สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 383 การวางแผนและค่าตอบแทนใหม่
ซือหม่าโยวเย่ว์ตามอวิ๋นเฟิงไปยังโถงรับแขกหลักด้านหน้า ตอนที่ไปถึงนั้นกัวซือหมิงและกัวเพ่ยเพ่ยก็อยู่ที่นั่นแล้ว นอกจากนี้ยังมีคนที่เธอไม่รู้จักอีกหลายคนอยู่ด้วย
อวิ๋นจิ่นเว่ยนั่งอยู่ตรงที่นั่งประธาน คนของตระกูลกัวและตระกูลอวิ๋นนั่งแยกกันอยู่ทั้งสองฟาก หลังจากเธอมาถึงแล้วก็ถูกเชิญให้ไปนั่งที่ตำแหน่งด้านข้างประธาน
และคนที่นั่งอยู่ต่างยืนขึ้นต้อนรับเธอกันหมด
ซือหม่าโยวเย่ว์เบ้ปาก เธอไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้เอาเสียเลย
แต่เมื่อนึกถึงสถานะเจ้าหุบเขาน้อยของตนแล้วก็ล้ำเลิศทีเดียว
นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่ามีร่มไม้ใหญ่ให้พักพิงใช่หรือไม่
เธอนั่งลงบนที่นั่งแล้วเอ่ยว่า “ทุกคนนั่งลงเถิด พวกท่านล้วนเป็นรุ่นอาวุโสกว่าโยวเย่ว์ทั้งสิ้น ก็ไม่ต้องมีพิธีรีตองกันถึงเพียงนี้หรอก”
“ขอบคุณเจ้าหุบเขาน้อย” ทุกคนเอ่ยขอบคุณแล้วนั่งลง
“เจ้าหุบเขาน้อย พวกเรากำลังวางแผนจะหารือเรื่องการจัดการกับตระกูลจานและตำหนักผู้วิเศษ จึงอยากจะเชิญท่านเจ้าหุบเขาน้อยมาเข้าร่วมด้วยกัน” อวิ๋นจิ่นเว่ยพูด
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ซือหม่าโยวเย่ว์พูดในใจประโยคหนึ่ง จากนั้นจึงแย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอำนาจของตระกูลจานกับตำหนักผู้วิเศษมากสักเท่าใดนัก พวกท่าน นหารือกันเองก็พอแล้ว ข้าจะคอยฟังอยู่ข้างๆ แล้วกัน”
“ได้”
อันที่จริงแล้วตระกูลกัวและตระกูลอวิ๋นก็หวังจริงๆ ว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะไม่แทรกแซงมากเกินไป เพราะเธอไม่เข้าใจสถานการณ์ของขุมอำนาจต่างๆ ถ้าหากออกความเห็นไม่สอดคล้องกับสถานกา ารณ์จริง อาจจะกลับกลายเป็นสร้างความยุ่งยากให้พวกเขาแทนก็เป็นได้
และที่พวกเขาเชิญเธอมาก็เพียงเพราะอยากให้เธอเข้าใจแผนการของพวกเขาเท่านั้นเอง
เพื่อให้เธอเข้าใจได้ง่าย อวิ๋นจิ่นเว่ยจึงเล่าสถานการณ์ของตระกูลจานให้ฟังอย่างคร่าวๆ มีคนอยู่ประมาณกี่คน มีกิจการมากน้อยเพียงใด เป็นต้น
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังก็เกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ถ้าหากรับตัวคนตระกูลซือหม่ามาใช้ชีวิตยังดินแดนแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เลวเลย
ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าตอนที่ตนขึ้นไปยังเบื้องบนแล้วจะพาพวกเขาขึ้นไปใช้ชีวิตที่เบื้องบนด้วย แต่หลังจากที่ได้ทราบเรื่องราวบางอย่างของดินแดนโบราณแล้วเธอก็รู้สึกว่าการขึ นไปในตอนที่ยังไม่มีพลังยุทธ์นั้นมิใช่เรื่องที่มีประโยชน์นัก
แต่สถานการณ์ของดินแดนอี้หลินในตอนนี้ก็ทำให้เธอเป็นกังวลว่าอาจมีความวุ่นวายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าหากให้พวกเขาอยู่ที่นั่นต่อไป หากวันใดเกิดเรื่องขึ้นมาเธอคงต้องนึกเสีย ยใจตายแน่
หากพูดถึงการมาอยู่รวมกัน การย้ายมาที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ให้ขุมอำนาจชั้นหนึ่งอย่างตระกูลกัวและตระกูลอวิ๋นช่วยเหลือได้ คนของตระกูลซือหม่าก็ยกระดับพลังยุทธ์ขึ้ นได้อีกก้าว สภาพแวดล้อมการบำเพ็ญของที่นี่ก็ดีกว่าดินแดนอี้หลินหลายเท่า
เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้แล้วเธอก็เริ่มคิดวางแผนให้กับตระกูลซือหม่า สิ่งแรกที่ต้องมีก็คือรายได้หลัก ตามด้วยการคิดหาวิธีพาพวกเขามา
“ประมุขตระกูลอวิ๋น หลังจากทำลายล้างตระกูลจานแล้วจะแบ่งผลพลอยได้กันอย่างไรหรือ” เธอถาม
“เจ้าหุบเขาน้อยมีความคิดเห็นดีๆ อันใดหรือไม่” อวิ๋นจิ่นเว่ยถาม
“แบ่งกันตามสัดส่วนที่ลงแรงก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ข้าต้องการสี่ส่วนในนั้น ซึ่งข้าจะชดเชยส่วนต่างให้พวกท่านเอง”
อวิ๋นจิ่นเว่ยและกัวซือหมิงต่างตกตะลึงอยู่บ้าง เมื่อครู่นี้เขายังไม่มีความสนใจในเรื่องนี้แต่อย่างใดเลย เหตุใดจู่ๆ จึงได้ยื่นข้อเสนอนี้ขึ้นมากันเล่า
“เหตุใดท่านเจ้าหุบเขาน้อยจึงได้มีความสนใจในเรื่องนี้เล่า” ผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋นท่านหนึ่งถามขึ้น
“ข้าคิดว่าถ้าหากหาวิธีไปกลับระหว่างดินแดนไร้กลิ่นอายและดินแดนอี้หลินได้ ข้าอยากจะอพยพสมาชิกครอบครัวข้ามาที่นี่” เดิมทีซือหม่าโยวเย่ว์มิได้คิดจะพูดในเวลานี้ แต่ถ้าหาก คิดจะอพยพตระกูลซือหม่าจริง ก็ขาดความช่วยเหลือจากสองตระกูลนี้ไปไม่ได้ มิสู้พูดกับพวกเขาไปตอนนี้เลยดีกว่า
“เจ้าหุบเขาน้อยอยากจะอพยพทั้งตระกูลมาอย่างนั้นหรือ” กัวซือหมิงถาม
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า “ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็แล้วไป แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าดินแดนอี้หลินไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย ข้าย่อมต้องอยากให้พวกท่านปู่ข้ากินดีอยู่ดีสักหน่อย ยอยู่แล้ว”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลกัวของข้ายอมสละผลประโยชน์ของพวกเราแล้วแบ่งให้กับท่านเจ้าหุบเขาน้อย” กัวซือหมิงพูด
“ตระกูลอวิ๋นของเราก็เต็มใจสละเช่นเดียวกัน” อวิ๋นจิ่นเว่ยก็ประกาศจุดยืนไปด้วย
ถึงแม้ว่าตระกูลจานจะมีกิจการอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับการสานสัมพันธ์กับซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว อย่างหลังย่อมมีแรงดึงดูดมากกว่า
ตระกูลกัวและตระกูลอวิ๋นต่างก็มีคนอยู่ที่หุบเขามารเทพ พวกเขาจำเป็นต้องสานสัมพันธ์กับซือหม่าโยวเย่ว์อยู่แล้ว!
ซือหม่าโยวเย่ว์ใช้นิ้วเคาะโต๊ะพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ตระกูลของพวกเรามิได้ใหญ่โตถึงเพียงนั้น ต่อให้ได้รับกิจการมามากมายเช่นนั้นก็จัดการไม่ไหวอยู่ดี ข้าจะเลือกเพียงส่วน นเดียวในนั้น ส่วนที่เหลือก็ขอยกให้พวกท่านทั้งหมด นอกจากนี้ข้ายังจะชดเชยให้พวกท่านอย่างคุ้มค่าอีกด้วย”
อันที่จริงแล้วตระกูลอวิ๋นและตระกูลกัวต่างมิได้คิดจะถามว่าสิ่งชดเชยที่ซือหม่าโยวเย่ว์พูดถึงนั้นคือสิ่งใด เพราะรู้ว่าเธอมาจากดินแดนอี้หลิน และดินแดนแห่งนั้นขาดแคลนทรัพ พยากร ดังนั้นพวกเขาจึงพากันคิดว่าเธอไม่มีของดีอยู่แต่อย่างใด
ถึงอย่างไรตระกูลจานก็มีสมบัติพัสถานล้นเหลือ ส่วนที่พวกเขายกให้เธอนั้นมิใช่สิ่งที่ของธรรมดาทั่วไปจะชดเชยให้ได้เลย
แต่หลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบของออกมาแล้วฟังเธอเรียกชื่อ คนของตระกูลอวิ๋นและตระกูลกัวต่างรู้สึกว่าหายใจติดขัด คล้ายกับลืมเลือนสิ่งแวดล้อมรอบตัวไปเพียงเพราะได้เห็น สิ่งที่อยู่ในมือเธอเท่านั้น
“เจ้าหุบเขาน้อย สิ่งนี้คือยาบรรลุเทพจริงหรือ” ผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋นกลืนน้ำลายพลางจ้องมองขวดยานั้นเขม็ง
“ใช่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เทยาวิเศษออกมาสองเม็ดแล้วมอบเม็ดหนึ่งให้อวิ๋นจิ่นเว่ย ส่วนอีกเม็ดให้กัวซือหมิง “นี่คือสิ่งที่ข้าหลอมขึ้นเมื่อสองวันก่อน ทำให้สัตว์อสูรเทพ เลื่อนระดับกลายเป็นสัตว์อสูรเหนือเทพไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกท่านวางใจในเรื่องผลลัพธ์ได้เลย”
“มิได้ว่ากันว่ายาบรรลุเทพหลอมยากอย่างยิ่งหรอกหรือ” กัวเพ่ยเพ่ยถาม “ต่อให้เป็นนักหลอมยาขั้นเจ็ดขั้นแปดก็ไม่แน่ว่าจะหลอมออกมาได้ นอกจากนี้เครื่องยาที่ต้องใช้ก็ไม่ ธรรมดาอย่างยิ่ง ยาบรรลุเทพนี้เป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้เลย!”
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “พวกท่านน่าจะมีคนที่ไปถึงระดับจ้าววิญญาณขั้นสุดยอดแล้วแต่มิอาจเลื่อนระดับได้อยู่กระมัง สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเลื่อนไปถึงระดับเทพได้”
“ยาบรรลุเทพนี้เป็นของพวกเราแล้วจริงๆ หรือ” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งรับยาวิเศษมาอย่างระมัดระวัง
“แน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบขวดหยกออกมาอีกสองขวดแล้วเอ่ยว่า “ขวดหยกแต่ละใบมีอยู่เก้าเม็ด รวมกับที่อยู่ในมือของพวกท่านเป็นสิบเม็ด สิ่งเหล่านี้น่าจะชดเชยกับสิ่งของ งของตระกูลจานเหล่านั้นได้แล้วกระมัง”
“ชดเชยได้ ชดเชยได้แน่ มูลค่าของมันยังมากกว่าสิ่งเหล่านั้นมากมายนัก!” กัวซือหมิงพูด
นี่คือยาบรรลุเทพสิบเม็ดเชียวนะ! อย่าว่าแต่สิบเม็ดเลย ต่อให้แค่เม็ดสองเม็ดก็เพียงพอแล้ว!
เพราะการมีระดับเทพเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งนั้นส่งผลกระทบต่อตระกูลหนึ่งๆ อย่างมหาศาล มิใช่สิ่งที่จะนำความมั่งคั่งเหล่านั้นมาวัดมูลค่าได้เลย!
ถ้าหากมีระดับเทพเพิ่มขึ้นสิบคน พวกเขาสองตระกูลก็ยกระดับขึ้นไปได้อีกขั้นแล้ว
ดังนั้นสิ่งตอบแทนจึงคุ้มค่านัก!
ซือหม่าโยวเย่ว์มองท่าทีตื่นเต้นของพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะมอบยาบรรลุเทพนี้ให้กับพวกท่านตระกูลละห้าเม็ดก่อน ถ้าหากหาวิธีให้ข้ากลับไปแล้วกลับมาได้อีก และรับตัวค คนในตระกูลข้ามาได้ ข้าก็จะมอบอีกห้าเม็ดที่เหลือให้ ถ้าหากข้าล้มเหลว เช่นนั้นกิจการของตระกูลจานก็มิได้มีประโยชน์อันใดต่อข้าเลย ถึงตอนนั้นก็จะสละส่วนแบ่งของข้าให้ เช ช่นนี้ดีหรือไม่”
“เจ้าหุบเขาน้อย ท่านวางใจเถิด พวกเราจะต้องช่วยท่านหาหนทางกลับไปได้อย่างแน่นอน” อวิ๋นจิ่นเว่ยพูดอย่างมั่นใจ
เทียบกับกิจการของตระกูลจาน ตอนนี้พวกเขาอยากได้ยาบรรลุเทพเหล่านั้นมากกว่า ดังนั้นพวกเขาจะต้องพยายามคิดหาหนทางช่วยซือหม่าโยวเย่ว์กลับไปให้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของพวกเขา ซือหม่าโยวเย่ว์ก็แย้มยิ้ม ก่อนหน้านี้พวกเขาช่วยเธอก็เรียกได้ว่าทำจากมุมของเธอ แต่ตอนนี้พวกเขาทำเพื่อตัวเอง ย่อมต้องทุ่มเทมากกว่าอยู่ แล้ว
“เอาละ ต่อไปพวกเรามาปรึกษาเรื่องแผนการทำลายล้างตระกูลจานกันดีกว่า…”