สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 375 สังหารราบคาบ!
วาจานี้ของเธอไม่เพียงแต่จะทำให้อีกฝ่ายตะลึงงันไปเท่านั้น แม้กระทั่งคนทางฝ่ายของตัวเองก็ยังทึ่มทื่อไปด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่พวกเขา หรือว่ายังมีผู้อื่นอยู่อีกเล่า แต่ตลอดมาพวกเขาก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้อื่นมาเลย!
“ฮ่าๆๆ…” ประมุขถ้ำน้อยแห่งถ้ำเมฆขาวเงยหน้าหัวเราะเสียงดังลั่น คล้ายกับไม่เคยเห็นคนที่โง่เง่าถึงเพียงนี้มาก่อน “ได้ยินว่าเจ้าคือเจ้าหุบเขาน้อยแห่งหุบเขามารเทพ ก่อนหน้านี้ยัง งคิดอยู่ว่าเจ้าหุบเขาน้อยจะเป็นคนที่พอๆ กันกับอิงไป่ชวนหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนโง่เง่าผู้หนึ่ง! คนของพวกเจ้าไม่ลงมือ แล้วจะเสกคนออกจากอากาศมาต่อสู้กับพวกเราอย่างน นั้นหรือไร”
“ฮ่าๆๆ…”
ผู้คนเบื้องหลังเขาต่างพากันหัวเราะ คล้ายกับว่าเธอเป็นคนโง่เง่าจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าต่างหากเล่าที่เป็นคนโง่เง่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์กลอกตาใส่เขา “ไม่เห็นราชาสัตว์อสูรสองตนข้างกายข้าหรืออย่างไร”
“เฮอะ ต่อให้พวกเจ้ามีราชาสัตว์อสูรแล้วอย่างไร อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ อาณาเขตของพวกมันอยู่ไกลจากที่นี่มากมายนัก เกรงว่าแม้แต่เสียงร้องเรียกก็ยังส่งไปไม่ถึงเลยเสียด้วยซ ซ้ำ” คนตระกูลจานรู้ว่าอาณาเขตของเผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะอยู่ไกลจากที่นี่มากมายนัก
“อย่ามัวเปลืองน้ำลายกับพวกเขาอยู่อีกเลย รีบสู้รีบจบเสียเถิด” เย่อวี๋ฝานพูดจบแล้วเรียกสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของตนออกมา
นั่นก็คืออสรพิษสองหัวตนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรเหนือเทพขั้นสอง แต่ก็ยังมิได้แปลงเป็นร่างมนุษย์
“เจ้าไก่ฟ้า เจ้าไปเล่นกับผู้อื่นเขาเสียหน่อยเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ได้เลย” เจ้าไก่ฟ้าพยักหน้าพูด หลังจากนั้นจึงบินไปยังกลางท้องฟ้าแล้วแปลงกายเป็นร่างเดิม ต่อสู้กับอสรพิษสองหัวที่กลางท้องฟ้าอย่างยิ่งใหญ่
“ร่างจำแลงสัตว์อสูรเหนือเทพ!” คนของตำหนักผู้วิเศษกับถ้ำเมฆขาวตกอกตกใจกันเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าไก่ฟ้าอยู่ข้างกายเธอ ไม่มีใครในบรรดาพวกเขาแม้แต่คนเดียวที่ค้น นพบว่านั่นคือสัตว์อสูรเหนือเทพ
“พลังยุทธ์ของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าอสรพิษสองหัว ทั้งยังเป็นศัตรูโดยกำเนิดของมันอีกด้วย ดูเหมือนคงจะได้แต่ถ่วงเวลาแล้วพวกเราจำเป็นต้องสังหารคนผู้นั้นโดยเร็วที่สุด พวกเจ จ้าเข้าไปพร้อมกันเลย” เย่อวี๋ฝานออกคำสั่ง
“ขอรับท่านผู้วิเศษ พวกเราจะต้องจัดการพวกเขาโดยเร็วที่สุดแน่!” ทุกคนตัดสินใจ
ถึงแม้จะรู้สึกว่าการที่คนหมื่นกว่าคนมาต่อกรกับคนร้อยกว่าคนนั้นออกจะเกินไปอยู่สักหน่อย แต่ทุกคนก็ยังเตรียมตัวลงมือพร้อมกัน
“เจ้าหุบเขาน้อย พวกเราจะทำเช่นไรกันดีเล่า ”เมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมตัวลงมือ คนของหุบเขามารเทพก็ยังคงรู้สึกผิดเล็กน้อย
“รีบร้อนไปทำไมเล่า พวกเราก็รอดูอยู่ที่นี่แหละ บรรดาสหายของข้าเอ๋ย ออกมาเถิด”
ซือหม่าโยวเย่ว์ความคิดวูบไหวคราหนึ่ง สัตว์อสูรวิเศษตัวแล้วตัวเล่าก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าทุกคนราวกับร่ายเวทมนตร์แล้วเรียงตัวเป็นครึ่งวงกลมล้อมรอบคนของตำหนักผู้วิเศษทาง ด้านนั้นเอาไว้
“สัตว์อสูรวิเศษมากมายเหลือเกิน!”
“ข้าเอง อย่างน้อยนี่ต้องมีเกินกว่าหมื่นตัวกระมัง”
“สวรรค์เอ๋ย เหตุใดจึงมีสัตว์อสูรวิเศษมากมายเช่นนี้โผล่มาอย่างกะทันหันได้เล่า!”
“ทั้งยังเป็นสัตว์อสูรเทพทั้งหมดอีกด้วย!”
“สัตว์อสูรเทพขั้นห้าขึ้นไปก็มีอยู่มากมายทีเดียว!”
ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้สนใจความตกตะลึงของทั้งสองฝ่ายแล้วเอ่ยว่า “นี่คือเรื่องแรกที่ข้าอยากขอให้พวกเจ้าช่วย พวกเจ้ามิได้บอกว่าไม่ได้ต่อสู้กันมาตั้งนานแล้วหรอกหรือ เผชิญ ญหน้ากับคนเหล่านั้น อย่าให้เหลือเลยแม้แต่คนเดียวจะดีที่สุด”
“บรู๊ววว…”
“โฮกกก…”
หรงและกงเหยียนคำรามยาวเหยียดเสียงหนึ่ง ก่อนจะพาสมาชิกเผ่าพันธุ์ตนเองโจมตีเข้าใส่อีกฝ่าย
เมื่อตำหนักผู้วิเศษและถ้ำเมฆขาวรวมทั้งคนที่รวบรวมมาเหล่านั้นได้เห็นสัตว์อสูรเทพปรากฏตัวขึ้นมามากมายถึงเพียงนั้นแล้วก็พากันตะลึงงันไป ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ราชาสัตว์อสูรทั งสองก็พาฝูงของตนโจมตีเข้าใส่เสียแล้ว คนจำนวนไม่น้อยถูกฉีกทึ้งกลายเป็นสองท่อนแล้วร่วงหล่นลงสู่พื้นในทันใด
มีบางคนที่ได้สติกลับคืนมา แต่เหล่าสัตว์อสูรวิเศษได้เหาะมาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว กายเนื้อของพวกเขาสู้กรงเล็บของสัตว์อสูรวิเศษไม่ได้ คนไม่น้อยจึงได้รับบาดเจ็บแล้วร่วงหล่นลง สู่พื้น
เผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะเหาะทะยานได้ไม่เก่งเท่าเสือเขี้ยวดาบ ดังนั้นเผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะจำนวนไม่น้อยจึงร่อนลงสู่พื้น ไปไล่ล่าคนที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้นแทน
คนของหุบเขามารเทพและสำนักรุ้งจันทราเบิกตากว้างมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เดิมทีคิดว่าจะต้องมีสงครามครั้งใหญ่ยกหนึ่ง ผลปรากฏว่าพวกเขากลับได้แต่ยืนดูอยู่ที่นั่นตั้งแต ต่ต้นจนจบ
มิน่าเล่าเขาจึงได้มีความมั่นอกมั่นใจในตนเองอย่างยิ่งเช่นนั้น ที่แท้ก็มีไพ่อันยอดเยี่ยมอยู่นี่เอง!
พร้อมกันนั้นทุกคนก็มองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างไม่พอใจ เจ้าหุบเขาน้อยนี่ก็จริงๆ เลย มีหลักประกันที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้อยู่แต่กลับไม่บอกพวกตนล่วงหน้า ทำเอาพวกเขาเป็นกังวลมาโด ดยตลอด
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนเรือนหมื่นก็ถูกขจัดไป แม้กระทั่งท่านผู้วิเศษและประมุขถ้ำน้อยก็มิได้ต้านทานได้นานสักเท่าใดนัก
นี่เป็นการสังหารที่อยู่เหนือความคาดหมายอย่างสมบูรณ์!
“โยวเย่ว์ ฆ่าทิ้งจนหมดสิ้นแล้ว” กงเหยียนและหรงกลับมาบอก
ซือหม่าโยวเย่ว์เบะปาก เจ้าพวกนี้ไม่เพียงแต่จะฆ่าทิ้งจนหมดสิ้นเท่านั้น ควรเรียกว่าฉีกทึ้งจนหมดมากกว่า คนกว่าหมื่นคนนี้ส่วนใหญ่ล้วนตายอย่างไม่เหลือซาก หากมิได้ถูกฉีก กทึ้งกลายเป็นสองท่อน ก็แขนขาขาดหาย หรือไม่ก็ศีรษะแยกออกจากตัว
ซากศพกว่าหมื่นร่างกองกันอยู่ตรงนี้ ออกจะ… ชวนคลื่นเหียนอยู่บ้างจริงๆ
เธอโบกมือเก็บสัตว์อสูรวิเศษทั้งหมดเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ คราวนี้แม้แต่ราชาสัตว์อสูรทั้งสองก็ถูกเก็บกลับเข้าไปด้วย
“พวกเรา”
“ปัง…”
พวกเขายังไม่ทันได้เอ่ยวาจา สายฟ้าสายหนึ่งก็ฟาดลงกลางท้องฟ้า กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นขุมหนึ่งกดดันลงมา
“เรื่องอันใดกันน่ะ”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง กลางท้องฟ้ามีพายุหมุนปรากฏขึ้น พายุหมุนนั้นรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ก่อตัวเป็นอุโมงค์ทางเดินเส้นหนึ่ง
“หรือว่าการโจมตีเมื่อครู่ทำให้อุโมงค์ทางเดินเปิดก่อนเวลาอันควรเล่า” อวิ๋นอี้พูดอย่างตกใจ
“เหตุใดจึงมีอุโมงค์ทางเดินสองเส้นเล่า”
“ด้านนอกอุโมงค์ทางเดินมิใช่สถานที่ที่พวกเรามามิใช่หรือ” กัวฝูร้อง
“สถานที่อีกแห่งหนึ่งก็เป็นดินแดนโบราณเช่นเดียวกัน” เสิ่นเหราเอ่ย
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นอุโมงค์ทางเดินให้พวกเรากลับไป” เฉียวย่าพูด
“เอ๊ะ… เหตุใดจึงไม่มีอุโมงค์ทางเดินที่ตรงไปยังดินแดนอี้หลินเล่า” มีคนร้องออกมา
จากนั้นทุกคนจึงค่อยนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่มีอุโมงค์ทางเดินปรากฏที่ดินแดนอี้หลิน จึงมองพวกซือหม่าโยวเย่ว์อย่างแปลกพิกล
“พวกเรามิได้เข้ามาตามอุโมงค์ทางเดินปกติตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบเอาเข็มทิศอันนั้นออกมาแล้วใส่พลังวิญญาณเข้าไป เข็มทิศนั้นลอยขึ้นกลางอากาศ เพิ่งจะสร ร้างอุโมงค์ทางเดินได้เล็กน้อยก็ร่วงหล่นลงมา นี่ทำให้สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไป
“ทำไมหรือ”
เมื่อเห็นสีหน้าเธอไม่ถูกต้อง ทุกคนจึงมิได้รีบร้อนจากไป
“เป็นไปได้ว่าการต่อสู้ของพวกสัตว์อสูรเหนือเทพอย่างเจ้าไก่ฟ้าเมื่อครู่ส่งผลกระทบต่อห้วงมิติที่นี่ เข็มทิศนี้มิอาจใช้การได้อีกแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “อุโมงค์ทางเดินที่ มุ่งไปสู่ดินแดนอี้หลินมิอาจเปิดขึ้นมาได้อีกแล้ว”
“แล้วจะทำเช่นไรดีเล่า” ซือหม่าโยวฉิงพูดอย่างเป็นกังวล
ซือหม่าโยวเย่ว์มองอุโมงค์ทางเดินเหนือศีรษะพลางเอ่ยว่า “วิธีการเดียวที่มีก็คงได้แต่ทดสอบอุโมงค์ทางเดินสองแห่งนี้ดูแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเราจะผ่านไปได้หรือไม่”
“คงได้แต่ทดสอบดูแล้วล่ะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหุบเขาน้อย พวกท่านก็กลับไปยังหุบเขากับพวกเราเถิด” เสิ่นเหราพูด
ถึงแม้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เคยคิดจะไปที่นั่นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แต่ตอนนี้ก็ไร้หนทางแล้ว
แต่ว่า…
หลังจากที่พวกเขาบินไปยังทางออกนั้นแล้ว คนของหุบเขามารเทพเข้าไปได้อย่างสบายๆ ทว่าพวกซือหม่าโยวเย่ว์กลับถูกสกัดเอาไว้ข้างนอก
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะไปที่ดินแดนโบราณกันไม่ได้แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เช่นนั้นลองไปกับพวกเราดูก่อนสิ” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
“ข้าไปลองดูก่อนแล้วกัน” ซือหม่าโยวหลินพูดพลางเหาะทะยานขึ้นไป มิได้พบกับสิ่งกีดขวางใด จึงบินเข้าไป
“ดูเหมือนจะได้นะ ข้าตามเขาไปแล้วกัน” อวิ๋นเฟิงพูดแล้วเข้าไปด้วยเช่นกัน
“เสิ่นเหรา พวกเจ้ากลับไปเถิด กลับไปหาคนไปยังดินแดนอี้หลินสักรอบ แล้วบอกกับพวกท่านปู่ว่าพวกเราสุขสบายดี แล้วจะหาวิธีกลับไปนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าหุบเขาน้อยวางใจเถิด พวกเราจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน” เสิ่นเหรารับรอง
“ทุกคนไปเร็วเข้า อุโมงค์ทางเดินนี่ใกล้จะปิดตัวลงแล้ว”
ทุกคนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าอุโมงค์ทางเดินกำลังเลือนรางลง พวกเขารีบบินเข้าไป
ซือหม่าโยวเย่ว์พาทุกคนตามคนตระกูลกัวเข้าไปในอุโมงค์ทางเดินที่นำไปสู่ดินแดนไร้กลิ่นอาย ส่วนตระกูลอวิ๋นอยู่ด้านหลังพวกเขา
หลังจากที่ทุกคนเข้าไปได้ไม่นาน อุโมงค์ทางเดินแห่งนั้นก็ปิดสนิทลงอย่างสมบูรณ์