สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 376 ดินแดนไร้กลิ่นอาย
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าถูกฉีกทึ้งไปทั่วทั้งร่างกาย ในขณะที่ผู้อื่นกลับไม่รู้สึกเช่นเธอ ดูเหมือนว่าอุโมงค์ทางเดินแห่งนี้มิได้เสถียรถึงเพียงนั้น
“แปะ… แปะ… แปะ…”
เสียงน้ำรั่วเสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้น พวกเขาทั้งหมดถูกอุโมงค์ทางเดินโยนลงไปในทะเลสาบแห่งหนึ่ง
“แค่กๆ…”
ซือหม่าโยวเย่ว์โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ แล้วเอื้อมมือไปปาดน้ำตามร่างกาย อดที่จะด่าทอประโยคหนึ่งมิได้
ตอนเข้าไปก็ถูกโยนลงน้ำ ปรากฏว่าตอนออกมาก็ยังถูกโยนลงน้ำอีก!
“ทุกคนไม่เป็นไรใช่หรือไม่” กัวเพ่ยเพ่ยก็โผล่ขึ้นมาแล้วมองดูผู้คนโดยรอบพลางถามขึ้น
“ไม่เป็นไร”
“ขึ้นไปบนฝั่งกันก่อนเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
โชคดีที่พวกเขาอยู่ไม่ห่างจากริมฝั่งมากนัก เพียงครู่เดียวก็ว่ายน้ำไปถึงริมฝั่งกันหมด
“เหตุใดคนจึงน้อยลงไปจำนวนหนึ่งเล่า” เว่ยจือฉีเห็นว่ามีคนหายไป โดยเฉพาะคนตระกูลอวิ๋นที่เหลืออยู่กับพวกเขาเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น
“อุโมงค์ทางเดินนี้เคลื่อนที่ได้ ถ้าหากเวลาแตกต่างกันมากเกินไปก็จะปรากฏขึ้นในสถานที่ที่แตกต่างกัน” เพราะเสื้อผ้าเปียกปอนจึงขับเน้นเรือนร่างอันงดงามของกัวเพ่ยเพ่ยให้เด ด่นชัดมากยิ่งขึ้น นางรีบใช้ปราณวิญญาณขจัดน้ำออกจากร่างกาย จนกลับมาอยู่ในสภาพเช่นยามปกติ
“โยวหลินและอวิ๋นเฟิงก็ไม่อยู่เช่นกัน” เจ้าอ้วนชวีพูด
“วางใจเถิด อวิ๋นเฟิงรู้ว่าโยวหลินอาจถูกส่งไปยังสถานที่แห่งอื่น จึงได้ติดตามไป ระยะเวลาที่พวกเขาเข้าไปห่างกันไม่นานนัก น่าจะถูกส่งไปยังสถานที่แห่งเดียวกัน” กัวเพ่ยเพ่ ยพูด
“ที่นี่คือดินแดนไร้กลิ่นอายใช่หรือไม่ ปราณวิญญาณเข้มข้นกว่าที่ดินแดนของพวกเรามากมายเลยทีเดียว” ซือหม่าโยวฉิงรับสัมผัสครู่หนึ่งแล้วแววตาริษยาไม่น้อย
“ใช่แล้ว ไม่แปลกที่พลังยุทธ์ของผู้คนที่นี่จึงสูงส่งกว่าพวกเรา” ซือหม่าโยวหยางพูด
“โยวเย่ว์ ตอนนี้พวกเราจะกลับบ้านกัน พวกเจ้าก็กลับพร้อมกับพวกเราเลยสิ” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
“พวกเจ้าช่วยเหลือพวกเรา พวกเราจะต้องตอบแทนพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าจะไปที่ดินแดนอี้หลินได้อย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“พวกเราไม่รู้หรอก แต่ข้าคิดว่าพวกท่านบรรพชนอาจจะทราบก็เป็นได้” กัวเพ่ยเพ่ยกล่าว
“พวกเราไม่คุ้นเคยกับที่นี่ คงได้แต่รบกวนพวกเจ้าแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“จะทำเช่นไรกับโยวหลินดีเล่า” ซือหม่าโยวหลานถาม
“ตระกูลอวิ๋นกับตระกูลกัวของพวกเราอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ข้าว่าหากอวิ๋นเฟิงไม่พาเขากลับตระกูลอวิ๋น ก็ต้องส่งเขามายังตระกูลของพวกเรา” กัวเพ่ยเพ่ยพูด “นอกจากนี้ข้าคิด ว่าเขาก็คงเดาได้ว่าพวกเจ้าอยู่กับพวกเราที่นี่ ย่อมต้องมาหาอย่างแน่นอน”
“ถ้าหากเวลาผ่านไปนานแล้วเขายังไม่มา พวกเราก็จะไปตามหาเขา” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบก้อนหยกออกมาดู ซือหม่าโยวหลินอยู่ห่างจากเธอเป็นระยะทางไกลมากจริงๆ “พวกเราอาจจะหาเส้นท ทางกลับไปพบก่อนที่เขาจะกลับมาก็ได้นะ”
“เช่นนั้นพวกเราไปกันดีกว่า ที่นี่ยังอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมากพอสมควรเลยนะ” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
ทุกคนขี่สัตว์อสูรบินได้เดินทางมาสองวันจึงเห็นเมืองหลวงแห่งหนึ่ง เห็นได้ว่าดินแดนไร้กลิ่นอายแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตเพียงใด
พวกเขาไปยังสมาคมปรมาจารย์วิญญาณแล้วใช้ค่ายกลนำส่งเดินทางไปยังเมืองขนาดกลางแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยไปยังเมืองที่ตระกูลกัวตั้งอยู่
ซือหม่าโยวเย่ว์เริ่มต้นอาเจียนตั้งแต่ออกมาจากค่ายกลนำส่ง ซึ่งทำให้คนตระกูลกัวค่อนข้างประหลาดใจ
กัวฝูล้อเลียนเธอด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่คิดว่าเจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ทั้งยังเป็นปรมาจารย์ค่ายกล แต่กลับวิงเวียนกับค่ายกลนำส่งเสียได้”
ซือหม่าโยวเย่ว์โบกมือด้วยสภาพน่าสังเวช
ค่ายกลนำส่งที่นี่ดีกว่าที่ดินแดนอี้หลินมากนัก แต่เพราะระยะทางไกล เธอจึงยากจะรับไหวอยู่ดี
ซือหม่าโยวฉิงเข้าไปลูบหลังเธอแล้วเอ่ยว่า “ตอนแรกที่ข้าพบเขาก็ใช้ค่ายกลนำส่งเช่นเดียวกัน ตอนนั้นเห็นเขาเมาจนมีสภาพเช่นนั้นก็ตลกอยู่นานเหมือนกัน”
“ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเราคงได้แต่อยู่กันที่ที่พักในเมืองแล้ว” กัวเพ่ยเพ่ยเห็นสภาพเช่นนี้ของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจึงพาพวกเขาไปยังโรงเตี๊ยมที่ตระกูลกัวเปิดอยู่ในเมือง
ผู้จัดการโรงเตี๊ยมเห็นพวกกัวเพ่ยเพ่ยกลับมาก็รีบออกมาจากด้านหลังโต๊ะยาวในทันที จากนั้นจึงคารวะแล้วเอ่ยว่า “คุณหนู พวกท่านมิได้ไปที่โลกย่อส่วนหรอกหรือ เหตุใดยังไม่ทัน นถึงเวลาก็กลับมาเสียแล้วเล่า”
“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ อุโมงค์ทางเดินจึงเปิดขึ้นก่อนเวลา” กัวเพ่ยเพ่ยพูด “ไปเตรียมห้องจำนวนหนึ่งไว้ วันนี้พวกเราจะพักผ่อนกันที่นี่”
“ได้ขอรับคุณหนู”
ผู้จัดการเตรียมห้องเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เขามอบกุญแจห้องที่ดีที่สุดให้กับกัวเพ่ยเพ่ย แต่กัวเพ่ยเพ่ยกลับหมุนตัวไปมอบให้กับพวกซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยว หรานแทน
“พวกเจ้าพาเขาไปพักผ่อนก่อนเถิด” กัวเพ่ยเพ่ยพูด
“ได้” ซือหม่าโยวหรานรับกุญแจมา แล้วพาซือหม่าโยวเย่ว์ไปพักผ่อนตามเลขห้องที่เขียนเอาไว้
คนอื่นๆ ก็ตามเสี่ยวเอ้อร์ของร้านไปที่ลานด้านหลัง เหลือไว้เพียงแค่กัวเพ่ยเพ่ยกับผู้จัดการให้คุยธุระกันต่อ
“คุณหนู คนผู้นั้นคือใครหรือขอรับ” ผู้จัดการถามอย่างใคร่รู้
นั่นคือห้องหมายเลขหนึ่งซึ่งยามปกติไม่เปิดให้กับคนนอก มีเพียงแค่คุณชายคุณหนูของตระกูลกัวเท่านั้นที่เข้าพักได้ แต่กัวเพ่ยเพ่ยกลับยกมันให้กับผู้ที่ดูป่วยปวกเปียก น นี่ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นในตัวของคนผู้นั้นเป็นอย่างยิ่ง
“เขาคือผู้มีพระคุณของตระกูลกัวเรา ถ้าหากมิใช่เพราะเขา ตระกูลกัวของเราก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดออกมาเลยแม้แต่คนเดียว” กัวเพ่ยเพ่ยพูด “นอกจากนี้สถานะของเขายังสูงส่งอย่างยิ่ ง เจ้าให้คนดูแลเป็นพิเศษด้วยนะ เข้าใจหรือไม่” กัวเพ่ยเพ่ยกำชับ
“ขอรับคุณหนู” ผู้จัดการรับคำ
กัวเพ่ยเพ่ยเรียกกัวฝูเข้ามาแล้วพูดว่า “เจ้ารีบกลับไปที่ตระกูลก่อน แล้วบอกท่านพ่อเรื่องของพวกเราตอนอยู่ที่โลกย่อส่วน ให้พวกเขารีบไประวังตระกูลจานก่อน ข้าจะรอให้โย ยวเย่ว์ดีขึ้นสักหน่อยแล้วค่อยพาพวกเขากลับไป”
“ได้เลยขอรับคุณหนูใหญ่” กัวฝูไม่ชักช้าเลยแม้แต่น้อย เขาพาพวกกัวเลี่ยงจากไป
ถึงแม้จะพูดได้ว่าตระกูลกัวเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดที่นี่ แต่บ้านเดิมกลับมิได้อยู่ในเมือง หากแต่อยู่ที่เขตชานเมือง หลังออกนอกเมืองไปแล้วต้องขี่สัตว์อสูรบินได้ต่อไปอีกเป็ นระยะทางครึ่งวัน
ในตอนที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์มาถึงดินแดนไร้กลิ่นอาย คนของดินแดนโบราณก็ทยอยกันกลับไปแล้ว
ที่แตกต่างกับดินแดนอื่นๆ ก็คืออุโมงค์ทางเดินของดินแดนโบราณนั้นมั่นคง ถึงแม้ว่าตำแหน่งที่โลกย่อส่วนจะแตกต่างกัน แต่ทางออกกลับมีเพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น
คนของสำนักวิชาจำนวนหนึ่งรอที่ด้านนอกอยู่ก่อนแล้ว เตรียมตัวพาคนของสำนักวิชาตนกลับไป ถึงอย่างไรก็เป็นคนพลังยุทธ์ระดับเทพลงไป ถ้าหากประสบเรื่องราวอันใดเข้าระหว่างทาง ก็ปะทะกันโดยตรงได้เลย
“เปิดแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงใครเอ่ยขึ้น จากนั้นทุกคนก็เห็นอุโมงค์ทางเดินห้วงมิติบนยอดเขาค่อยๆ เปิดออก
มีศิษย์ทยอยกันออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นสำนักของตนก็รีบเข้าไปหา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ถูกผู้อื่นสังหารด้วยความเข้าใจผิด ระหว่างนั้นก็เล่าเรื่องโอกาสที่ ตนได้รับภายในนั้น
คนของถ้ำเมฆขาวและคนของหุบเขามารเทพอยู่ไม่ห่างกันมากนัก คนของถ้ำเมฆขาวเหลือบมองทางนี้ปราดหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ทุกครั้งที่เข้าไปในโลกย่อส่วนก็มีคนตายไปไม่น น้อย เจิงเฉิง เจ้าว่าคนของหุบเขามารเทพของพวกเจ้าจะตายอยู่ภายในนั้นกันหมดแล้วหรือไม่”
เจิงเฉิงเป็นคนที่หุบเขามารเทพพามาด้วย เมื่อได้ยินคำยั่วยุของถ้ำเมฆขาว จึงเลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เจ้าพูดได้ถูกต้อง บางทีคนของถ้ำเมฆขาวของพวกเจ้าอาจตายไปกันหมดแล้ว ถึงตอน นนั้นพวกเราจะต้องรู้สึกเสียใจแทนพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
“เฮอะ ใครจะตายอยู่ภายในนั้นก็ยังไม่แน่หรอกนะ!” คนของถ้ำเมฆขาวผู้นั้นไม่พูดอีก ถ้าหากพูดมากไป ก็อาจเปิดเผยบางอย่างออกไปได้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ มีคนออกมาหลายพันคนแล้ว แต่กลับไม่มีคนของหุบเขามารเทพและสำนักรุ้งจันทราเลย คนของทั้งสองสำนักเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนถ้ำเมฆขาว ก็พอจะคาดเดาอะไรบา างอย่างได้