเหนือเทพของอีกฝ่าย แล้วจะยังสนใจพวกเขาได้อยู่อีกเสียที่ไหนเล่า
หรือพูดได้ว่า พวกเขาร้อยกว่าคนจะต้องจัดการกับอีกฝ่ายหมื่นกว่าคนอย่างนั้นหรือ
“กลัวอะไรกันเล่า เจ้าหุบเขาน้อยบอกว่าไม่มีปัญหา ย่อมต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เสิ่นเหราเชื่อมั่นในตัวซือหม่าโยวเย่ว์เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อผ่านการใกล้ชิดสนิทสนมกันในระยะนี้มา เขาก็ค้นพบว่าซือหม่าโยวเย่ว์มิใช่คนที่จะนำชีวิตของตัวเองและผู้อื่นมาล้อเล่น ดังนั้นเมื่อเขาบอกว่าไม่มีปัญหา ย่อมไม่มีปัญหาอย ยู่แล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ชะงัก ตนเริ่มเชื่อมั่นในตัวเจ้าหุบเขาน้อยผู้นี้ถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน นอกจากนี้ความเชื่อมั่นพรรค์นั้นยังมาจากส่วนลึกของหัวใจอีกด้วย…
“โอ๊ย… เป็นพวกเขานี่เอง!” คนตระกูลจานที่ติดตามอยู่ไม่ไกลจากเย่อวี๋ฝานนักคนหนึ่งได้เห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็ร้องออกมาในทันใด
“เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ” เล่อฉีถาม
“เคยเห็นมาก่อนน่ะ” คนตระกูลจานผู้นั้นพูด “บุรุษอาภรณ์ยาวสีฟ้าน้ำทะเลในบรรดาพวกเขาผู้นั้นก็มีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่ตนหนึ่งเช่นกัน! นอกจากนี้…ยังได้ยินอวิ๋นอี้เรียกเข ขาว่าเจ้าหุบเขาน้อยอีกด้วย”
“คือเขานั่นเองหรือ” เย่อวี๋ฝานหรี่ตามองซือหม่าโยวเย่ว์ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับคนที่ครองครองสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่เหมือนกันได้ที่นี่!
“มิน่าเล่าพวกเขาถึงได้กล้าหาญชาญชัยนัก” เล่อฉีพูด
“ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรเหนือเทพอะไร วันนี้ก็ต้องสังหารพวกมันเสีย” เย่อวี๋ฝานพูด “อีกประเดี๋ยวข้าจะให้สัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของข้าจัดการกับสัตว์อสูรเหนือเทพของอีกฝ่า ายเสีย พวกเจ้าก็อาศัยจังหวะนี้ในการจัดการคนที่นี่ให้ข้าแล้วกัน”
ถึงแม้ว่าเย่อวี๋ฝานผู้นี้จะดูอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง แต่ยามที่เอ่ยวาจานี้ ความเหี้ยมโหดในแววตากลับไม่สอดคล้องกับที่ตำหนักผู้วิเศษมีอิทธิพลต่อผู้คนมาโดยตลอดเลย
สองฝ่ายเผชิญหน้ากันกลางอากาศ ในขณะที่อยู่ห่างกันร้อยเมตร ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครเอ่ยปากพูดเลย
ผ่านไปเนิ่นนาน เย่อวี๋ฝานจึงเอ่ยปากพูดขึ้นเป็นคนแรก
“ได้ยินว่าเจ้าก็มีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่ตนหนึ่งเช่นกันหรือ มิน่าเล่าถึงได้กล้ามารอพวกเราอยู่ที่นี่” เย่อวี๋ฝานมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพบว่าเจ้าคนผู้นี้เยาว์วัยกว่าที่ เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก
“ชมเกินไปแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะอย่างมั่นใจในตัวเอง “ได้ยินว่าเจ้าก็มีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่เช่นกัน มิน่าเล่า ถึงจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพวกเรากำลังรอพวกเจ้าอยู่ก็ยังก กล้าพาตัวเองมาส่งถึงหน้าประตู”
“เช่นนั้นก็ต้องมาดูกันว่าพวกเขาห่างชั้นกันมากเพียงใดแล้วล่ะ!” เย่อวี๋ฝานพูด “แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็มีปัญญาสังหารพวกเจ้าจนหมดสิ้นได้ในช่วงเวลานี้อยู่ดีแหละ!”
“วันนี้มีท่านผู้วิเศษอยู่ที่นี่พวกเจ้าควรจะรู้จักขอบคุณฟ้าดินแล้วฆ่าตัวตายไปเสียดีกว่านะ ขอให้พวกเราสังหารพวกเจ้าโดยที่มือเท้ายังอยู่ครบ” ประมุขถ้ำน้อยแห่งถ้ำเมฆขาวตบบั้ นท้ายเย่อวี๋ฝานอย่างมั่นใจในตนเอง
“ข้าขอคืนวาจาประโยคนี้ให้กับพวกเจ้าแล้วกัน หากไม่อยากถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก็ฆ่าตัวตายไปอย่างว่าง่ายเสีย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ฮ่าๆ น่าขันนัก พวกเจ้ามีกันแค่ร้อยกว่าคน ก็คิดจะฉีกพวกเรากว่าหมื่นคนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างนั้นหรือ”
คนของทางตำหนักผู้วิเศษต่างพากันหัวเราะดังลั่น
“ใครบอกว่าพวกเราจะลงมือกับพวกเจ้าด้วยตัวเองกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเรียบเรื่อย